วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 10 ตอนที่ 10 โทเดียม (Todeum)

เล่มที่ 10 ตอนที่ 10  โทเดียม (Todeum)

วันนี้เป็นวันที่แวมไพร์ลอร์ด โทริ แจ้งไว้!
พวกนักดาบ เพล ไอรีน ซีชวิ เมแพนและเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆ มารอกันแต่เช้าตรู่ในหมู่บ้านโมราต้า

“นี่สินะหมู่บ้านโมราต้า!”
ในที่สุดเมแพนก็ได้เลื่อนมาเป็นพ่อค้าระดับกลาง  และจากระดับเลเวลของทักษะนั้นทำให้เขาสามารถซื้อขายแร่ธาตุและอัญมณีสำคัญๆ ได้เสียที
พรเล็กๆ ที่มอบให้เหล่าพ่อค้า
รถม้าคันหรู  มันเป็นรถม้าขนของที่ลากจูงด้วยม้าถึง 8 ตัวและสามารถขนข้าวของสินค้าได้จำนวนมากโดยจะไม่เน่าเสียไวเกินไป
“รับซื้ออาหารคร้าบ! เสบียงที่ใช้ในการต่อสู้ก็ซื้อนะ!"
เมแพนซื้อหาเสบียงที่เขาคิดว่าจำเป็นต้องใช้ในการไปโทเดียม
เขาไปทั่วหมู่บ้านโมราต้าเพื่อซื้อหาเสบียงต่างๆ จากเหล่าชาวบ้านและนักผจญภัย มาเก็บไว้ในรถม้าคันหรูนั่น

ในระหว่างนั้น ตัววีดเองก็เร่งรีบหาเงินอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน
“ขายรูปสลักแจ่มๆ คร้าบ!  ซื้อหาไว้แล้วเฮงแน่ๆ!”
รูปสลักที่แกะโดยวีดประติมากรผู้ยิ่งใหญ่!
นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมโมราต้านั้นต่างต้องการของฝาก  ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากเข้าคิวยาวรอซื้อรูปสลักจากวีดอยู่
เด็กหญิงตัวเล็กๆ เอ่ยขึ้น
“คุณลุงคะ หนูอยากได้ชิ้นที่เหมือนกับหอคอยแห่งแสงค่ะ”
วีดยิ้มแย้มอย่างร่าเริงและกล่าวขึ้นว่า
“ชิ้นนั้น 10 เหรียญทองครับผม”
 “เอ๋ แพงจังเลยค่ะ  หนูมีตังไม่พอซื้อ”
  “.........”
เด็กหญิงจากไป เพราะราคามันมหาโหดเกินไป
ลูกค้าคนต่อมา  เป็นคุณยายสูงวัยที่มีเรือนผมสีดอกเลา  เธอเดินเข้ามาหาวีดและเอ่ยว่า
“พ่อหนุ่ม  ยายอยากได้รูปสลักที่เหมือนหอคอยแห่งแสงที่ตั้งอยู่ใกล้ภูเขาน่ะ”
“ได้เลย  ราคา  9  เหรียญทองครับ”
วีดลดราคาให้เธอเล็กน้อย
เขาแพ้ทางหญิงสูงอายุ!

 “อะไรนะพ่อหนุ่ม?”
 “8 เหรียญทอง...”
“รูปสลักแพงแบบนี้เลยเหรอหนุ่มเอ๊ย?   หนุ่มคงไม่หักหาญน้ำใจคนแก่แบบยายหรอก ใช่ไหม?”
“ม...ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ ...งั้นซัก 5 เหรียญทองเป็นไงครับ”
“ยายไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอก สัก 2 เหรียญเงินเป็นไง!”
“ราคาขนาดนั้นมัน....เฮ้อ ก็ได้ครับคุณยาย”
“น่าจะบอกแบบนี้ตั้งแต่แรกนะหนุ่ม”

เมื่อวีดเห็นรูปสลักถูกหยิบไป น้ำตาก็หลั่งไหลออกมาจากดวงตา
ทักษะประจบสอพลอที่เขามีตั้งแต่เกิด!

จริงๆ ราคารูปสลักที่เขาตั้งไว้นั้นก็เหมาะสมแล้ว
‘แม่งเอ้ย  หาเงินจากรูปสลักนี่ไม่ง่ายเลยวุ้ย’
เงินที่เขาหาได้จากการขายอาวุธและชุดเกราะที่สร้างขึ้นจากสกิลแบล็กสมิทนั้นยังมากกว่าที่เขาคาดไว้เสียอีก
แต่ที่นี่  การซื้อรูปสลักนั้นถูกพิจารณาว่าเป็นของฟุ่มเฟือยจนคนส่วนใหญ่ไม่สามารถซื้อหาได้
จึงมีไม่มากนักที่จะมีใครมาซื้อรูปสลักเป็นของขวัญฝากเพื่อนฝูง เพราะราคาของรูปสลักนั้นพุ่งขึ้นสูงมากเนื่องจากความหายากของมัน

ลูกค้าคนถัดมาเป็นคุณป้าสูงวัยคนหนึ่ง
คุณป้าแผดเสียงถามวีดด้วยคำถามที่แหลมคม
 “ถ้าฉันสั่งทำรูปสลักชิ้นหนึ่ง  ชิ้นต่อไปฉันจะได้ส่วนลดไหม?”
 “นั่นมันค่อนข้างจะ...”
“นายสร้างมันจากเศษไม้ที่หาริมถนนแถวไหนก็ได้    ของแค่นี้มันจะไม่ราคาแพงไปหน่อยรึ?”
เหล่าลูกค้าต่างคิดว่า งานแกะสลักนั้นเป็นของแบบผลิตจำนวนมากและสามารถซื้อหนึ่งแถมหนึ่งได้เหมือนอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ต!
รูปสลักนั้นยังคงถูกมองว่าเป็นเพียงของฝากเล็กๆน้อยๆ
นี่เป็นสถานการณ์ที่วีดยังหาทางออกไม่ได้
ไม่ว่าประติมากรผู้ยิ่งใหญ่จะถูกชื่นชมมากเพียงใด แต่ในความเป็นจริงเขาก็ยังหาเงินไม่ค่อยได้อยู่ดี
‘ประติมากรนี่เป็นอาชีพที่แย่โคตรๆ!’
วีดถูกบังคับให้ต้องขายถูกลงๆ แต่ต้องขอบคุณชื่อเสียงที่เขามี ทำให้ยังโชคดีพอที่จะขายได้ในราคาเฉลี่ยชิ้นละ 5 เหรียญทอง

ยูรินนั่งวาดรูปอยู่ข้างๆ
“เข้าคิวด้วย!”
หากเทียบกับวีดแล้ว  มีคนแห่มามุงดูยูรินมากกว่าเสียอีก ที่ต่างกันมากก็คือ เป็นผู้ชายทั้งหมด!
“คุณอยากให้ฉันวาดอะไรเหรอคะ?”
“ใจเย็นๆ นะ...แค่วาดข้อมูลสำหรับติดต่อคุณให้ผมก็เพียงพอแล้วครับได้โปรด”
“นั่นก็ลำบากไปน้า  เดี๋ยวฉันจะวาดอะไรเท่ๆ ให้คุณละกัน”
“ขอบคุณครับ”
มีลูกค้าจำนวนหนึ่งที่แวะเวียนมาหลายรอบ
“คุณลูกค้าคะ นี่ครั้งที่สามแล้วนะคะ”
“เรียกผมว่าฮานเถอะครับ”
“ถ้างั้น ฮาน  อยากได้ภาพวาดแบบไหนเหรอคะ?”
“ผมอยากได้ภาพที่ยูรินวาดออกมาจากใจครับ  ถ้ายูรินพอใจ ต่อให้เว้นผ้าใบไว้เปล่าๆ ก็ยังได้เลยนะ”
“โอ้ ขอบคุณค่ะ แต่สำหรับอาชีพจิตรกรแล้ว  ฉันไม่ค่อยจะมีเงิน...”
“ผมทราบดี คุณมีปัญหาอยู่ใช่ไหม?  ผมให้เงินคุณ 7 เหรียญทองเลยก็ได้นะ”
ลูกค้าบางรายมอบไอเท็มให้เธอ
“ผมคิดว่าคุณจำเป็นต้องใช้ถุงมือหนังนี่นะ...”
“ผมว่าเป็นเวลาดีที่คุณควรจะได้หมวกใบใหม่นะครับ”

เหล่าบุรุษต่างมามุงดูน้องสาวของเขาอย่างมีชีวิตชีวา   สาวสวยยูริน!
เธอเป็นที่นิยมกว่ารูปสลักของวีดมาก

วีดจำเป็นต้องสร้างรูปสลักชิ้นโต  หรือไม่ก็รูปสลักที่ใช้วัตถุดิบราคาแพงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี    นั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องแลกเพื่อสร้างรูปสลักที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม
งานประติมากรรม เป็นสิ่งที่ต้องเสียสละเพื่อพัฒนาเมืองและอาณาจักร!
อย่างไรก็ตาม  เนื่องจากธรรมชาติของรูปสลักชิ้นโตนั้นค่อนข้างมีน้ำหนักมาก จึงยากต่อการขนย้าย และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้คนไม่นิยมซื้อรูปสลักแบบนั้น
รูปสลักดีพอใช้  ขายไม่ได้ราคานัก  เว้นแต่มันจะเป็นระดับผลงานอันยิ่งใหญ่หรือผลงานระดับแม็กนั่ม

อารมณ์ที่บริสุทธิ์ และแรงบันดาลใจเพื่อสร้างผลงานทางศิลป์ที่ยอดเยี่ยม!
ดังนั้นศิลปินที่แท้จริงย่อมจะเลือกทักษะอาชีพด้านแกะสลักในทันที

วีดตกอยู่ในความเสียใจ
‘ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้  เราเล่นสายจิตรกรยังจะดีกว่าเสียอีก’  (tlnote: ไม่เกี่ยวกับอาชีพหรอกวีด  มันอยู่ที่ หน้าตาเฟ้ย หน้าตา!)

การได้หมกมุ่นตนเองในชิ้นงาน และภาคภูมิใจกับผลงานที่เสร็จสิ้นนั้นทำให้เขาได้สัมผัสถึงความสำเร็จ!
แต่อย่างไรมันก็ไม่อาจเทียบได้กับความรู้สึกของคนที่ได้นั่งเลียนิ้วแผล่บๆ ระหว่างนับเงินเป็นเป็นล้านๆ วอน
เขาเป็นประติมากรที่คิดแต่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น!
แทนที่วีดจะพยายามขายรูปสลักชิ้นใหญ่ชิ้นโต  แต่ดูเหมือนว่าการขายอาหารให้ผู้คนที่กำลังซื้อภาพวาดนั้นจะดีกว่าและง่ายดายกว่ามาก
.
.
.
ในที่สุดก็รวบรวมเสบียงอาหารได้ครบถ้วน
เมแพนเดินเข้าหาวีดและกล่าวขึ้น
“คุณวีด พร้อมแล้วครับ”
“แล้วท่านอาจารย์กับพวกนักดาบล่ะ?”
“พวกเขากำลังรออยู่ที่ลานกลางเมืองน่ะ”
“ถ้างั้นเราไปกันเลยไหม?”

วีดเก็บข้าวของที่ตั้งไว้
“วันนี้ใครกำลังรอซื้อรูปสลักอยู่เดี๋ยวคราวหน้าผมจะลดราคาให้นะ”
“เอ๋  เราก็ไม่ได้รอนานเท่าไหร่นะ  แค่ประมาณ 20 นาทีเอง”
“ฉันอยากได้จริงๆ นะ”
ผู้คนที่กำลังยื่นรอคิวรับรูปสลักต่างให้อภัยเขาที่ทำให้รอเก้อแม้ใบหน้าจะดูผิดหวังอยู่บ้าง

“งั้น เมแพน  รอตรงนี้สักครู่นะ”
“ครับ?  อ่า โชคดี”
หลังจากขอให้เมแพนรอ  วีดก็เดินไปที่โรงนา  จากนั้นเขาก็หยิบเกราะแห่งทัลร็อก ออกมา
ชุดเกราะชิ้นใหม่ซึ่งสร้างขึ้นจากแร่มิทธิล
เมื่อวีดสวมใส่มัน  ชุดเกราะก็เพิ่มโบนัสค่าสถานะที่เหมาะสมให้เขา
เขาสวมใส่ชุดสีดำล้วน  เกราะสีดำ ผ้าคลุมสีดำ  ราวกับเป็นอัศวินดำ!
ต้องขอบคุณทักษะแบล็กสมิทขั้นกลางที่ทำให้เขาสามารถสวมใส่ชุดเกราะของอาชีพอื่นได้แม้จะเป็นประติมากร
วีดออกมาจากโรงนาพร้อมกับชุดเกราะเต็มยศและปรากฏกายบนถนนของโมราต้า
***
 “ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย”
“ข้าไม่คิดงั้นว่ะ”
“ยังไงกันวะเนี่ย?”
“ไม่มีทางน่า”
รูปลักษณ์ของวีดนั้นค่อนข้างจะเหลือเชื่อเกินไป
นักรบระดับสูง
เขากำลังสวมเสื้อเกราะที่สร้างขึ้นจากแร่มิทธิล
“ชุดเกราะแบบนั้นมีข้อจำกัดเลเวลสูงมาก”
“เขาต้องเป็นผู้เล่นระดับสูงแน่”

มุมมองที่คนอื่นๆ มองวีดนั้นเปลี่ยนไป
วีดคนที่ใช้มีดแกะสลักชิ้นไม้หรือก้อนหินอยู่ข้างถนนมาหลายวัน และตอนนี้เขาเป็นศูนย์กลางของความอิจฉาและความสนอกสนใจ
เขาเดินผ่านฝูงชนมายังที่ที่เมแพนรออยู่
“โทษที่ให้รอนะ ปะ ไปกันเถอะ”
“ฮะ? อะครับ!”
เมแพนเดินตามวีดไปหายูรินซึ่งกำลังคอยอยู่
‘ที่วีดทำแบบนี้ต้องมีความหมายลึกๆ บางอย่าง’

เมแพนรู้สึกได้ถึงสายตารุ่มร้อนที่เต็มไปด้วยความอิจฉาอย่างไม่ลดละ
เกราะของวีดเป็น เกราะที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ซึ่งดูดซับแสง มันเป็นไอเท็มที่หรูหราและโดดเด่นซึ่งมีนักผจญภัยเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่ได้ครอบครอง และยากจะได้พบเห็น
“เขาต้องเป็นคนมีชื่อเสียงแน่”
“จริงเหรอ  เขาเป็นใครกันแน่วะ”
“บางทีเขาก็ดูคล้ายๆ ประติมากรตะกี้อยู่หน่อยๆ นะ?”
“ไม่มั้ง  เรารู้สึกว่าเค้าดูคล้ายๆอยู่ แต่...”
“เหมือนกันจริงๆนะ”
“น่าจะใช่ประติมากรวีดนะ”

คำกล่าวที่ว่า คนที่คล้ายคลึงกันมักไปที่เดียวกันหรือทำสิ่งต่างๆ เหมือนกัน นั้นไม่ผิดเลย
คนอื่นๆ แทบจะจำไม่ได้เลยว่านั่นมันเป็นใบหน้าของวีด
ใบหน้าที่แสดงออกถึงความอัตคัดขัดสนและความต้องการ!

วีดนั้นดูเรียบๆ ธรรมดาๆ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผ่อนคลายที่คนอื่นๆ จำเขาไม่ค่อยได้
อย่างไรก็ตามการแสดงออกของฝูงคนอื่นๆ ก็แตกต่างกันไป
“เกราะนั่นต้องเป็นของปลอมแน่ๆ”
“อืม บางทีมันอาจจะแค่ชุบผิวด้วยมิทธิลอย่างเดียวละมั้ง”
“ไม่เห็นจะดูดีขนาดนั้นเลย”

วีดและเมแพนเพิกเฉยต่อปฏิกิริยาของผู้คนเบื้องหลังและเดินไปหายูริน
“ยูริน ไปกันเถอะ”
ยูรินมองขึ้นมาระหว่างที่กำลังวาดภาพ
“ค่ะพี่!  เอ๊ะแต่ชุดของพี่....”
“หือ?”
วีด กวาดตามองชุดของตนเองอย่างช้าๆ
“ทำไมเหรอ?  หรือเป็นเพราะพี่กำลังใส่ชุดเกราะของทัลร็อก?”
“โอ้ ไม่มีอะไรค่า  มันก็แค่ดูพิเศษนิดหน่อย...”
"...."
อวดชุดเกราะของตัวเองอย่างโจ่งแจ้ง!
จริงๆ แล้ว ที่วีดสวมชุดเกราะนี่ก็เพื่อต้องการให้น้องสาวรู้สึกภูมิใจในตัวเขา

วีด เมแพน และยูริน เดินไปที่ศูนย์กลางหมู่บ้าน ซึ่งมีผู้คนกำลังเม้ามอยกันอยู่
“เธอเห็นที่ลานโล่งนั่นไหม?  พวกเขาเตรียมไปล่าที่ไหนกันนะ?”
“ปาร์ตี้นั่นมี ออร์ค พ่อค้าระดับสูง แล้วก็พวกนักดาบ...ภารกิจอะไรกันนะ?”
“ได้ยินมาว่า ประติมากรวีดก็กำลังมาเหมือนกัน”

พวกเขาเคยเห็นการต่อสู้กับมังกรโครงกระดูกที่ฉายออกทีวีมาแล้ว
กลุ่มบุรุษที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามซึ่งเข้าโรมรันในการต่อสู้ระยะประชิดตัว   พวกเขาใช้เพียงดาบ  
ไม่มีใครไม่รู้จักพวกนักดาบ
หลายคนมีชื่อเสียงเนื่องจากไปท้าทายผู้คนเพื่อเสาะแสวงหาวิถีแห่งศิลปะการต่อสู้
ตอนนี้  ความสนอกสนใจของผู้คนต่างเพ่งมาที่นี่ เนื่องจากพวกนักดาบได้มารวมกันอยู่ที่โมราต้าและต่างพร้อมจะมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่ง
“ดูเสบียงมหาศาลนั่นสิ!”
“หรือว่ามีสถานที่ล่าใหม่ใกล้ๆ โมราต้า?”
“อาจจะมั้ง ไม่รู้เหมือนกัน”

ถ้าหากคุณมาที่หมู่บ้านโมราต้าในแดนเหนือได้  เช่นนั้นคุณก็ไม่ใช่ผู้เล่นใหม่แล้ว
พวกเขาเกือบทั้งหมดต่างสังเกตเห็นและสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างกำลังเกิดขึ้น
พวกเขาสังเกตเห็นสัญญาณประหลาดๆ ซึ่งเกิดขึ้นในหมู่บ้าน

เสบียงจำนวนมหาศาลที่พวกนักดาบกำลังกักตุนไว้!
และยังมีปาร์ตี้ของเพลที่สวมใส่อาวุธและชุดเกราะอย่างดีจนเห็นได้ชัด
ความจริงอย่างที่สามที่เรียกความสนใจได้มากยิ่งกว่าสิ่งใดก็คือ
เผ่าพันธุ์ใหม่!  ออร์ค!
ออร์คนั้นสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ และพวกมันเดินทางไปมาระหว่างหมู่บ้าน  แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นมัน

“น่าเกลียดจริงๆ แฮะ”
“ดูก้นนั่นสิ  เดินแต่ละที อย่างฮาเลย”
“ใหญ่กว่าหัวตูอีก!”
ซีชวิ รู้สึกดีอกดีใจ
มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกสบายใจมากขึ้นเพราะคนอื่นๆ สามารถเข้าถึงเธอได้ง่ายกว่าตอนที่มีภาพลักษณ์สวยงามเย็นชาเหมือนราชินีน้ำแข็ง
“ดูนั่นสิ! ชวิชวิต ชวิต!”
“เสียงขึ้นจมูกนั่น!”
วีด เมแพน และยูริน เดินมาถึงศูนย์กลางของลานโล่งและพบว่าที่นั่นเต็มไปด้วยฝูงชนมุงดูกันนับพันคน
ซึ่งเป็นเพราะข่าวลือต่างๆ นั่นเองจึงทำให้ผู้คนจากทั้งโมราต้ามารวมกัน

คนกลุ่มอื่นๆไม่ว่าจะเป็นนักผจญภัย, นักเดินทาง, นักล่า, นักบวช หรือ นักกวีต่างก็จับตาดูว่าพวกเขาจะไปที่ไหน
การเป็นจุดสนใจของผู้อื่นแบบนี้ทำให้เซอร์กะรู้สึกอึดอัด
“คนพวกนี้นี่ก็มองพวกเรากันซะจริง”
เซอร์กะหลบออกไปด้านข้างและแอบอยู่ด้านหลังไอรีน  เธอไม่เคยที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่มีคนจำนวนมากมาให้ความสนใจเธอแบบนี้ได้มาก่อน
“นี่มันยังน้อยกว่าคนที่โรเซ็นไฮม์นะ  แต่จำนวนมันก็เพิ่มขึ้นเร็วมาก”
พวกเขาต่างก็เห็นด้วยกันทุกคน
“ใช่แล้วล่ะ  มันสุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ กับความรู้สึกที่ได้สำรวจพื้นที่แห่งใหม่ในทวีปน่ะ?”

โมราต้าเป็นเมืองสำคัญในดินแดนทางเหนือ!
ในแต่ละวันมีผู้คนกว่าพันคนมายังที่แห่งนี้  และทุกครั้งพวกเขาต่างก็พากันไปผจญภัยยังพื้นที่ล่าใหม่ๆ
ผู้คนต่างให้ความสำคัญต่อการสำรวจทางเหนือและจำนวนคนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  พวกจากภาคกลางต่างพากันมาที่ดินแดนทางเหนืออย่างกระตือลือร้น  และอีกไม่นานจำนวนคนในภาคเหนือก็จะมีจำนวนเทียบเท่ากับที่อื่นๆได้
ตอนนี้มีผู้เล่นอยู่ที่ดินแดนทางเหนือประมาณ 50,000 คน  เมื่อพิจารณาถึงขนาดของทวีปแล้วจะเห็นได้ว่ายังมีพื้นที่ๆยังไม่ได้รับการสำรวจอีกเป็นจำนวนมาก   ผู้คนต่างพากันจัดตั้งปาร์ตี้เพื่อทำภารกิจ, ออกล่า หรือ ออกไปผจญภัย  และก็ยังมีคนอีกบางส่วนที่รวมกลุ่มอยู่ในเมืองเพื่อแบ่งปันข้อมูล  ส่วนคนอื่นๆนั้นก็มีบ้างที่รีบรุดมายังโมราต้าเพื่อเที่ยวชมทิวทัศน์

วีดมองไปรอบๆ แล้วเอ่ยถามขึ้นว่า
“ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะไปกันรึยัง?”
“พร้อม”
“แน่นอน!”
ฮวารยองและเซเฟอร์ตอบด้วยความมั่นใจ
เพลแตะบ่าของเมลอนอย่างแผ่วเบาพร้อมกับพูดว่า
“ไม่ว่าจะเกิดอันตรายอะไรขึ้น ผมจะปกป้องคุณเอง”
“ชั้นเชื่อใจคุณเสมอค่ะ เพล”

โรมูนะ, ไอรีน และเซอร์กะ ก็พร้อมแล้วเช่นกัน
ความรู้สึกตื่นเต้นในทรวงอกและหายใจแทบจะไม่ทันนั้นเกิดขึ้นแทบจะทุกครั้งที่พวกเขาได้ออกล่าไปกับวีด
นัยน์ตาของไอรีนเปล่งเป็นประกายในยามที่เธอครุ่นคิด
‘เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้ออกล่าร่วมกับวีด มันจะต้องมีอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นทุกทีเลยสิน่า’
พรีสอย่างเธอรู้สึกเสียใจทุกครั้งไปที่มีใครสักคนต้องเสียชีวิตไป
อัตราการล่าของวีดนั้นเร็วกว่าปกติทั่วไป 2-3 เท่า  แต่ความเร็วนั่นก็ให้ผลตอบแทนที่ดีเสมอมา
‘ชั้นจะต้องทำหน้าที่ของชั้น... เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีใครตาย’

ในทางกลับกัน กลับไม่มีใครในเหล่านักดาบที่รู้สึกประหม่าเลยซักคน
“อะแฮ่ม! มันต้องใช้เวลาซักพักกว่าจะออกเดินทางสินะ”
"ถ้ายังมีเวลาอีกซักพัก  ทำไมเราไม่ไปหาอะไรกินกันก่อนล่ะ?"
วีดส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ใช่อย่างนั้น พวกเรากำลังจะไปกันแล้ว”
พวกเขากำลังจะออกเดินทางกัน
เหล่าผู้สังเกตการณ์ต่างก็เฝ้าดูและพากันดาดเดาว่าพวกเขากำลังจะทำอะไรกัน
ทันใดนั้นเอง ผู้อาวุโสของหมู่บ้านก็รี่เข้ามาหาวีด

“ท่านเจ้าเมือง (Count)!"
นั่นเป็นคำที่ผู้อาวุโสของหมู่บ้านได้ใช้เรียกวีด
"ตะกี้ผู้อาวุโสพูดว่า เจ้าเมือง?"
"ผู้อาวุโสเรียกชายคนนั้นว่าท่านเจ้าเมืองงั้นเหรอ?"
ความประหลาดใจของพวกที่มาสังเกตการณ์ได้พุ่งทะยานขึ้นสูง
มีผู้เล่นได้เป็นเจ้าเมืองโมราต้า!
และที่น่าตกใจขึ้นไปอีกก็คือการที่ผู้อาวุโสเรียกเขาคนนั้นว่าท่านเจ้าเมือง
“เราไม่เชื่อหรอก!”
“พวกประติมากรน่ะไม่เคยมีใครได้เป็นบารอนหรือรองเจ้าเมืองมาก่อน  แต่นี่เรากำลังพูดถึงตำแหน่งเจ้าเมืองเลยนะ”
"ถ้าเขาเป็นเจ้าเมืองโมราต้า นั่นก็หมายความว่าเขาเป็นผู้ปกครองของดินแดนแถบนี้ทั้งหมด "
วีดมองไปรอบๆพร้อมทั้งตอบกลับว่า
“ท่านผู้อาวุโส การเจ้ากี้เจ้าการของท่านนั้นจะทำให้ยามรักษาการณ์หมู่บ้านลำบากเอาได้”
วีดเลียนแบบบุคลิกเหมือนตัวละครดราม่าในประวัติศาสตร์
เจ้าเมืองนั้นเป็นหนึ่งในตำแหน่งสูงสุดของชนชั้นสูง  พวกเขามีอำนาจสูงกว่าแทบจะทุกคนในอาณาจักร
ผู้อาวุโสเอ่ยออกมาว่า
“อาหารในหมู่บ้านแทบจะไม่มีเหลืออีกแล้ว”
"..."
“เนื่องด้วยจำนวนของนักเดินทางและประชากรที่เพิ่มขึ้นทำให้พื้นที่ที่มีอยู่ไม่เพียงพอ  เราจำเป็นต้องทำการขยับขยาย  ท่านจำเป็นที่จะต้องสร้างตลาดนัดแลกเปลี่ยนเพื่อการพัฒนาการเชิงพานิชย์ของร้านค้าของชำและการแลกเปลี่ยนสิ่งทอ”

วีดรับฟังเรื่องราวไปพร้อมทั้งตระหนักได้ว่านี่เป็นเรื่องอันตรายเรื่องหนึ่ง
ข้อสรุปที่เขาได้มีเพียงหนึ่งเดียว
‘เงิน! ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือเขากำลังขอเงินจากเรา’
ผู้อาวุโสของหมู่บ้านกำลังปาดน้ำตาอยู่พอดี
“พวกเราต้องการเงิน  เราต้องมีเงินมากกว่านี้เพื่อลงทุนในสิ่งปลูกสร้างและซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนในเมือง”

เซเฟอร์และเพลรู้สึกแย่แทนผู้อาวุโสท่านนี้
‘นี่มันเรื่องมหาหินชัดๆที่จะมาเรียกร้องเอาเงินจากวีดด้วยเรื่องพวกนี้’
‘มันเป็นไปไม่ได้หรอก  ให้ไปงมหาปลาวาฬจากบ่อน้ำยังจะมีโอกาสสำเร็จมากกว่ามาขอเงินจากวีดเสียอีก’
มันน่าจะดีกว่านี้ถ้าผู้อาวุโสของหมู่บ้านจะไปคุยกับเมแพนแทนเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้  พวกพ่อค้ามักจะมีเงินเก็บที่จะสามารถเอามาใช้ได้ อย่างน้อยก็ซัก 1,000 เหรียญทอง  แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

“โธ่! ทำไมท่านไม่บอกแต่แรกล่ะว่าท่านต้องการเงิน?”
วีดถอนใจเฮือกใหญ่ออกมาพร้อมทั้งเปิดเป้ของเขา  เขานำเงินทั้งหมดของเขาออกมา
ด้วยการใช้สอยทีละน้อยเท่าที่จำเป็น ทำให้เขาเก็บเงินได้ 30,000 เหรียญทอง  และจากการขายสมบัติเงินทองที่ได้จากอาณาจักรนิลฟ์เฮมนั้น ทำให้เขามีรายได้อีก 230,000 เหรียญทอง
นั่นแปลว่าเขามีเงินทั้งหมด 260,000 เหรียญทอง
เขาส่งเงินทุกเม็ดไปให้แก่ผู้อาวุโสของหมู่บ้าน
“ถ้าท่านต้องการล่ะก็ จงใช้เงินนี้ให้เต็มที่เพื่อประชากรของหมู่บ้าน”
“มัน เอ่อ  มันจะดีเหรอขอรับ? จำนวนเงินที่มากขนาดนี้มัน..”
“แน่นอนอยู่แล้ว  มันเป็นความรับผิดชอบของท่านในการพิจารณาถึงความต้องการของชาวโมราต้า”
“ขอบคุณ  ขอบคุณท่านเจ้าเมืองเป็นอย่างมากขอรับ”

ตริ๊งง!
เงินลงทุนจำนวนมหาศาลที่โมราต้า
เงินลงทุนนี้จะช่วยนำโมราต้ากลับไปสู่คืนวันอันรุ่งเรืองเหมือนในยุคของอาณาจักรนิลฟ์เฮมโบราณ!
ความรุ่งเรืองในอดีตได้ถูกสายลมแห่งกาลเวลากัดกร่อนจนเหลือแต่ความอดอยากและแห้งแล้ง ทิ้งไว้แค่เพียง
แค่ประชากรและบ้านช่องที่ผุพัง
แต่ด้วยเงินลงทุนก้อนใหม่นี้จะช่วยเป็นพื้นฐานให้ประชากรเป็นพลเมืองที่ขยันหมั่นเพียร
§  ผลผลิตเพิ่มขึ้น 30% ตลอดระยะเวลา 3 เดือน
§  พื้นที่ของหมู่บ้านจะขยายออกมากขึ้น
§  สามารถใช้ปราสาทได้
§  อัตราการเติบโตของประชากรได้รับการพัฒนา
สิ่งปลูกสร้างจะได้รับการก่อสร้างทันทีโดยขึ้นอยู่กับลักษณะเด่นของโมราต้า
บาร์(Bar) :
ช่วยเพิ่มภาษีรายได้และความพึงพอใจของพลเมือง  ทว่าให้ผลในทางตรงกันข้ามต่อความปลอดภัยของสาธารณะชน
โรงตีเหล็ก (Blacksmith) :
ช่วยพัฒนาเทคโนโลยีให้กับเมือง  ช่วยเพิ่มผลผลิตให้แก่ผู้อยู่อาศัย
ตลาดแลกเปลี่ยน (Trading Post):
สถานที่ที่คุณสามารถแลกเปลี่ยนสินค้ากับพ่อค้าคนอื่นได้  ช่วยเพิ่มภาษีรายได้และสิ่งของที่เมืองต้องการ
โรงแรม (Inn):
สถานที่พักแรกของนักเดินทาง  ซึ่งช่วยให้เหล่านักเดินทางมีความสุขกว่าการถูกทิ้งไว้ในหมู่บ้าน
สิ่งทอ (Textiles) :
ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของโมราต้าในการการถักทอผ้าและการฟอกหนังสัตว์จะช่วยเพิ่มปริมาณหนังสัตว์และภารกิจที่เกี่ยวของกับสิ่งทอ
หน่วยเฝ้ายาม (Vigilantes) :
ประชากรจะมีการรวมกลุ่มกันเพื่อคุ้มครองความปลอดของสาธารณะ  ความสามารถของพวกเขาไม่สามารถต่อกรกับพวกมอนสเตอร์ได้แต่ทว่าเพียงพอต่อการจับกุมเหล่ามิจฉาชีพลักเล็กขโมยน้อย  การช่วยเหลือด้านความปลอดภัยของสาธารณะชนนี้มีส่วนช่วยให้การพานิชย์มีการพัฒนายิ่งขึ้น
สมาคมทหารรับจ้าง (Mercenary Guild) :
สำรวจพื้นที่รอบๆหมู่บ้านและคอยมอบภารกิจในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ให้อย่างสม่ำเสมอ  ค่าใช้จ่ายของสมาคมหลักๆมาจากภาษีของเมือง  เมื่อสมาคมประสบความสำเร็จจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยแก่สาธารณะพร้อมทั้งได้รับชื่อเสียงอีกด้วย
วิหารแห่งเฟรย่าขนาดเล็ก (A small Church of Freya) :
สถานที่ๆให้เหล่าผู้ศรัทธาในวิหารแห่งเฟรย่ามาสวดภาวนา  สิ่งก่อสร้างนอกรีตจะไม่สามารถสร้างขึ้นในหมู่บ้านได้
ด้วยพรจากองค์เทพีเฟรย่า  ประชากรจะปลูกข้าวได้ดียิ่งขึ้น  ตอนนี้คุณสามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้นได้แล้ว ข้อพึงกระทำในการบำรุงรักษา (Proposed Maintenance) – เมื่อหมู่บ้านมีอสังหาริมทรัพย์ที่เพียงพอเมื่อไหร่ก็จะสามารถกำหนดระดับภาษีและงบประมาณสำหรับการพาณิชย์, กลาโหม, เทคโนโลยี, ความมั่นคง และนโยบายการเพิ่มประชากรได้
ตอนนี้งบประมาณครึ่งหนึ่งถูกใช้ไปกับการพัฒนาภูมิภาคโดยรอบและ  งบประมาณของรัฐยังคงเหลืออีกครึ่งหนึ่งที่ต้องทำการจัดสรร
คุณสามารถลดขอบเขตการปกครองในภูมิภาคลงได้เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณเงินในการลงทุน
ทว่าจงพึงระลึกไว้ว่า การพัฒนาหรือการขยับขยายเมืองจะช่วยเพิ่มอำนาจการปกครองให้สูงขึ้น  ค่าสถานะที่ส่งผลต่อการเมืองระดับท้องถิ่นจะถูกสร้างขึ้นมา
หลักจากการพัฒนาผ่านขั้นตอนแรกไป คุณจะสามารถเก็บภาษีได้  หากคุณลงทุนในด้านสังคมสงเคราะห์มากจนเกินไป จริงอยู่ที่ความพึงพอใจของประชากรจะเพิ่มขึ่น ทว่าเมื่อเมืองเกิดการขาดดุลมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อไหร่  ตำแหน่งเจ้าเมืองของคุณก็อาจเป็นง่อนแง่นได้
วีดจัดสรรเงินลงทุนจำนวนมากให้แก่การขยับขยายโมราต้า  มันเป็นปัจจัยพิ้นฐานที่สำคัญที่หมู่บ้านจำเป็นต้องมี เหมือนๆกับที่เมืองใหญ่ๆในส่วนกลางของทวีปมีกัน

ผู้อาวุโสพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง พร้อมทั้งกล่าวว่า
“อย่างที่ท่านเจ้าเมืองทราบ  ครึ่งหนึ่งของเงินลงทุนได้รับการจัดสรรแล้ว  คำถามก็คือท่านประสงค์จะทำเช่นใดกับเงิน 130,000 เหรียญทองที่เหลือ  คำถามแรกก็คือ ท่านต้องการลงทุนกับการบำรุงรักษาหมู่บ้านเป็นจำนวนเท่าไหร่ขอรับ?”
เงินจำนวนนี้จะถูกใช้ในการซ่อมแซมและก่อสร้างบ้านเรือนหรือถนนหนทางภายในหมู่บ้าน  หากปราศจากสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานแล้ว ความพึงพอใจของประชากร, การค้า และความมั่นคงก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก  ดังนั้นแล้วการพัฒนาสาธารณูปโภคเหล่านี้จึงมีส่วนช่วยในการพัฒนาเมืองบ้างไม่มากก็น้อย

เมื่อพิจารณาถึงปริมาณของอาคารบ้านเรือนแล้ว วีดจึงตอบไปว่า
"10,000 เหรียญทอง!"

- เงิน 10,000 เหรียญทองถูกนำไปลงทุนในการบำรุงรักษาเมือง

เขามีเงินแค่ 130,000 เหรียญทองให้ใช้  สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผู้อาวุโสของหมู่บ้านจะไม่ยอมทำอะไรกับเงินลงทุนเล็กๆน้อยๆแค่นี้หรอก
“บ้านหลังนึงใช้ 100 เหรียญทองก็น่าจะพอ”
เขาพิจารณาแล้วว่านั่นเป็นปริมาณที่น่าจะเพียงพอสำหรับประชากร ณ ปัจจุบันนี้  การที่ต้องมาใช้เงินที่เขาเก็บหอมรอมริบมาจนถึงตอนนี้กับเรื่องพวกนี้ทำเอาเขาอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด

ผู้อาวุโส ถามมาอีกครั้ง
“แล้วท่านต้องการจะลงทุนในด้านการรักษาความปลอดภัยของเมืองเป็นจำนวนเท่าไหรหรือขอรับ ท่านเจ้าเมือง?”
หน่วยงานรักษาความปลอดภัยช่วยลดอัตราการเกิดอาชญากรรมภายในหมู่บ้านลง
มันมีส่วนเกื้อกูลต่อความพึงพอใจของชาวบ้านเป็นอย่างมาก
หากมีอาชญากรรมเกิดขึ้นบ่อยๆ ก็เป็นที่แน่นอนว่าเศรษกิจและอุตสาหกรรมจะไม่เติบโต
มันเป็นความเรื่องระดับชาติเลยทีเดียว
และในภาวะสงคราม ก็เป็นไปได้ที่ประชากรจะถูกเกณฑ์ทหารด้วยเช่นกัน
มันมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อความมั่นคงของส่วนรวม  ซึ่งชุมชนที่มีอัตราของอาชญากรรมสูงย่อมไม่มีใครอยากมีส่วนร่วมในเรื่องของความมั่นคงของส่วนรวมเท่าไหร่
วีดเอ่ยออกมาอย่างระมัดระวัง
"300 เหรียญทอง "
มันเป็นเงินลงทุนขี้ปะติ๋วอะไรขนาดนี้!
เงินจำนวนนี้นับว่าน้อยมากๆ  แต่ต้องขอบคุณเหล่าผู้รักษาสันติสุขจากวิหารแห่งเฟรย่าที่ทำให้การตัดสินใจของวีดครั้งนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่แย่เท่าไหร่นัก

“ท่านต้องการจะลงทุนเท่าไหร่ในด้านกองทัพ?”
เมื่อไหร่ก็ตามที่ดินแดนแผ่ขยายออกไป  เรื่องของการเมืองและอำนาจทางการทหารก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวกัน โดยที่ทางกองทัพจะเป็นเป็นผู้จัดการณ์เหตุการณ์ภายในโมราต้า  ทางกองทัพจะเป็นผู้ฝึกฝนทหารและอัศวินเพื่อทำการปกป้องอาณาจักรจากศัตรูจากต่างแดนรวมถึงการรุกรานของมอนสเตอร์ด้วย  ทั้งนี้กองทัพจะจงรักภักดีต่อหมู่บ้าน  การรักษาแสนยานุภาพของกองทัพย่อมมีค่าใช้จ่าย  แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็เพื่อการขยายเขตแดนนั่น
วีดตอบกลับด้วยประโยคง่ายๆ
“ศูนย์ เหรียญทอง!"
ผู้อาวุโสจำต้องทวนอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าตนได้ยินไม่ผิดพลาด
“ท่านเจ้าเมืองหมายความว่าท่านไม่ต้องการลงทุนอะไรเลยกับกองทัพอย่างนั้นหรือขอรับ?”
“ถูกต้อง”

- ไม่ลงทุนอะไรทั้งสิ้นกับกองทัพ

สีหน้าของผู้อาวุโสเริ่มที่จะระมัดระวังตนเองมากยิ่งขึ้น
"ได้โปรดกำหนดปริมาณเงินที่ท่านต้องการลงทุนในด้านศิลปะด้วยเถิด "
ชาวบ้านจะมีความสุขยิ่งขึ้นเมื่อศิลปะได้รับการพัฒนา
จินตนาการที่ไร้ขีดจำกัดและความคิดสร้างสรรค์เป็นพื้นฐานการเติบโตของวัฒนธรรม...
วีดไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย
“ศูนย์เหรียญทอง!”
“ท่านไม่ต้องการลงทุนกับศิลปะอย่างนั้นรึ?”
“ถูกต้อง”
ถ้าไม่มีฝุ่นผงอะไรมาบังตาล่ะก็ ต่อให้หัวเด็ดตีนขาด เขาไม่มีวันที่จะลงทุนไปกับศิลปะเด็ดขาด
ศิลปะไม่เคยก่อให้เกิดรายได้!

เอาล่ะ ทีนี้ก็เหลืออย่างสุดท้ายแล้วล่ะนะ
“ได้โปรดกำหนดปริมาณเงินที่ท่านต้องการจะลงทุนไปกับการพัฒนาเชิงพาณิชย์ด้วยครับ  เงินจำนวนนี้จะถูกนำไปใช้ต่อไปในหลายๆด้าน”
ภาษีรายได้ของเมืองจะเพิ่มขึ้นเมื่อผลผลิตและการค้าพัฒนาขึ้น
เงินลงทุนนี้จะถูกนำไปใช้ในการสนับสนุนด้านการปศุสัตว์และการเกษตรกรรมรวมไปถึงเทคโนโลยีของเมือง  อีกทั้งเงินยังถูกนำไปใช้ในการพัฒนาเหมืองแร่และสร้างอาคารบ้านเรือน ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตให้แก่เมืองโมราต้า   นอกจากนี้ร้านขายของชำจะช่วยเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและคุณภาพของสินค้าในตลาดแลกเปลี่ยนอีกด้วย
การพัฒนางานโลหะจะช่วยเพิ่มการผลิตและคุณภาพของอาวุธ ชุดเกราะ และเครื่องมือต่างๆ
การผลิตไอเทมเฉพาะประจำท้องถิ่นจะเพิ่มขึ้น
การลงทุนในด้านใดด้านหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจงนั้นจำเป็นจะต้องกระทำอย่างระมัดระวัง
วีดตอบชัด
“119,700 ทอง!”
“ลงทุนพัฒนาการค้าด้วยเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้เลยรึ ข้าเกรงว่าท่านจะหมกมุ่นกับการพัฒนาเศรษฐกิจมากจนเกินไป”
“โปรดลง 119,700 ทองให้การพัฒนาการค้า”

- 119,700 ทองถูกใช้ไปในการลงทุนพัฒนาการค้า

เมแพนเงียบไป
“วีดก็มีด้านแบบนี้เหมือนกันเหรอเนี่ย!”
เดิมทีเขาคิดว่าวีดเป็นเพียงคนขี้เหนียวสุดๆ คนหนึ่งเท่านั้น
“ที่ผ่านมาพวกเราไม่เคยรู้เลยว่าที่จริงแล้ววีดเป็นคนยังไง”
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ความเป็นผู้นำของวีดถูกประเมิน อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงนั้นต่างออกไปมาก

การตัดสินใจของวีด
‘โมราต้าจะกลายมาเป็นเมืองสำคัญของทวีปทางเหนือ’
จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุกวัน!
โมราต้าจะปลอดภัยอยู่ใต้การคุ้มครองของวิหารแห่งเฟรย่าไปอีกหนึ่งปี ดังนั้นจึงไม่มีความเสี่ยงเรื่องที่หมู่บ้านหรือชาวบ้านจะถูกมอนสเตอร์จู่โจม
ผู้เล่นอื่นสามารถโจมตีโมราต้าได้
แต่คงไม่มีใครอยากโจมตี เพราะความแข็งแกร่งและอำนาจที่วิหารแห่งเฟรย่ามี
เป็นที่รู้กันทั่วว่าพาลาดินของวิหารแห่งเฟรย่าคือกลุ่มคนที่นอกจากจะแข็งแกร่งที่สุดแล้วยังไม่รู้จักการให้อภัย
‘ปลอดภัยไปอีกปีนึงละนะ’
โมราต้าถูกวางแผนให้พัฒนา
เพื่อที่ในอนาคตเขาจะได้เอาเงินที่ลงทุนไปคืนมาผ่านการแสวงหาผลประโยชน์อย่างถึงพริกถึงขิง!
นี่มันความฝันของเจ้าเมืองชั่วชัดๆ!
***

ตอนที่วีดถูกผู้อาวุโสของหมู่บ้านดึงตัวเอาไว้ เมแพน เพล และนักดาบก็กำลังรอเขาอยู่
วีดพูดขึ้นว่า
“เรียบร้อยแล้ว พวกเราออกจากเมืองกันเถอะ!”
“เสร็จซะที ไปกันๆ”
เซอร์กะพูดพร้อมยิ้มอย่างร่าเริงเดินนำทุกคนออกไป
เมแพนมีรถม้ามาด้วย ขณะที่รถเคลื่อนไปข้างหน้าก็ทิ้งรอยล้อลึกลงไปในพื้นดิน นี่เป็นเพราะว่าในรถเต็มไปด้วยผ้า หนัง เพชรพลอย หลากหลายชนิด อาหารกองเป็นภูเขา ของที่จำเป็นในการต่อสู้และสินค้าอื่นๆ
ถ้าบรรทุกมากไปรถก็จะเคลื่อนที่ไม่ได้ แต่เขาได้คำนวนมาแล้วอย่างดีและจัดวางทุกไอเทมอย่างระมัดระวังจนสามารถบรรจุของลงไปได้ถึงจำนวนขั้นสูงสุดที่จะบรรทุกได้

"ฉันอยากไปดูด้วยจังเลย"
"ตามไปกันเถอะ"
"ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าพวกเขาไปที่ไหนกัน!"

เหล่าผู้เห็นเหตุการณ์ติดตามไปอย่างใกล้ชิด
หลังจากที่พวกเขารู้ว่าวีดเป็นเจ้าเมืองโมราต้าก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นไปอีก
ดูราวกับว่าถ้าวีดจะไปนรกพวกเขาก็จะตามไปอย่างไรอย่างนั้น!
วีดเคลื่อนที่ไปยังทิศทางของหุบเขาทางใต้
“พื้นที่แถวนั้นยังไม่ถูกสำรวจอีกเหรอ”
“ไม่รู้สิ ก็มีพื้นที่ล่าแล้วก็ดันเจี้ยนหลายที่เหมือนกันนะที่ยังไม่มีใครเข้าไป”
เหล่าผู้ชมดูรู้สึกสับสนแต่ก็ยังคงตามติด พวกเขาเห็นแล้วว่าวีดมีเสบียงมาด้วยจำนวนมาก
กลุ่มของวีดมุ่งหน้าสู่ป่าที่เต็มไปด้วยหมอกของหุบเขาตะวันตก
ต้นไม้ที่ขึ้นอย่างหนาแน่นบดบังท้องฟ้า
ไอน้ำที่หนาแน่นในหมอกบดบังทำให้มองผ่านได้ลำบากจนทัศนวิสัยย่ำแย่
วี้ดๆ ๆ!

ฝูงแมลงร้องชวนให้รู้สึกถึงลางร้าย
ไม่มีมอนสเตอร์โผล่ออกมาจากหมอกในป่า แต่แสงอาทิตย์ก็เริ่มกลายเป็นเพียงแสงหรุบหรู่และเสียงบางอย่างก็ใกล้เข้ามา

“ไม่เป็นไร”
“มีทางออกอยู่อีกด้าน เราอ้อมไปรอที่ปลายทางอีกฝั่งกันเถอะ”
เหล่าผู้คนที่ห้อมล้อมอยู่มีเพียงกลุ่มเดียวที่ตามวีดเข้าไปในป่า นอกนั้นหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไป
ผู้คนหยุดรอขณะที่วีดและเพื่อนๆ หายเข้าไปในหมอก
พวกเขารออยู่หนึ่งชั่วโมงก็แล้ว สองชั่วโมงก็แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ข่าวอะไร
“ต่อให้พวกเขาเดินช้าเพราะต้องลากรถไปด้วย แต่ก็ไม่น่าจะช้าขนาดนี้รึเปล่า น่าจะพ้นแนวป่าได้แล้วนะ”
“ทำไมยังไม่ออกมาอีก ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย”
“กลับไปที่ทางเข้ากันเถอะ”
ส่วนหนึ่งยังคงรออยู่ที่ปลายทาง ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งย้อนกลับไปที่ทางเข้า แต่ไม่มีใครพบเห็นร่องรอยของวีดและพวกเลย
***
ป่าสายหมอกแห่งตะวันออก!
ไอน้ำพวยพุ่งขึ้นจากพื้นดิน สายลมแรงพัดผ่านระหว่างต้นไม้
กว้าก กว้าก!
สถานที่นี้ให้บรรยากาศแปลกๆ
เป็นสถานที่ที่ทำให้รู้สึกแย่แม้จะอยู่แค่เพียงเวลาไม่นานก็ตาม
วีดเรียกโทริตรงนี้นี่เอง
“จงมา แวมไพร์ลอร์ดโทริ!”
ครึ่กๆ!
พวกเขาได้ยินเสียงบางอย่างตอนที่พื้นดินสั่นสะเทือน
มันคือฝูงค้างคาวบินสีดำ!
โทริมีตาสีแดงก่ำเหมือนเลือดและเขี้ยวคมที่ยื่นออกมาจากปาก
ค้างคาวแวมไพร์จำนวนมากแหวกว่ายอยู่ในสายหมอก แต่ไม่ได้โจมตีเข้าใส่วีด เพล หรือเหล่านักดาบ
พวกมันเพียงกระพือปีกและบินต่ำลง บางตัวเกาะห้อยหัวตามต้นไม้ขณะที่บางตัวเกาะอยู่ที่รถ
เมื่อมองให้ดีจะเห็นว่าพวกมันมีสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงการเป็นชนชั้นสูงแห่งรัตติกาล นั่นก็คือเขี้ยวที่ยื่นออกมาและปีกคู่สง่างาม
เมลอน ไอรีน โรมูนะ และเซอร์กะถูกค้างคาวแวมไพร์ สองแสนตัวล้อมเอาไว้

“กรี้ดดด ดูเขี้ยวพวกมันสิ”
“น่ารักน่าเอ็นดูมากเลย คิ้วววอะ”
คนอื่นๆ ไม่ค่อยเข้าใจความฟินของเซอร์กะและโรมูนะ บางคนมองว่าค้างคาวเป็นสัตว์ที่น่าเกลียดแต่พวกเธอกลับคิดว่ามันน่ารักมากซะงั้น
ไอรีนค่อยๆ เข้าไปใกล้แล้วจับค้างคาวตัวหนึ่งไว้บนฝ่ามือ
“ปีกสวยจัง”
“...”
ไอรีนเองก็มีรสนิยมแปลกๆ
บางทีอาจเป็นเพราะว่าเธอไม่ต้องกังวลว่าพวกมันจะโจมตีเข้าใส่และจับเธอกิน
แวมไพร์ลอร์ดโทริคุกเข่าลงทำความเคารพ
“นายท่าน ข้ามาเพื่อนำท่านไปยังโทเดียม”
โทริแสดงความนอบน้อมสูงสุดแก่วีด
วีดพยักหน้ารับ
“อือ ออกเดินทางเลยเถอะ”

โทริยินดีเมื่อได้ยินแบบนั้น
ในที่สุดก็จะได้หลุดพ้นจากการถูกวีดโขกสับซะที!
โทริวนรอบตัวพวกเขา
“นายท่าน โปรดดูแลตัวเองให้ดีเมื่อไปถึงอาณาจักร หากว่าเราได้พบกัน...โดยบังเอิญ...อีกครั้ง”
“นั่นเจ้าขู่ข้าเหรอ”
“เอ่อ เรียกข่มจะดีกว่า”
วีดตบบ่าโทริเบาๆ
“อยากโดนใช่มั้ย”
“เอ่อ เปล่าขอรับ”
“จากนี้เจ้าคงจะใช้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและร่ำรวยสินะ”
“ใช่ แบบนั้นน่าจะสบายกว่า”
“อยากโดนจริงๆ สินะ”
“...”

วีดทำให้โทริกลัวอีกแล้ว เขาซ้อมโทริที่นี่ในสถานที่ที่ไม่มีหมอมารักษาได้
เหล่านักดาบ ไอรีน และคนอื่นๆ ในปาร์ตี้เพียงนั่งรอเฉยๆ พวกเขาไม่อยากออกแรงห้ามปรามให้เหนื่อย
‘เหมือนรถตู้ที่เบรกไม่ค่อยดีน่ะแหละ! ตัดสินใจผิดชีวิตเปลี่ยน อาจจะตายได้ทุกเมื่อ'

ปรัชญาของวีดคือ ถ้าเขาไม่ทุบตีพวกมันให้มากพอ พวกมันก็จะกบฏ
ต้องทุบเอาความคิดกบฏออกจากหัวพวกมัน
ทุกครั้งที่ถูกทุบตีจะต้องทิ้งความรู้สึกขมขื่นเอาไว้เสมอ
และต้องทุบตีบ่อยๆ ไม่เว้นช่วงนาน
ในเวลาไม่นานพวกที่ถูกทุบตีก็จะเริ่มมีความประพฤติที่ดีขึ้น
เหมือนที่เดธไนท์แวนฮอล์กเคยเข้าคอร์สมาก่อนนั่นไง
วีดยึดมั่นในปรัชญาของตนเองและข่มขู่โทริตลอดช่วงเวลาสุดท้ายที่อยู่ด้วยกัน
“ไปกันเถอะขอรับ นายท่าน”
“อือ”
วีดนำหน้าพาทุกคนปีนขึ้นหลังค้างคาวแวมไพร์ และค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
ทั้งมนุษย์ทั้งรถขนของลอยอยู่บนฟ้า!
เหล่าค้างคาวแวมไพร์ยึดตัวใต้รถเพื่อยกมันขึ้น
***

ชาแมนผมตรงยาวถือไม้เท้าสีม่วงเดินผ่านประตูเมืองเข้าสู่โมราต้า
เธอมองไปรอบๆ แล้วเอ่ยเบาๆ กับตัวเอง
“วีดอยู่ที่นี่เหรอ เรามาทันรึเปล่านะ”
ชื่อของเธอคือดาอิน
ในลาเวียสเธอคือผู้หญิงที่หยอกมอนสเตอร์เล่นด้วยการให้พร คำสาป เวทย์รักษา สลับกับโจมตี และเวทมนตร์!
ตอนนี้เธอให้ความสนใจไปที่การท่องเที่ยวไปทั่วทวีปเวอร์เซลล์และเข้าร่วมปาร์ตี้เพื่อทำภารกิจ เธอได้ข่าวเกี่ยวกับหมู่บ้านที่ชื่อโมราต้าและหอคอยแห่งแสงสว่างอันโดดเด่น
กล่าวกันว่าวีดคือคนที่แกะสลักมันขึ้นมา
“อาจจะเป็นวีดคนเดียวกันกับที่เรารู้จักก็ได้”
ดาอินจำได้ว่าวีดเป็นประติมากรและเป็นนักสู้ตัวฉกาจ
รูปสลักที่เขาทำขึ้นตอนนั้นยังไม่ถึงขั้น เนื่องจากทักษะแกะสลักยังต่ำอยู่ พวกมันเป็นไม่ได้แม้แต่ผลงานชั้นดี
มีประติมากรรมหลายชิ้นที่ดูเหมือนมอนสเตอร์
“เขาน่าจะเก่งขึ้นเยอะแล้วละมั้งตอนนี้”
ฟังจากที่ลือกัน ดาอินคิดว่านี่น่าจะเป็นวีดคนที่เธอกำลังตามหา
ผู้เล่นมากมายใช้ชื่อวีด แต่วีดที่เป็นประติมากรไม่น่าจะมีเยอะ
ดังนั้นเธอจึงมาที่ทวีปทางเหนือและปะปนไปกับฝูงชนในโมราต้า
***
แกสตันและพาโวมาถึงหมู่บ้านโมราต้า
“อยู่นั่นไง”
“โคตรลำบากเลย แล้วยิ่งคนที่มีความอึดน้อยๆ แบบเรานี่มาไกลขนาดนี้ยิ่งลำบากขึ้นไปอีก”
“จริง นี่ถ้าตอนเราเดินมาครึ่งทางพ่อค้าคนนั้นไม่ใจกว้างให้เราติดรถมาด้วยนี่เราคงมาไม่ถึงแน่”

พาโวนึกย้อนไปถึงอดีต
ตอนเข้าร่วมกับทีมสำรวจทางเหนือพวกเขาโดนมังกรพ่นไฟใส่ตายเรียบ
พาโวคิดว่าพวกเขาต้องตายแน่
“ฉันเสียดายว่ะ ไม่น่าหวังไว้สูงขนาดนั้นตั้งแต่แรก สู้กันแบบนั้นสถาปนิกกับจิตรกรจะไปทำอะไรได้ อุตสาห์ถ่อไปถึงนั่น ถูกทรมานทรกรรมแบบครบทุกรสชาติ แล้วยังอดอยู่ดูจนจบอีกต่างหาก”
“นั่นสิ พวกไร้กำลังแบบเรานี่ให้ไปต่อสู้ยิ่งลำบาก”

สถาปนิกกับจิตรกร!
พวกเขาสามารถบ่นได้ไม่จบไม่สิ้นเกี่ยวกับอาชีพของตนเอง
ตอนที่พวกเขาเปิดโทรทัพศน์ก็พบว่าการสำรวจประสบความสำเร็จ แต่พวกเขากลับติดแหง็กอยู่ที่เมืองแห่งศิลปะโรเดียม พวกเขาพลาดโอกาสได้รับค่าชื่อเสียงและรางวัลก้อนใหญ่ไป
“เออ ในเมืองโรเดียมพวกเราก็พัฒนาตัวเองได้แบบจำกัดซะด้วย พาโว”
“อือ นั่นสิ ในที่แบบนี้พวกเราไม่มีทางดังได้หรอก”

ลักษณะเฉพาะของอาชีพศิลปิน
การทำงานเดิมซ้ำๆ ในสถานที่เดิมจะได้รับค่าชื่อเสียงน้อยลง แรกๆ จะยังพอมองข้ามความแตกต่างไปได้ แต่ความแตกต่างระหว่างงานชิ้นแรกและงานชิ้นที่สิบนั้นจำเป็นต้องนำมาพิจารณาแล้ว
แสงอ่อนๆ วาบขึ้นในดวงตาของแกสตัน
“พวกเราไปเมืองอื่นกันเถอะ”
“เมืองอื่นงั้นเหรอ หมายถึงย้ายไปเลยอะนะ”
“ฉันจะบอกให้ฟังว่ามันดีกว่ายังไง ในโรเดียมนี่จิตรกรกับสถาปนิกไม่ค่อยมีงานให้ทำแต่เรามีทวีปเวอร์เซลล์ทั้งทวีปนะ จะมามัวดักดานอยู่ที่นี่ทำไม”
“เข้าใจแล้ว อยากไปเมืองไหนล่ะ”
แกสตันมีสถานที่อยู่ในใจแล้ว
“ฉันจะไปโมราต้า”
“หมู่บ้านที่มีประติมากรชื่อวีดอยู่เนี่ยนะ ชวนให้นึกถึงความทรงจำแย่ๆ ในทวีปตอนเหนือขึ้นมาเลย”
“ฉันก็อยู่ที่นั่นพร้อมนายแต่ฉันสนุกนะ”
“เชรี่ย ก็จริงว่ะ แต่เราจะไปไหวเหรอ”

การไปยังสถานที่ใหม่ๆ เป็นเรื่องยาก และยิ่งยากขึ้นไปอีกเมื่อคุณมีอาชีพสายผลิต
แกสตันถอนหายใจ
“อย่างน้อยเราก็ได้ลองพยายามดูแล้ว คิดแบบนั้นแล้วกัน”
แล้วชายวัยกลางคนสองคนก็ฝ่าฟันความท้าทายมากมายเพื่อไปยังโมราต้า พวกเขาต้องเดินทางผ่านพื้นที่อันตรายซึ่งเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ และบางครั้งก็ถูกฝูงผึ้งไล่ต่อยเอา มีหลายครั้งที่พวกเขารอดมาได้แบบฉิวเฉียด และในที่สุดก็มาถึงเมืองได้อย่างปลอดภัย!
พวกเขาทิ้งตัวลงนอนบนถนน เหนื่อยหอบ จนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากพ่อค้า
แกสตันส่ายหน้า
“มันเป็นเรื่องยากสำหรับอาชีพอย่างพวกเรา”
พาโวหัวเราะกับคำตอบนั้น
“พวกเราก็มาถึงอย่างปลอดภัยล่ะนะ”
ถ้าไม่ใช่เพราะสกิลขุดล่ะก็ พวกเขาคงตายกันไปแล้ว พวกเขาซ่อนตัวกันอยู่ในหลุมจนมอนสเตอร์จากไป การจะทำแบบนี้ได้นั้นเป็นเพราะว่าพวกเขาเห็นมอนสเตอร์ที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ต้องขอบคุณแกสตัน สกิลของเขาทำงานได้ดีเยี่ยมในหิมะ ขุดหลุมตรงไหนก็ได้แล้วก็เข้าไปซ่อน จิตรกรกับสถาปนิกเองถึงจะมีความสามารถในการเอาตัวรอดต่ำ แต่ก็ยังปรับตัวตามได้
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันก็ยังเป็นเรื่องสำคัญที่จะร่วมทางไปกับพ่อค้าคนนั้นไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงจะเอาตัวไม่รอดเมื่อเจอกับวิกฤติ
โชคยังดีที่พวกเขาพบกันส่วนกลางของแดนเหนือซึ่งยังจัดได้ว่าค่อนข้างปลอดภัย
แกสตันถูกมองเสื้อผ้าที่เขาใส่
“ว้าว เสื้อผ้าของนายนี่มันเรียกว่าโสโครกได้เลยนะเนี่ย”
“นายเองก็ไม่เคยซักมันเลยใช่ไหมเนี่ย”
แกสตันและพาโวนั้นใส่อะไรที่ควรจะเรียกว่าผ้าขี้ริ้วแต่คนรอบตัวเขาก็เหมือนจะไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้
“พวกเขาคงเป็นนักเดินทางที่มาใหม่”
“ดูสิว่าพวกเขาผ่านความยากลำบากขนาดไหนมา”
มันเป็นเรื่องแสนยากสำหรับคนหลายพันคนที่ได้เดินทางมายังโมราต้า หลาย ๆ คนที่มาถึงมีสภาพแบบคนที่ไม่ได้อาบน้ำมาไม่รู้กี่วัน แกสตันรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยเกี่ยวกับโมราต้าเมื่อเขาล้างหน้าตัวเองแล้ว
‘ดูมีชีวิตชีวาดีแฮะ’
พาโวเองก็คิดเหมือนกัน
‘มีคนพอตัวเลย น่าจะมากกว่า 3,000 คนอีกนะเนี่ยที่อยู่ในหมู่บ้านนี้’
พวกเขาต่างก็รู้ว่านี่เป็นเพียงทางเข้าหมู่บ้านและมีผู้คนเข้าออกเป็นประจำ มีคนจำนวนหนึ่งที่ดูจะยุ่ง ๆ เดินไปมาในหมู่บ้าน พ่อค้าทั้งหลายเปิดแผงขายของให้ผู้คนประหนึ่งเชฟขายอาหารข้างทาง

 “พาโวดูถ้าพวกเราจะคิดถูกแฮะที่มาโมราต้าเนี่ย”
“นี่ล่ะเมืองใหม่แห่งยุคหน้าที่กำลังพัฒนา มันไม่เลวเลยล่ะ ถึงฉันจะไม่รู้ว่าพวกเราจะทำอะไรได้บ้างที่นี่แต่มันต้องสนุกแน่ๆ”
ทันใดนั้นงานก็งอก
ผู้อยู่อาศัยของเมืองโมราต้าเดินมาอย่างไวพร้อมคว้าตัวพาโวไว้
“คุณเป็นสถาปนิกผู้ชำนาญการใช่หรือไม่?”
พาโวตัวสั่นสะท้านขณะตอบกลับว่า
“ใช่ ข้านี่ล่ะยอดสถาปนิก”
“ดีเลย! พอดีว่าภรรยาของผมเพิ่งจะตั้งท้องน่ะ เด็กก็กำลังจะเกิดมาและผมต้องการบ้านหลังใหม่ แต่ผมยุ่งจนไม่มีจะสร้างมันได้เอง ช่วยผมด้วยเถอะ คุณไม่เสียใจแน่”
ติ๊ง!
บ้านสำหรับคู่สามีภรรยา และเด็กอ่อน ช่วยให้เขาหายกลัดกลุ้มจากการสร้างที่แข็งแรงทนทานเท่าที่จะทำได้
เขาต้องการปลูกบ้านในพื้นที่ฝั่งตะวันตกข้าง ๆ ต้นแอ๊ปเปิ้ล หินและไม้สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการก่อสร้าง
ความยากระดับ D
ค่าตอบแทน 26-309เหรียญทอง
ขึ้นกับบ้านที่เสร็จสมบูรณ์และวัตถุดิบที่ใช้ในการก่อสร้าง
ข้อจำกัดของเควส : เฉพาะสถาปนิกเท่านั้น
พาโวพยักหน้าตกลง
“ให้ผมจัดการเถอะ มันจะเป็นบ้านที่แข็งแรงทนทานต่อต้านพายุได้ทุกรูปแบบ”
คุณยอมรับเควส
บ้านที่สร้างจากการขุดหินมาใช้
หลายๆแห่งในเมืองต่างก็กำลังยุ่งกับการสร้างบ้านใหม่ให้ชาวเมืองที่นี่
ชาวบ้านสร้างศูนย์การค้าขึ้นมา
ชาวเมืองมีความสามารถในการสร้างระดับนั้น
แต่ว่าคุณภาพของบ้านนั้นมันเกี่ยวกับความพอใจและความรู้สึกปลอดภัย เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ประชากรขยายตัว
แม้จะมีคนมาช่วยอยู่บ้าง แต่คุณเองก็ต้องการความช่วยเหลือจากสถาปนิกมืออาชีพ
มีการก่อสร้างกำแพงเมืองโดยรอบเพื่อเสริมความปลอดภัย มั่นคงให้กับตัวเมือง พวกเขาสร้างกำแพงและขยายเมืองออกไป
มีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
มีการประกาศว่าจะสร้างหมู่บ้านใหม่นอกกำแพง
หมู่บ้านโมราต้านั้นยังมีส่วนที่ไม่ได้พัฒนาอีกมาก พวกเขาสร้างพื้นที่เพาะปลูกใหม่และทางน้ำ
การลงทุนครั้งใหญ่ในโมราต้าเปลี่ยนสภาพแวดล้อมไปอย่างรวดเร็วสำหรับคนยากจน
นี่คือโอกาส
เป็นเควสที่ดีที่สุดสำหรับสถาปนิก
โอกาสทองที่จะเข้าร่วมกับการพัฒนาเมือง
พาโวถกแขนเสื้อขึ้น
“เราต้องทำให้เร็ว คนงานยังขาดแคลน เราต้องหาคนมาช่วยเพิ่มกับงานนี้”
“ฮ่าฮ่า เอาสิฉันช่วยเอง”

แกสตันไม่สามารถปกปิดความอิจฉาที่เห็นพาโวได้ทำงาน
การที่อาชีพของคุณเป็นประเด็นปัญหานั้นเป็นเรื่องที่ชวนให้เศร้าสุดๆ
เควสมันช่างมีน้อย แถมงานที่ทำก็ทำเหมือนทำฟรี บ่อยครั้งคุณจึงจบงานอย่างคนอดอยากหิวโหย
แต่ในโมราต้านี้ มีความต้องการสถาปนิกอย่างมาก พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่ามีกี่งานรอคุณอยู่

‘สถาปนิกยังดีกว่ามากมาย เราคงไม่มีวันได้เป็นที่ยอมรับในฐานะจิตรกร’
แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องราวนั้นกำลังจะเปลี่ยนไป
มีชาวเมืองเข้ามาหา
“ไม่ทราบว่าคุณพอจะช่วยผมได้รึเปล่า? ผมต้องการป้ายสัญลักษณ์สำหรับร้านของผมที่กำลังจะเปิด”
มันไม่ใช่งานที่ยากอะไร
แต่ตอนนั้นผู้ใหญ่บ้านก็เดินเข้ามา
“ข้าต้องการให้พ่อหนุ่มวาดรูปบนประตูเมืองเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้าน”
ประตูแห่งโอกาสได้เปิดให้กับแกสตันแล้ว
เขายังได้ถูกขอให้วาดแผนที่เกี่ยวกับมอนสเตอร์รอบ ๆ เขตนี้ และเมื่อแผนที่สมบูรณ์มันจะถูกขายให้กับเหล่านักผจญภัยและชื่อเสียงของเขาก็จะเพิ่มขึ้น
เขายังได้งานวาดภาพสำหรับปราสาท
ผู้ใหญ่บ้านกล่าวว่า
“เจ้าเมืองของเราเป็นผู้รักในงานศิลป์ ข้ารู้ว่าท่านเจ้าเมืองต้องการสนับสนุนเหล่าศิลปินในเมืองของท่านแน่ ๆ” [tlnote:ไม่จริงงงงงง]
เงินลงทุนมหาศาลของวีดใช้ไปกับการพัฒนาเมือง
นอกจากการบริจาคเงินจำนวนหนึ่งให้กับวิหารแห่งเฟรยาแล้ว ผู้ใหญ่บ้านก็ใช้เงินจำนวนมากไปกับการพัฒนาศิลปะและวัฒนธรรม
***

วีดกับเพื่อนผองบินไปกับฝูงค้างคาวแวมไพร์
“ว้าย”
เสียงกรีดร้องของเซอร์กะผู้เป็นโรคกลัวความสูง
ค้างคาวพวกนี้ไม่ได้มีแรงมากเท่าพวกไวเวิร์นที่มีรูปร่างใหญ่
ฝวับ ฝวับ ฝวับ!
เมื่อยามที่เธอได้มองพื้นเธอก็ถูกความกลัวเข้าครอบงำ

มันเป็นภาพที่ทำให้ตะลึงอย่างมาก
“นี่สินะจุดเริ่มต้นของการผจญภัย...”
ช่างเป็นจุดเริ่มที่ยิ่งใหญ่สำหรับการผจญภัยครั้งหนึ่งในช่วงชีวิต นี่ล่ะการผจญภัยที่เมลอนเฝ้าฝันถึง
เพลเองกลับรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
“เมลอนจ๋า”
“คะ?”
“ค้างคาวไม่น่ากลัวเลยเหรอ?” [tlnote:หวังให้สาวเจ้ากรี๊ดแล้วมากอดสินะ เพลคุง]
“อืมก็...”
“พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปอาณาจักรแวมไพร์นี่นา ได้ขี่ค้างคาวไปเนี่ยเป็นประสบการณ์ที่พลาดไม่ได้เลยล่ะค่ะ”
เมลอนเชื่ออย่างนั้น
แม้มันจะดูต่างจากที่เธอคิดไว้อยู่บ้างแต่ว่าชีวิตนึงคนเราจะขี่ค้างคาวซักกี่ครั้งกัน!
มันดูมหัศจรรย์เหลือเชื่อที่ผู้คนจะได้บินเหนือพื้นอยู่บนตัวค้างคาว
‘นี่สินะการผจญภัยของวีด’
เพลเองก็คิดเหมือนกัน นี่เป็นที่ที่พวกเขาได้ไปด้วยกันถัดจากเมืองลอยฟ้าลาเวียส ที่ได้ใช้เวลายาวนานไปกับเควสและการผจญภัย


เหล่าค้างคาวบินอย่างยาวนานจนโมราต้าหายไปจากสายตา
ทะเลสาบและภูเขาที่อยู่ไกล ๆ ดูเล็กกว่าปลายเล็บของพวกเขาเสียอีก
พวกเขาขึ้นมาสูงจนหมู่บ้านกลายเป็นแค่จุดเล็ก ๆ
จากนั้นก็หยุดอยู่แบบนั้น!
เหล่าค้างคาวแวมไพร์กระพือปีกอยู่กับที่
รออยู่พักนึงวีดก็ถามว่า
“โทริ แกหลงทางใช่ไหม?”
“ไม่ใช่หรอกนายข้า”
โทริตอบกลับมาด้วยเสียงสบาย ๆ
“อีกไกลแค่ไหนที่พวกเราจะไป?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น เรามาถึงแล้ว”
“ยังไง?”
“นายข้า  อาณาจักรขุนนางแห่งรัตติกาลโทเดียมนั้นอยู่ในโลกแห่งราตรี เราไม่สามารถเข้าไปที่นั่นได้ในช่วงกลางวัน”
“ถ้าอย่างนั้น...”
“พวกเราก็ต้องรอจนกว่ารัตติกาลจะมา”
พวกเขาห้อยอยู่กลางฟ้ารับฟังเสียงของสายลม
วีดถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากฟังโทริพูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติ
‘ตูพาคนมาทั้งปาร์ตี้ เสียเวลาไปทั้งวันเต็ม ๆ เพราะไอ้บ้องตื้นเนี่ยนะ’
วีดแสนเศร้า เพราะเวลาทั้งวันที่เสียไป
 “โทริ”
“หืม นายท่านดูยังไง ๆ อยู่นะ?”
“เข้ามาใกล้ ๆ สิ มามะ”
“ข้าไม่อยากไป”
โทริสังเกตเห็นแล้ว วีดตอนนี้กำลังยิ้มอย่างเจิดจ้า
“ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกไว้ว่าจะพาข้ากับเพื่อน ๆ ไปที่นั่นอย่างไว?”
“ใช่”  โทริหัวเราะพลางยิ้มแยกเขี้ยว

“นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน นายชอบรูปสลักของฉันไม่ใช่เหรอ?”
“รูปสลักงั้นเหรอ นายข้า? รูปสลักของท่านนั้นงดงามนัก”
โทริมาแล้ว
หน้าตาของมันไมได้มีวี่แววสงสัยวีดเลยซักกะนิด
‘มาเลยไอ้บ้องตื้น’
วีดหรี่ตาลงจากนั้นก็เริ่มยำโทริ
ปั้ก ปั้ก ปั้ก ปั้ก!
เสียงที่ชัดเจนดังก้องกังวานในสายลม
นี่เป็นฉากที่เมแพนเห็นจนจำได้ เพลกับยูรินก็มองไปเรื่อย
แต่ฮวารยองกลับตาเป็นประกาย
“วีดเท่สุด ๆเลย ช่างดูแข็งแกร่งเหลือเกิน” [tlnote:ฮวารยองฉัน สมงสมองไปหมดละ]

วีดยำโทริไปรอบ ๆ การออกท่าออกทางของเขาช่างดูไหลลื่น
นักดาบ พยักหน้า
“ดูเหมือนว่า ข้าจะสอนเขาได้ดีจริง ๆ”
เหล่านักดาบต่างเข้าอกเข้าใจในตัววีด
“เขาแค่กระทุ้งให้มีเสียงแทนที่จะต่อยธรรมดา”
นักดาบ 3 เห็นแล้วรู้สึกคันมือ
“ผมก็อยากลองอัดดูบ้าง...”
นักดาบ 4 เองก็รู้สึกเช่นกัน
“มันคงจะเป็นเรื่องที่ดีมากถ้าฉันเองก็มีแวมไพร์ให้อัดอย่างที่ใจอยาก”
“นักดาบ4 พวกเราต้องหาได้ซักตัวอย่างแน่นอน”
“นั่นสินะ”

ไอรีนถูกจับให้นั่งอยู่ข้างหน้า
สถานการณ์แบบนี้มันไม่ปกติแล้ว!
‘คนนึงก็คิดแต่จะหาตังค์ที่เหลือก็คิดได้แค่จะใช้กำลังยังไง!’
นี่ล่ะคือสิ่งที่ไอรีนคาดหวังได้จากปรัชญาการใช้ชีวิตของวีด เธอรู้สึกสงสารโทริ
วีดเองรู้สึกได้ถึงทุกจังหวะหมัดที่เขาจัดให้โทริ
เขาเลือกใช้การโจมตีจำนวนมากในเวลาอันสั้นที่มีเสียงดังกึกก้อง
วีดฝึกฝีมือโดยการอัดโทริ!
ทักษะการใช้ดาบของวีดเกี่ยวพันกับจำนวนในการโจมตี
เมื่อใดก็ตามที่สกิลถูกใช้อย่างตรงจังหวะกับมอนสเตอร์ ความเสียหายที่เกิดนั้นจะมหาศาล
แต่ถ้าการโจมตีนั้นหลุดหรือเสียจังหวะในการโจมตีไปสกิลก็จะถูกยกเลิก ดังนั้นแล้วการใช้สกิลอย่างถูกต้องในจังหวะที่เหมาะสมจึงจำเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองคุณจึงจำเป็นต้องมีฝีมือเพื่อการนี้สำหรับเกมรอยัลโร้ด
เซอร์กะประทับใจกับฉากนี้มาก
‘ช่างเป็นท่วงท่าการต่อยที่ถูกต้องสวยงาม!’
เธอมองและสำรวจอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะเรียนรู้จากวีด ด้วยอาชีพของเธอ เธอจ้องดูเพื่อให้รู้จะทำความเสียหายให้มากขึ้นได้อย่างไร และแล้วรัตติกาลก็มาเยือน
ประตูสู่โทเดียม เปิดแล้ว
ตอนนี้พวกเขายืนอยู่บนพื้นแทนที่จะเป็นท้องฟ้า!
ลึกเข้าไปลึกเข้าไปพวกเขากำลังไปสู่ที่ลุ่มซึ่งไม่มีใครรู้จัก
“นี่ล่ะทางเข้าสู่อาณาจักรโทเดียม” โทริกล่าวบรรยายเพียงแค่นี้แล้วก็พุ่งลงรู
“กรี๊ดดดดด”
เซอร์กะกรีดร้องอย่างสาวน้อย!  ในจังหวะเดียวกันนั้นเสียงอันสุดโฉดก็ดังขึ้นพร้อมกัน
“อาณาจักรขุนนางแห่งรัตติกาล!  ขอต้อนรับทุกท่านสู่โทเดียม! คุคุคุคุคุ”



เล่มที่ 10 ตอนที่ 10 จบ


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

1 ความคิดเห็น: