วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 3 ตอนที่ 10 การต่อสู้ภายในปราสาทรัตติกาล (Battle of The Black Castle)

เล่มที่ 3 ตอนที่ 10 การต่อสู้ภายในปราสาทรัตติกาล (Battle of The Black Castle)

"นี่มัน พวกมนุษย์"
"พวกพาลาดิน!”"
"คำสาปที่ติดตัวเหล่าพาลาดินได้ถูกกำจัดออกไปแล้ว"
ทันทีที่พวกเขาได้ก้าวเข้ามายังปราสาทรัตติกาลก็ได้มีแวมไพร์ 50 ตัวออกมาต้อนรับพวกเขา
ดวงตาของพวกมันเปล่งประกายสีโลหิต
พวกมันกุมผ้าคลุมไว้ด้วยเล็บยาวและลอยมายังพื้นที่ที่ที่อยู่ด้านหน้าพวกเขาทำให้ระยะห่างระหว่างพวกมันและพาลาดินลดลง
พวกมันบางตัวใช้เวทย์อัญเชิญค้างคาวออกมา พวกค้างคาวแวมไพร์สามารถที่จะสร้างความเสียหายได้มากทีเดียวถ้าหากมันโจมตีลงมา
"ข้าขออัญเชิญแสงสว่างมากำจัดความมืดมิดเหล่านี้ แสงศักสิทธิ์"
"ข้าขออัญเชิญแสงสว่างมากำจัดความมืดมิดเหล่านี้ แสงศักสิทธิ์"
อัลเวรอนและพรีสที่อยู่ใกล้ๆใช้เวทย์มนต์ศักดิ์สิทธิ์พร้อมๆกัน
"อ้ากกกกกกกกกกกก"
"มันเจิดจ้าเหลือเกิน"
แวมไพร์เหล่านั้นร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับรีบปิดบังดวงตาของพวกมันเมื่อมันโดนแสงสว่างเจิดจ้าส่องมายังพวกมันหลังจากนั้นพวกมันก็ล้มลง
โดยปกติแล้วนั้นพวกพรีสนั้นจะมีเวทย์มนต์ที่สามารถลดความสามารถของพวกปีศาจและแวมไพร์
ท่ามกลางเวทย์มนต์ศักดิ์สิทธิ์ เหล่าพาลาดินได้กวัดแกว่งดาบของพวกเขาอย่างกล้าหาญ
ฉึบ
เลือดของเหล่าแวมไพร์สาดกระจายรอบพื้นที่
เหมือนกลายเป็นการสังหารหมู่อยู่ฝ่ายเดียว
จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีพาลาดินและพรีสคนใดที่ตายลงไปเลย พวกเขาได้จัดการแวมไพร์ไปกว่า 50 ตัวแล้ว มันไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเลย
หากมองกลับไปที่เวทย์มนต์ศักดิ์สิทธของพรีสแล้ว พวกพาลาดินจากสามารถโจมตีแวมไพร์โดยที่พวกเขาไม่มีความเสี่ยงในชีวิตตั้งแต่ที่พวกพรีสเริ่มฮีลและร่ายเวทย์ป้องกัน
วีดเองก็กำลังจัดแวมไพร์หนึ่งตัวเช่นเดียวกัน
"ระบำดาบ" (Sword Dance)
กระบวนท่าที่ 4 ของดาบจักรพรรดินิรลักษณ์
วีดระบำดาบพร้อมกวัดแกว่งไปรอบๆอย่างสง่างดงาม
เขาเพียงแค่เคลื่อนตัวไปรอบๆอย่างปกติและโจมตีเข้าไปยังจุดสำคัญของศัตรูเพียงเท่านั้น แต่สกิลของเขาทำให้เกิดเป็นภาพการร่ายรำที่งดงามขึ้นมา
เขากลับไปโจมตียังจุดที่เกือบจะเหมือนไม่มีข่องว่างที่เปิดขึ้นมาเล็กน้อย
ระหว่างที่เขากำลังยุ่งกับการโจมตี เขาก็ขยับช่องว่างใกล้เข้ามา
เลเวลของคุณได้เพิ่มขึ้น

วีดไม่ได้ใช้เวลากับแวมไพร์นานนักแต่เลเวลของเขาก็ได้เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง
ก่อนที่เขาจะเลเวลอัพนั้น ค่าประสบการณ์ของเขานั้นหยุดอยู่ที่ 56% และค่าประสบการณ์กว่า 226 แต้มยังถูกดูดไปอีก 30 %
'โอ้ ... นี่มันสุดๆของสุดๆจะเยอะเลย'
มันไม่ค่อยจะแฟร์เท่าไหร่จากที่เขาได้ยอมแพ้ให้กับสกิลของพาลาดิน โดยในที่ราบและหมู่บ้านนั้นเขาไม่ได้ออกล่าเลยเพราะต้องการให้พวกพาลาดินนั้นเก็บเลเวลและแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้พวกมันเหล่านั้นได้แย่งวีดเก็บเลเวลเรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่วีดจัดการพวกมันได้ และได้ดรอปไอเทมบางอย่าง


เขี้ยวของแวมไพร์(Vampire Fangs)
ความคงทน: 50/50
ใช้เพื่อแทรกซึมไปยังยังร่างกายศัตรูเพื่อดูดเลือดสมารถสร้างความผิดปกติได้ และสามารถนำไปสร้างไอเทมได้
ข้อจำกัด: เลเวล 300.
คุณสมบัติเสริม:
ถ้านำไปสร้างอาวุธ จะมีความสามารถดูดซับค่ากำลังกาย(vitality)ของศัตรูได้

ผ้าคลุมแวมไพร์(Vampire Cloak)
ความคงทน: 80/80
ถ้าคลุมของชนชั้นสูงแห่งรัตติกาล เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็นเจ้าของ สามารถบินได้เมื่อแปลงร่าง
ข้อจำกัด: เลเวล 250
คุณสมบัติเสริม:
สามารถแปลงร่างเป็นค้างคาวได้
ในการต่อสู้ สามารถที่จะใช้บินหนีได้
เมื่อแปลงร่างจะไม่คิดค่าป้องกันที่ได้รับจากชุดเกราะอุปกรณ์ใดๆ
ศรัทธา –50.
ดึงดูดใจแก่สตรี +25.
ค่าสถานะอื่นๆทุกอย่าง -25.

และได้ 3 เหรียญทองกับ 25 เหรียญเงิน

แวมไพร์นั้นเป็นมอนสเตอร์ที่ร่ำรวย
วีดมองไปรอบๆเมื่อเขาได้เก็บไอเทมเรียบร้อยแล้ว พวกพาลาดินก็ต่อสู้เสร็จเรียบร้อยแล้วและกำลังรอเขาอยู่ เลเวลของพวกพาลาดินนั้นสูงมากๆ ดังนั้นพวกเขาสามารถจัดการกับแวมไพร์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว
"พวกเรา ขึ้นไปยังชั้นหนึ่งกันเถอะ อัลเวรอนถอนคำสาปที่อยู่ตรงรูปปั้นซะ"
ในชั้นแรกนั้นมีพาลาดินที่โดนสาปทั้งหมด 50 คน
อัลเวรอนได้ถอนคำสาปในขณะที่วีดและพาลาดินกำลังสำรวจเหล่าคนที่ได้โดนจับไว้อยู่
ในห้องข้างๆนั้นยังคงมีแวมไพร์อยู่อีกเพียงเล็กน้อย แต่มันก็ไม่เพียงพอทีจะหยุดการโจมตีของเหล่าพาลาดินได้
พวกเขาได้สำรวจทุกซอกทุกมุมของชั้นหนึ่งโดยไม่มีใครมาขัดขวางได้
ในทุกๆห้องของชั้นหนึ่งนั้นพวกเขาได้พบกับรูปปั้นจำนวนมากของพวกชาวบ้าน
"อัลเวรอน ถอดคำสาปให้พวกเขาซะ"
"ได้ครับ"
อัลเวรอนได้ปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ พวกเขาเหล่านั้นได้ล้มลงไปกับพื้น

ในหมู่คนเหล่านี้ คนที่ไว้หมวดเคราดูสูงอายุพูดขึ้นอย่างนิ่มนวล
"โอ้ พวกท่านคือผู้ปลดปล่อย"
"ผู้ปลดปล่อย?"
"พวกเราคือผู้อยู่อาศัยที่เมืองโมรา จากนั้นก็มีความมืดเข้ามาจู่โจมพวกเรา และจับพวกเรามายังที่นี่ พวกเรากำลังรอบุคคลที่จะมาช่วยปลดปล่อยพวกเราให้เป็นอิสระ"
"..."

"พวกเรารอคอยมาอย่างยาวนานกว่าที่พวกท่านจะปรากฎมา ทุกคนในหมู่บ้านแห่งโมรา โดนทำให้กลายเป็นหิน ครอบครัวของเรา พี่น้องของพวกเรา ท่านผู้ปลดปล่อยได้โปรดกรุณาช่วยพวกเราด้วย โดยค่าตอบแทนนั้นพวกเราจะให้ท่านทุกๆอย่างที่พวกเราสามารถ"

ปิ้ง
ถอนคำสาปให้หมู่บ้านโมรา แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์นั้นได้เข้ามาครอบครองที่ดินหมู่บ้านและได้เปลี่ยนประชากรในหมู่บ้านให้กลายเป็นหินที่น่ารักเกียจ
ความยาก: ระดับ B
ของตอบแทน: ชุดสายรุ้ง
ข้อจำกัดของเควส: Tier 2 มนต์ศักดิ์สิทธิ์ระดับ 2 เพื่อใช้ถอนคำสาป

วีดไม่ได้เป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่
กับพวกนักกบวชที่มีอยู่มากมายในปาร์ตี้ของเขาแล้วนั้นสามารถที่จะแก้คำสาปให้แก่รูปปั้นในเมืองได้ เควสจะปรากฎขึ้นเนื่องจากว่าวีดได้นำพาอัลเวรอนมาทำเควสหามงกุฏแห่งฟาโก
ความยากระดับ B
ตอนนี้เขามีเควสระดับนี้อยู่แล้วหนึ่งอัน ซึ่งเขาก็ต้องรับหน้าที่ไปกำจัดแวมไพร์ที่ปราสาทรัตติกาลอยู่แล้ว
"ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเถอะ พวกเขาเหล่านั้นจะต้องปลอดภัย"
คุณได้ตอบรับเควสเรียบร้อยแล้ว

วีดและเหล่าพาลาดินขึ้นไปยังชั้นสอง
มีแวมไพร์โดยประมาณ 150 ตัวรอต้อนรับพวกเขาอยู่
มากไปกว่าพวกแวมไพร์ ยังมีพวกลูกสมุนของพวกมันอีกราว 100กว่าตัว
รวมทั้งสิ้นทั้งหมดเกือบ 250 ตัว
โดยจากจำนวนของเหล่าพาลาดินที่พวกเขาได้ช่วยเหลือมาจากชั้นที่หนึ่งนั้นได้ยกระดับกลุ่มของพวกเราขึ้นไปอีกดังนั้นแล้วมันก็กลายเป็นเรื่องง่ายดาย
"โจมตี"
"อ่า  ว๊ากกกกก"
"ไป  พวกเราไปต่อสู้กับความชั่วร้ายเหล่านี้"
เหล่าพาลาดินได้รับบัพและป้องกันเวทย์มนต์จากเหล่าพรีสและตอนนี้พวกเขาก็กำลังไล่ล่าเหล่าแวมไพร์อยู่ เหล่าพาลาดินนั้นจัดการได้เป็นอย่างดีแต่หลังจากที่การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นพวกแวมไพร์ก็เริ่มที่จะตอบโต้กลับ
"เกราะรัตติการ"
"ธนูรัตติการ"
"ฮีลลิ่งแฮน"
เวทย์มนต์ปะทะกันอย่างรุนแรง
เวทย์ศักดิ์สิทธิ์จากพรีสได้เข้าต่อสู้กับความมืดที่ถูกยิงมาจากคันธนูรัตติกาล
วีดนั้นไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรงกับการต่อสู้เหล่านี้ หากดูจากความอลังการของเวทย์มนต์ที่ปะทะกันแล้วนั้น มันก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะต้องนอนตายเนื่องจากลูกหลงจากการโจมตีสุ่มเหล่านี้
"อัลเวรอน อย่ายืนเฉย ช่วยต่อสู้ด้วย"
"ได้เลยวีด"
"ใช้พลังให้มากขึ้น! บัพอย่าได้ขาด! พาลาดินที่เลือดเหลือน้อยกลับมาข้างหลัง"
วีดสั่งการโดยการคำรามออกไป พวกพาลาดินแถวหน้าเข้าปะทะกับฝูงแวมไพร์ พวดเขาเป็นตัวเลือกในการเข้าปะทะที่ดีที่สุด ตั้งแต่ที่พรีสได้ร่ายเวทย์มนต์คุ้มครองพวกเขา และเหล่าพรีสก็ได้ทำการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
พวกเขาได้จัดการกับแวมไพร์ที่เหลืออยู่

วีดได้แบ่งเหล่าแวมไพร์ออกเป็นกลุ่ม คอยป้องกันการโจมตีของศัตรูและเก็บกวาบในส่วนที่อ่อนแอ วิธีการเหล่านี้ช่วยให้เหล่าพรีสทำการป้องกันพวกเขาจากการตายได้ง่ายขึ้นและยังสามารถแบ่งเวลาไปคอยซัพพอร์ตได้อย่างสะดวก
พวกเขาเปลี่ยนรูปแบบไปแบบดุดันสำหรับการโจมตีที่มีความเสี่ยง หลังจากนั้นก็ทำการป้องกันเมื่อพวกเขาตกอยู่ในอันตราย และให้พรีสคอยฮีลหรือบัฟเวทย์มนต์สนับสนุน
เหล่าพาลาดินและพรีสทั้งหมดนั้นร่วมกันต่อสู้อย่างเป็นทีม การต่อสู้ทั้งหมดเหล่านี้จึงเป็นรูปแปบที่ดีที่สุด
"โจมตีเข้าไป"
"หัวหน้าสั่งให้พวกเราโจมตี "
สำหรับพาลาดินนั้นมันไม่ได้ง่ายเลยสำหรับการต่อสู้ แต่ในที่สุดพวกเขาก็ชนะ
สำหรับการต่อสู้กับเหล่าแวมไพร์ที่มีเลเวลสูงนั้นพาลาดินสามารถเพิ่มเลเวลของพวกเขาได้อย่างมาก
ยิ่งไปกว่านี้ เวทย์สนับสนุนของพรีสยังคงเหนือกว่าบัฟของเหล่าแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์พวกนี้อีกด้วย
ในส่วนของชั้นสองนั้น มีพลาดิน 30 คน และ พรีสอยู่ 40 คน ที่ได้ถูกช่วยเหลือจากการโดนสาปเป็นหิน ในขณะเดียวกันพวกของวีดก็ได้ช่วยประชาชนในหมู่บ้านด้วยเช่นเดียวกัน
'พวกเขาดูหิวโหย เราต้องทำบางอย่างแล้ว'
วีดหยิบหม้อออกมาพร้อมกับเริ่มประกอบอาหาร
โดยปกติแล้วนั้นพาลาดินและพรีสชอบจะมาเฝ้าเวลาวีดทำอาหาร แต่ตอนนี้นั้นพวกเขาทำในสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ซึ่งอยู่ไกลออกไป
การมองดูหม้อเหล่านั้นด้วยแววตาที่เจ็บปวด
มันปวดใจมากซึ่งวีดถึงกับน้ำตาไหลเมื่อเขาทำสตู
"มันเสร็จหรือยัง แล้วพวกผมสามารถกินได้เลยรึเปล่า"
"ได้โปรดเถิด "
วีดได้หยิบชามที่เต็มไปด้วยสตูไปให้เหล่าพาลาดิน ในส่วนผสมของสตูนี้ประกอบไปด้วยไข่และผลไม้ที่ได้มาจากเมืองลอยฟ้า

ในการจะเสร็จสิ้นของภารกิจที่มีความเสี่ยงอย่างมาก นั้นผลไม้จากเมืองลอยฟ้าสามารถช่วยเพิ่มโชคและมันจะดีอย่างมากเมื่อได้กินก่อนออกไปล่า ยิ่งโชคเพิ่มมากเท่าไหร่โอกาสที่จะดรอปของแรร์ก็ยิ่งมากขึ้นไปด้วย
ดังนั้นมันก็คงที่จะถึงเวลาแล้วที่จะต้องใช้ส่วนผสมเหล่านี้ในการทำสตู
โดยยิ่งไปกว่านี้สตูนี้มีส่วนประกอบของกระเทียมอยู่ด้วย ซึ่งสามารถช่วยป้องกันเหล่าแวมไพร์ได้ในระดับหนึ่ง
"อ๊ากกกกก  มันโคตรเผ็ดเลย ฉันต้องการน้ำ"
หยาดน้ำตาได้ไหลออกมาจากเหล่าพาลาดินเมื่อพวกเขาได้กินสตูเข้าไป
มันเหมือนกับเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก มันก็เป็นเพียงแค่สตูชามหนึ่งเท่านั้น วีดน้ำตาไหลพรากเมื่อเขาได้ทำ สลัดกระเทียม แซนวิชกระเทียม กระเทียมดอง และอื่นๆ พวกพรีสที่โดยปกติแล้วจะอ่อนน้อมอ่อนโยนก็ยังน้ำตาไหลพรากพร้อมๆกับสะอื้นไห้ออกมาเลยทีเดียวเมื่อได้กลิ่นเข้มข้นของกระเทียม
ในส่วนของปราสาทรัตติกาลชั้นที่สามนั้นมี แวมไพร์เลือดบริสุทธิ์อยู่ถึง 200 ตัวรอคอยพวกเขาอยู่
"อ๊ากกกกกกกก มันดูเหมือนได้ลืมความน่ากลัวของเวทย์มนต์มืดที่ชั่วร้ายไปแล้ว อาหารเหล่านี้จะได้ถูกจดจำไว้เพื่อระลึกถึง มาสเตอร์วีด"
"โอ้ ดูพวกของอัศวินเหล่านั้นสิกำลังเข้ามาหาพวกเรา พวกเขาเหล่านั้นจะต้องถูกสาปด้วยเวทย์มนต์ของพวกเรา เยี่ยมจริงๆเลย"
ราชินีแวมไพร์ได้ปรากฎตัวขึ้นมา
พวกมันได้พยายามร่ายเวทย์มนต์ใส่เหล่าอัศวินที่วิ่งเข้ามา
"เจ้าสิ่งชั่วร้าย เวทย์มนต์แวมไพร์ของพวกเจ้าใช้ไม่ได้ผลกับข้าหลอก"
"มันบ้าไปแล้ว"
เหล่าพาลาดินได้เริ่มโจมตีด้วยดาบของพวกเขาในขณะเดียวกันกับพรีสที่คอยร่ายเวทย์สนับสนุนอยู่
เหล่าแวมไฟร์ได้พยายามที่จะร่ายเวทย์มนต์ใส่พรีสและควบคุมเหล่าพาลาดิน
ตั้งแต่ที่พวกเขาได้ก้าวเข้ามาที่ปราสาทแห่งนี้แล้วพวกเขาไม่สามารถที่จะถอยหลังกลับออกไปได้อีก

เมื่อไม่มีรูปสลักของมักกรน้ำแข็งที่จะช่วยเพิ่มจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพรีสและพาลาดินแล้ว พวกเขาเหล่านั้นจึงได้รับผลของพวกเวทยมนต์เสน่ห์ได้
แต่ไม่ใช่กับเหล่าพรีสทั้งหมด
"ไอ้พวกลามก! พวกที่ไม่ได้สติทั้งหลาย แวมไพร์เหล่านี้สมควรได้รับความตาย"
"คำพูดเหล่านี้ได้ปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระจากการครอบงำของเวทย์มนต์ดำ"
"เทพีเฟรย่า ได้โปรดนำทางพวกเขากลับมาสู่หนทางแห่งแสงสว่างที่ถูกต้องด้วย การชำระล้าง"
อัลเวรอนและเหล่าพรีสบางส่วนได้ร่ายเวทย์มนต์ล้างคำสาป
วีดพยายามจะวิเคระห์ถึงสถานะการณ์ในตอนนี้
"เริ่มแรก กำจัดราชินีแวมไพร์ก่อนแล้วปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไป"
แต่ราชินีแวมไพร์นั้นได้รับการปกป้องอย่างดีโดยอยู่ตรงกลางของเหล่าศัตรู วีดจำเป็นต้องสังหารพวกมันจนเปิดทางไปกำจัดราชินีแวมไพร์ได้
"อัลเวรอน รักษาพรีสก่อนเป็นอันดับแรกก่อนที่จะค่อยรักษาเหล่าพาลาดิน"
"ได้เลย วีด"
อัลเวรอนได้รักษาเหล่าพรีสเสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วไปทำการรักษาเหล่าอัศวินที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเวทย์มนต์ พรีสได้ทำหน้าที่ของพวกเขาอย่างดีแต่ราชินีแวมไพร์ก็รบกวนพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
วีดในตอนแรกที่ได้วางแผนให้เหล่าพาลาดินกับพรีสได้ต่อสู้กับแวมไพร์ไม่ว่าศัตรูจะเตรียมการมาอย่างไร แผนของเขาที่ให้พรีสเป็นตัวสนับสนุนก็ไม่ได้ล้มเหลว
อย่างไรก็ตามแต่ การใช้เวทย์รักษาเหล่าอัศวินที่โจมตีใช่พวกเดียวกันและพรีสทำให้พวกเขาไม่สามารถรักษาได้อย่างเต็มที่
เหล่าแวมไพร์ชะงักการโจมตีในระดับหนึ่งเนื่องจากกลิ่นกระเทียมที่รุนแรงโชยออกมาจากเหล่าพาลาดิน แต่มันก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อย ตอนนี้พวกเขาอยู่ในภาวะฉุกเฉิน
วีดได้เปล่งออร่าออกมาในรูปของมานา
"เฮ้ย พวกเราโจมตี จัดการแวมไพร์เหล่านั้นซะ"

ทักษะ: ราชสีห์คำรามได้ถูกเรียกใช้
ขวัญกำลังใจของพันธมิตรที่อยู่บริเวณรอบๆเพิ่มขึ้น 200%.
ค่าสถานะสับสนได้ถูกกำจัด
ค่าความเป็นผู้นำเพิ่ม 170% เป็นระยะเวลา 5 นาที

วีดได้ใช้ทักษะราชสีห์คำรามที่เขาได้ใช้เวลาฝึกเมื่อตอนอยู่บนภูเขา
เสียงดังกระหึ่มได้ถูกตะโกนออกมา
ในเวลานี้นั้น กลยุทธ์ของราชินีแวมไพร์ทั้งหมดไร้ผล
ความเป็นผู้นำของวีดเพิ่มขึ้นมากจนสามารถที่จะสั่งการเหล่าพาลาดินและพรีส ถ้าหากว่าไม่มีค่าสถานะเหล่านี้ เขาไม่สามารถสั่งการเหล่าพาลาดินและพรีสได้ เนื่องจากพวกเขามีเลเวลที่สูงกว่าซึ่งจะไม่ฟังคำสั่ง แต่ภายใต้ค่าความเป็นผู้นำที่สูงแล้ว พาลาดินจะทำตามคำสั่งของวีดอย่างเต็มที่ พวกเขาสามารถที่จะทำงานได้รวดเร็วกว่าและเป็นระบบเมื่ออยู่ภายใต้การสั่งการ
สกิลราชสีห์คำรามของเขาได้แพร่รัศมีไปถึงเหล่าฝูงแวมไพร์ด้วยเช่นเดียวกัน กับเลเวลที่สูงของสกิลการเคลื่อนไหวของพวกมันได้ถูกยับยั้งไว้เช่นเดียวกัน
"ตาย !!"
เหล่าพาลาดินได้เข้าไปตัดแวมไพร์ด้วยดาบของพวกเขาออกเป็นชิ้นๆ ราชินีแวมไพร์พยายามจะใช้สกิลของเธออีกครั้งกับเหล่าพาลาดิน แต่ก็ล้มเหลว เธอไม่สามารถใช้ความสามารถที่แวมไพร์มีได้ชั่วขณะหนึ่งเนื่องจากผลของสกิลราชสีห์คำรามของวีด
เหล่าแวมไพร์ได้วิ่งเข้ามายังวีด
วีดได้ตกเป็นเป้าหมายของแวมไพร์ เมื่อเขาได้ใช้สกิลราชสีห์คำรามออกเขาก็ตกเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่ง
ด้วยความยากลำบาก วีดและเหล่าพาลาดินก็สามารถจัดการกับชั้นสามทั้งหมดได้

ด้วยทหารที่พวกเขาได้ช่วยออกจากคำสาปนั้น ตอนนี้พวกเขามีพาลาดิน 300 คน และ พรีส 100 คน
และทุกๆคนก็เป็นคนที่วิหารเฟย่าส่งออกมาตามหามงกุฏแห่งฟราโก

ชั้นที่ 4
เหล่าแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ 300 ตัวได้ออกมาต้อนรับพวกเขา
เมื่อจำนวนของเหล่าพาลาดินและพรีสที่เพิ่มมากขึ้นก็ทำให้โอกาสความเป็นไปได้ที่วีดจะสามารถเคลียร์ภารกิจนี้ได้ก็เพิ่มมากขึ้น
ในตอนนี้ ที่ปราสาทรัตติกาล เหล่าแวมไพร์ทั้งหมดคงจะต้องพ่ายแพ้ ยกเว้นเพียงคนเดียว
ราชาแวมไพร์
โทริซึ่งเป็นผู้นำของเหล่าแวมไพร์มีเลเวลถึง 400 และเขาก็เป็นคนที่ครอบครองมงกุฏแห่งฟาร์โกเอาไว้
"ได้โปรดช่วยเหลือเธอ ......"
ลูกสาวคนหนึ่งของประชากรในหมู่บ้านที่ถูกเปลี่ยนกลายเป็นหินและอยู่บนชั้นที่ 5 เนื่องจากความสวยงามของเธอ และชื่อของเธอก็คือ พริน่า
โดยปกติของเหล่าแวมไพร์พวกเขาชอบสะสมของสวยๆงามๆ เช่นสาวสวยเป็นต้น
"มันคงจะดีมากถ้ามันเป็นอีกภารกิจหนึ่ง"
วีดมองออกไปรอบๆเหล่าพาลาดินและพรีส
พวกเขามี 300 พาลาดิน และ 100 พรีส
'ถ้าฉันสามารถเก็บพวกเขาไว้เป็นทหารของฉันได้ .....'
แต่พวกเขาเหล่านี้นั้นเป็นสมาชิกของวิหารแห่งเฟรย่า ไม่ว่าจะมีค่าความสัมพันธ์มากสักเพียงใดก็ตาม วีดไม่สามารถที่จะทำให้พวกเขาเหล่านี้มาติดตามวีดได้ พวกเขาเหล่านี้ก็จะกลับไปเมื่อภารกิจได้สิ้นสุดลง

เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่จะอยากให้การต่อสู้จบลงอย่างวดเร็วและง่าย วีดไม่อยากที่จะเสียเวลาอีก การต่อสู้ควรจะมีประสิทธิภาพอย่างที่สุด การต่อสู้กับเหล่าแวมไพร์ ถ้าคุณสามารถที่จะจัดการพวกเขา แต่ถ้าคุณไม่สามารถจะจัดการได้ก็อย่าที่จะต่อสู้ มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะชนะโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย
วีดใช้เวลาอย่างมากในการพัฒนาเลเวลและความสามารถของเหล่าพาลาดินและพรีสเพื่อที่จะได้เพิ่มโอกาสที่จะสามารถจบภารกิจเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตามแต่คุณต้องระมัดระวังเมื่อคุณต้องการชนะโดยแบ่งเวลาของการพักผ่อนและการต่อสู้อย่างรอบคอบ
ปกติแล้ววีดชอบที่จะออกล่าคนเดียว แต่นั่นเป็นความบ้าอย่างมากเมื่อเทียบกับการต่อสู้โดยมีกลุ่มเป็นเพื่อนคอยสนับสนุน รู้อย่างนั้นแล้วมันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะละทิ้งภารกิจนี้เมื่อเขาได้มาถึงขนาดนี้แล้ว
วีดไปยังชั้นที่ 5 พร้อมๆกับเหล่าพาลาดินและพรีส ที่นั่นมีขุนนางหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้ทองคำ
มันก็คือแวมไพร์ลอร์ดโทรินั่นเอง
โทรินั้นมีผิวที่ขาวซีดและผมยาวที่ดำสนิท ด้วยรูปร่างที่ผอมเพรียวจนดูราวกับเป็นผู้หญิงและสวมมงกุฎอยู่บนหัว มันดูหล่อเหลาเลยทีเดียว แต่มีความตัดกันที่สีผิวและสีเสื้อผ้าจนดูประหลาดไป
วีดมองดูมงกุฎบนหัวของโทริ
'ชั้นคิดว่านั่นต้องเป็นมงกุฎแห่งฟาร์โกแน่นอน'
เป้าหมายสุดท้ายของเขาปรากฎออกมาแล้ว อย่างไรก็ตามการจบภารกิจนั้นไม่ง่ายเลย โทริเป็นคนทำให้หญิงสาวกลายเป็นรูปปั้นหิน
"โอ้ช่างสวยงาม เจ้าเคยเห็นรูปปั้นที่สวยงามอย่างนี้มาก่อนไหม"
"..."
พาลาดินหยุดการเคลื่อนไหวและมองไปยังโทริ
หนึ่งในคุณธรรมของเหล่าพาลาดินก็คือความกล้าหาญ แต่เมื่อมองไปยังศัตรูที่แข็งแกร่งแล้วนั้นพวกเขาก็ตกอยู่ในความหวาดกลัว ปัจจัยที่ซ่อนอยู่อีกปัจจัยก็คือขวัญกำลังใจ ถ้าขวัญกำลังใจต่ำแล้วการโจมตีก็จะไม่เกิดผลเท่าที่ควรจะเป็น
"ข้าเคยเห็นรูปสลักที่งดงามยิ่งกว่านี้ "

วีดตัดสินใจที่จะตอบกลับไป
"เจ้าเคยเห็นผู้หญิงที่งดงามกว่ารูปสลักนี้เหรอ"
"ใช่"
"ที่ไหน"
โทริยืนขึ้นจนดูเหมือนเขาอยากที่จะไปยังสถานที่นั้นในทันที
"ในหมู่บ้านบารันทางทิศใต้ของอาณาจักโรเซนไฮม์"
"นั่นมันไม่ใช่สถานที่เป็นเมืองที่มีวิหาร ข้าไม่เคยได้ยินชื่อเมืองนั้นมาก่อนเลย ทำไมข้าจะต้องเชื่อด้วยว่ามีรูปสลักของหญิงสาวที่งดงามยิ่งกว่านี้อยู่ที่นั่น"
"มันก็แล้วแต่เจ้าว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่ ที่นั่นมีรูปสลักที่ข้าเป็นคนสร้างขึ้นมา อย่างไรก็ตามแต่นั่นไม่ได้ใกล้เคียงกับความงามจากรูปสลักจากน้ำแข็งที่ข้าสร้างขึ้น"
โทริจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองแล้วเขาก็ยิ้มขึ้นมา
"เจ้ามีอาชีพอะไร"
"ประติมากร"
"โอ้ศิลปิน! เติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์! เป็นอาชีพที่น่ายกย่อง! ดังเช่นเดียวกับการกินอาหารเพื่อเติมเต็มท้องของเจ้า ดังนั้นแล้วศิลปินสามารถสนุกไปกับการใช้ชีวิตได้ ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงเกลียดวิหารแห่งเฟรย่า มนุษย์เป็นสิ่งที่ผิดพลาด พวกมันมีชีวิตอยู่โดยคิดเพียงแค่ว่าความอุดมสมบูรณ์เป็นสิ่งที่ดี ให้สิ่งที่เป็นของตนเองไปยังผู้อื่น เพียงสิ่งเหล่านี้ที่เป็นนิรันดร์และสวยงาม มนุษย์ซึ่งเลือกที่จะเสียสละไม่สามารถที่จะเข้าใจถึงศิลปะได้ มีแค่เพียงผู้ซึ่งอาศัยอยู่ภายใต้รัตติกาลอันทรงเกียรติอย่างเหล่าแวมไพร์เท่านั้นที่สามารถเข้าใจถึงศิลปะได้"
โทริลุยขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับแสดงให้เห็นถึงร่างที่แท้จริงของเขา เล็บที่ยาวออกมาจากมือและเขี้ยวที่งอกออกมาจากปากจนดูคล้ายกับของงู ตอนนี้มันพร้อมแล้วที่จะเริ่มการต่อสู้
"ข้าต้องการจะเห็นว่าเจ้าจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องโชกไปด้วยเลือด นี่เหละคือสิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่าแวมไพร์ เจ้ามนุษย์เอ๋น ข้าขอต้อนรับเจ้าเข้าสู่ปราสาทรัตติกาล"

"พาลาดิน ออกไปข้างหน้า ตั้งสมาธิอยู่กับการคุ้มกัน"
ภายใต้การปกป้องด้วยเวทย์มนต์และบัฟเพิ่มสถานะ เหล่าพาลาดินก็รีบทำการตั้งกำแพงเป็นชั้นๆ
"ก๊าสสสสส"
โทริจ้องมองไปยังกำแพงของเหล่าพาลาดิน
ตั้งแต่ข้อเท้าขึ้นมา พวกเขารู้สึกหนักอึ้งดั่งกลายเป็นหิน โทริได้ใช้คำสาปให้กลายเป็นหินแก่ศัตรู และนี่ก็คือสกิลที่ใช้เปลี่ยน 300 พาลาดินและ 100 พรีสให้กลายเป็นหินก่อนหน้านี้
"อัลเวรอน"
วีดเรียกอัลเวรอนให้ใช้เวทย์มนต์ปลดสกิลของโทริออก ในขณะนั้นเองการต่อสู้อย่างเต็มรูปแบบก็ได้เริ่มขึ้น โทริเข้าไปอยู่กลางดงพาลาดินรวยเร็วดั่งสายฟ้า แล้วกวัดแกว่งเล็บของมันดั่งมีดในทุกๆครั้งมีเลือดของพาลาดินสายกระจายออกมา พรีสก็ยังคงทำหน้าที่รักษาเหมือนทุกๆครั้งในการต่อสู้ที่ผ่านๆมา
'พวกเราจะต้องชนะ'
ดวงตาของวีดทอประกายมุ่งมั่น
มอนเตอร์เลเวล 400 ทำให้เขาต้องเป็นกังวล พาลาดินนั้นมีการป้องกันที่ดีเยี่ยม และความเสียหายเพียงเล็กน้อยที่เขาได้รับนั้นไม่ต้องกังวลเพราะมีพรีสคอยรักษาให้ ไม่น่าเกิดความเสียหายมากเพียงใดเหล่าพรีสก็สามารถทำให้เลือดของพาลาดินกับมาเต็มได้อีกครั้งอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องไปคำนึงนึงความแข็งแกร่งของมอนเตอร์ มันก็เหมือนกับเป็นวงจรการต่อสู้โดยศัตรูจำนวนมาก
เลือดและมานาจองโทริลดลงอย่างต่อเนื่อง
"คมมีดวายุ"
โทริได้เข้าสู่โหมดที่สนุกสนานไปกับการต่อสู้ ได้ปรากฎพายุขนาดมหึมาพัดพาลาดินขึ้นไป เหล่าผู้ที่โดนพายุนี้กวาดขึ้นไปนั้นเลือดลดลงเกือบหนึ่งในสามของหลอดเลือด
"หัตถ์แห่งการรักษา"
"รักษา"
"ฟื้นฝู"
พรีสยังคงทำการรักษาต่อไป รัศมีแสงสีขาวสว่างไปทั่วทั้งกลุ่ม แต่โทริก็ยังคงใช้สกิลของมันต่อไป
"คมมีดวายุ"
โดยการโจมตีครั้งนี้นั้นทำให้ พาลาดิน 20 คนกลายเป็นเถ้า
การพักผ่อนชั่วนิรันดร์
นั่นก็คือชะตากรรมของเหล่าคนที่โดนสังหาร
โทริยังเคลื่อนไหวอย่างไม่ลดละ เลือดและมานาของมันลดลงฮวบฮาบ เล็บของมันตัดลงมาดั่งใบมีด
"อ๊ากกกกกกก"
"เทพีเฟรย่า"
แล้วก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง พาลาดินกลายเป็นเถ้า อย่างไรก็ตามแต่ พลังของโทรินั้นค่อยๆตกลง เหมือนที่วีดได้คาดการณ์ไว้ แต่โทริพุ่งเข้ามาใกล้ๆกับพาลาดินและก้มลงไปดูดเลือดพวกเขา
"อ๊าาาาาาาา"
สีผิวของพาลาดินซีดลงอย่างรวดเร็ว โทริฟื้นฟูมานาที่เขาได้ใช้ไป บาดแผลและพลังชีวิตได้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
"เห็นการโจมตีของข้าไหม พวกเจ้าก็เป็นแค่เพียงลูกแกะที่ดุร้ายเท่านั้นเอง"
โทริเริ่มต่อสู้อีกครั้งหนึ่งด้วยเลือดและมานาที่เต็มหลอดอีกครั้งหนึ่ง เหล่าพาลาดินที่เขาเคยเลี้ยงอาหาร ซ่อมแซมอุปกรณ์ และพาออกไปเก็บเลเวลนั้น ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าโทริ และที่แย่ไปกว่านั้น เหล่าพาลาดินที่ถูกดูดเลือกเข้าไปค่อยๆลุกขึ้นมาจากพื้นอีกครังพร้อมกับกลายเป็นแวมไพร์
เหล่าสมาชิกที่ภักดีต่อวิหารถูกทำให้กลายเป็นทาสของลอร์ดแวมไพร์
แวมไพร์พาลาดิน
โดยไม่ต้องมีเวทย์มนต์แสงสว่าง ทักษะดาบของพวกเขาก็ยังคงเหมือนเดิม โทริเพิ่มจำนวนสมาชิกทาส
เหล่าพาลาดินที่เหลือร้องตะโกนออกมาด้วยความเมื่อยล้า สิ่งเหล่านี้เป็นแผนการของโทริ
"หัตถ์แห่งการรักษา"
"รักษา"
โชคยังดีที่พรีสยังคงอยู่ อย่างไรก็ตาม มันก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่แวมไพร์สามารถต่อสู้ต่อไปได้อย่างไม่รู้เหนื่อย นี่ก็เป็นกลยุทธของโทริที่ทำให้เหนื่อยล้าในการจัดการกลุ่มของพาลาดินและพรีสกลุ่มแรกเข้ามาที่ปราสาท
ตอนนี้เป็นสภาวะที่ดีที่สุดของโทริ แต่วีดมีแผนโต้กลับเช่นกัน
"ถ้ามันจะเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเราก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ พรีสหยุดรักษาเพื่อนๆ แล้วโจมตีไปยังโทริ"
ตั้งแต่ตอนนี้สถานะการณ์ได้กลับกันแล้ว โดยการใช้พลังป้องกันที่สูงของพาลาดินในการหยุดโทริและพรีสร่ายเวทย์มนต์รักษาใส่แวมไพร์ซึ่งถึงกับทำให้แวมไพร์แต่ละตัวสามารถถึงแก่ความตายได้เลย และตั้งแต่พรีสเริ่มเปลี่ยนไปโจมตีโทริเหล่าพาลาดินก็ใช้เวทย์มนต์รักษาแทน
"อ๊ากกกกกกกกกกก"
โทริฆ่าพลาดินไปอีกเล็กน้อยแต่หลอดเลือดของมันลดลงเรื่อยๆ มันตกอยู่ในการโจมตีอย่างต่อเนื่องของพรีส เมื่อเลือดเหลือต่ำมันก็พยายามมองอาหาร ในตอนนี้นั้นมันได้จับพาลาดินไว้พร้อมทั้งใช้สกิลของแวมไพร์ วีดได้มองหาทางทำอะไรบางอย่าง ไม่มีอะไรแข็งแกร่งๆ มอนเตอร์ทุกชนิดย่อมต้องมีจุดอ่อน และก็เช่นเดียวกันแวมไพร์มีจุดอ่อนอันใหญ่หลวงมันไม่มีสิ่งที่ค่อยปกห้องคุ้มครองร่างกายเลย
"ดาบประติมากร"
ดาบของวีดปกคลุมไปด้วยแสงออร่าสีฟฟ้า
แสงสีของออร่าได้เปลี่ยนไป
โดยตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นจะถูกปกคลุมไปด้วยออร่าสีแดงหรือดำ อย่างไรก็ตามตอนนี้ผลจากสกิลขั้นกลางของวีดทำให้แสงสีเปลี่ยนไปเป็นสีฟ้าเรียบร้อยแล้ว
"คมดาบจักรพรรดิ!" (Sword Kaiser!)
พลังในร่างของวีดไปรวมตัวกันที่ดาบ หลังจากนั้นเขา และหายตัวไปแทงพาลาดินและโทริเข้าด้วยกัน
เขาโจมตีพาลาดินที่ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นแวมไพร์
เนื่องด้วยมันไม่ได้เห็นวีดจากหลังของพาลาดิน ดาบของเขาก็แทงทะลุไปยังหัวใจของแวมไพร์
- เป็นการโจมตีที่สร้างความเสียหายอย่างหนัก
-สกิลแวมไพร์ของโทริได้ถูกยกเลิก

จุดอ่อนของแวมไพร์อยู่ที่หัวใจ  แล้วเขาก็ได้แทงดาบซึ่งอาบไปด้วยบัฟศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถเพิ่มความเสียหายเป็นสองเท่าเมื่อโจมตีแวมไพร์หรือพวกอันเดธ ดังนั้นโทริได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
คมดาบจักรพรรดิเป็นเทคนิคสุดท้ายของดาบจักรพรรดินิรลักษณ์ มันต้องใช้มานาและพลังงานทั้งหมดของวีด เพราะเนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นนำพลังงานทั้งหมดมาโจมตีในครั้งเดียว ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โทรินั้นรุนแรงมากแต่ถึงอย่างนั้นด้วยการที่เป็นมอนเตอร์บอสเลเวลถึง 400 มันก็ยังไม่ตาย
“ไอ้ชาติหมาเอ๊ย …”
มันเขวี้ยงพาลาดินทิ้งไปแล้วจับวีดด้วยสองมือของมัน
"ข้าจะดูดเลือดเจ้าด้วยเช่นกัน มนุษย์ ว๊ากกกก"
โทริเปิดปากของมัน ในตอนนี้เขี้ยวอันแหลมคมใกล้เข้ามายังลำคอของวีด วีดก็ได้ทำการโต้กลับไปในทันที โดยการหันหน้าไปหาแล้วพ่นลมออกจากปาก แฮร่
"ว๊ากกกกกกกก กลิ่นกระเทียมรุนแรงมาก"
"ข้าได้ยินมาว่าเจ้าชอบศิลปะ เป็นความจริงงั้นรึ?"
"ข้าจะฆ่าเจ้า"
โทริยิ้มให้กับวีดในอ้อมแขนของมัน มันชอบที่จะสนุกไปกับความรู้สึกที่แข็งแกร่งเวลาเจอกับศัตรูที่อ่อนแอ อย่างไรก็ตามตอนนี้ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป และตอนนี้วีดนั้นไม่เหลือมานาที่จะใช้สกิลโจมตีต่อโทริดังนั้นเขาจึงไม่อยากเสี่ยง
"ฮีลผมที พาลาดินจัดการโทริเลย"
วีดได้รับการฟื้นฟูและรักษาอย่างต่อเนื่องขณะที่กำลังหลบหนี พร้อมๆกับที่พลังงานและเลือดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้โทริได้ถูกรุมโจมตีโดยพรีสและพาลาดินกำลังเข้าสู่ความตาย
พาลาดินที่ถูกเปลี่ยนไปเป็นแวมไพร์หยุดการเคลื่อนไหวเมื่อโทริได้ตายลงไป เวทย์มนตร์ที่คอยควบคุมอยู่ถูกปลดออกไป ไม่มีพรีสที่ตายในการต่อสู้นี้เลยแต่พาลาดิน 178 คนได้ถูกฆ่าโดยโทริ

'ก็ไม่เลวสักเท่าไหร่'
วีดมานาหมดเลยไม่ได้เป็นคนสังหารโทริด้วยตัวของเขาเองถ้าเกิดเขาเป็นคนสังหารเองคงได้สัก4-5 เลเวลเมื่อได้สังหารมอนเตอร์เลเวล400
โทริตายแล้ว แล้วก็ดรอปมงกุฎและสร้อยคอ ซึ่งวีดได้เก็บมาทั้งสองอย่าง
-สมบัติแห่งวิหารเฟรย่า มงกุฎแห่งฟาร์โกได้รับมาเรียบร้อยแล้ว
"ปลดผนึก"
มงกุฎแห่งฟาร์โก  ความคงทน: 2000/2000
หนึ่งในสามสมบัติศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพีเฟรย่าฃ
มงกุฎเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ  มันช่วยก่อให้เกิดความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในการปกครอง  มันมอบอำนาจการสั่งการแก่กองกำลังแห่งวิหาร  ด้วยมงกุฎแห่งฟาร์โก กองกำลังจะซื่อสัตย์แน่วแน่
ข้อจำกัด: สำหรับอาชีพที่เกี่ยวข้องกับศาสนาและได้รับการยอมรับจากวิหารแห่งเฟรย่า
ความเป็นผู้นำ 800
ศรัทธา 1200
คุณสมบัติ: เพิ่มขวัญและกำลังใจแก่กองทัพ
กองทัพจะไม่ยอมแพ้แก่ศัตรู
ความแข็งแกร่+150  ความคล่องแคล่ว+150  ความอึด+150
ค่าสถานะทุกค่า +50.
ชื่อเสียง + 500.

นี่เป็นถึงสมบัติศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหารเฟรย่า  วีด มองมันด้วยความชื่นชม ทันใดนั้นก็ปรากฎหน้าต่างข้อความขึ้น
-เมื่อได้สำรวจวัตถุที่มีความงาม ค่าศิลป์เพิ่มขึ้น 20 หน่วย

มงกุฎแห่งฟาร์โกประดับไปด้วยอัญมนี ซึ่งได้ทำขึ้นมาด้วยฝีมือที่ประณีตและงดงาม แสงที่ได้ส่องออกมาจากอัญมณียิ่งเพิ่มความงดงามให้แก่มันยิ่งขึ้นไปอีก
"แล้วก็สร้อยคอ .... ปลดผนึก"
สร้อยรัตติกาลแห่งชีวิต (Black Necklace of Life): ความคงทน 50/50.
มันถูกสร้างขึ้นมาจากไอเทมเวทมนตร์แห่งความมืดอันเก่าแก่  และถูกบรรจุไว้ด้วยพลังอำนาจที่ไม่มีผู้ใดรู้  บัลข่าน ลอร์ดแห่งอันเดธสร้างไอเทมนี้ขึ้นมาให้แก่ข้ารับใช้ของเขา
ข้อจำกัด: ไม่ทราบ
คุณสมบัติ: ไม่ทราบ
"ว้าว"
วีดอุทานออกมา
ถ้าความคิดของเขาถูกต้อง สร้อยคอนี้สามารถเรียกโทริออกมาช่วยต่อสู้ได้เหมือนดาร์คไนท์  แวน ฮอว์ค แต่เขาต้องกำราบมันให้ได้เสียก่อน
'ตอนนี้ก็เก็บไว้ในคลังก่อนดีกว่า'
เขาเก็บสร้อยของโทริไว้ในกระเป๋า ตั้งแต่ที่โทริตายปราสาทรัตติกาลก็ได้เปลี่ยนไป มีแสงรอดรำไรผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง พื้นและผนังถูกส่องสว่างไปด้วยแสงสว่างความมืดได้หายไปแล้ว เหมือนดั่งกลางคืนกลายเป็นกลางวัน
"แสงศักดิ์สิทธิ์ชะล้างความชั่วร้ายออกไปและปลดปล่อยให้เป็นอิสระ"
หลังจากนั้นรูปปั้นของหญิงสาวในหมู่บ้านก็ได้กลายมาเป็นปกติ ผู้คนจากเมืองโมราได้เข้ามาขอบคุณวีด
"ขอบคุณมากๆเลย พวกเราสามารถที่จะอยู่ได้โดยไม่ถูกคุกคามแล้ว"
เควสช่วยปลดปล่อยประชากรชาวโมราได้สำเร็จลง
ชาวบ้านได้รับการปลดปล่อย
ถึงแม้มันจะยากลำบากแต่ก็ไม่ย่อท้อต่อความหวัง ธุรกิจสิ่งทอในเมืองโมราได้รับการฟื้นฝู
-ชื่อเสียงเพิ่มขึ่น 900.
-ความเป็นมิตรกับชาวเมืองโมราเพิ่มขึ้น 25.
-เลเวลเพิ่มขึ้น
-เลเวลเพิ่มขึ้น
-เลเวลเพิ่มขึ้น
-เลเวลเพิ่มขึ้น
-เลเวลเพิ่มขึ้น

โดยการผ่านเควสระดับ B เลเวลของเขาได้เพิ่มขึ้นมา 8 เลเวล คนในหมู่บ้านได้หยิบอะไรบางอย่างมาให้เขา
"นี่ ของรางวัลของท่าน"
-คุณได้รับผ้าสายรุ้งจำนวน 100 ผืน
-คุณได้รับผ้าขนกวางชั้นเลิศ 200 ผืน

สำหรับการตัดเย็บ ผ้าสายรุ้งเป็นของชั้นหนึ่งในการทำเสื้อผ้า มันเป็นผ้าที่สะท้อนอย่างเงางามภายใต้แสงอาทิตย์  ส่วนขนกวางนั้นเหมาะที่จะใช้ทำเสื้อขนสัตว์
"ทำอย่างไรกับพวกนี้ดี ... ชั้นจะเก็บมันไว้ในตอนนี้และดูว่าจะเอาไปทำอะไรได้ในวันหลัง"
เขาบรรจงเก็บผ้าสายรุ้งเข้าไปในกระเป๋า
ภารกิจของเมืองโมราได้สำเร็จลงแล้ว เมื่อวีดวาร์ปกลับไปยังเมืองพาลาดินก็ได้พูดขึ้น
"ขอท่านได้โปรดส่งข้อความไปสู่หัวหน้านักบวชให้แก่พวกเรา เมืองนี้ตอนนี้กำลังอ่อนแอ ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะอยู่ต่อที่นี่เพื่อต่อสู้กับมอนเตอร์และกองทัพบัลข่าน "
พาลาดินและพรีสยังคงอยู่ข้างหลัง วีดและอัลเวรอนรออยู่หน้าเทเลพอร์ตเกตพร้อมๆกัน
"ท่านผู้ปลดปล่อย คำพยากรณ์เป็นจริงท่านสามารถพิชิตภารกิจและกลับมาได้อย่างปลอดภัย หัวหน้านักบวชกำลังรอพบท่านอยู่"
"ได้"
วีดและอัลเวรอนได้เดินเข้าเทเลพอร์ทเกตอีกครั้ง แล้วแสงของวาร์ปก็ได้จางหายไป


**************


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

1 ความคิดเห็น: