วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 3 ตอนที่ 2 ศิลาที่ใช้เก็บกักสายฟ้า (The Stone that gathers Lightning)

เล่มที่ 3 ตอนที่ 2 ศิลาที่ใช้เก็บกักสายฟ้า (The Stone that gathers Lightning)


ณ พารุวาน (Paruvan).
นี่เป็นสถานที่ที่นักเดินทางและกองคาราวานใช้พักผ่อนชั่วคราวในขณะที่เดินทางข้ามเทือกเขาบาคุ  แต่เดิมทีมันเป็นสถานที่ซึ่งสร้างไว้ให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ของราชอาณาจักรโรเซนไฮม์ใช้พักผ่อนกันเอง  ดังนั้นมันจะเป็นที่ที่ไม่ค่อยมีคนมาเท่าไรนัก
“พวกเรายังโชคดีที่ค้นพบสถานที่แห่งนี้ อีกแค่ 1-2 วันเท่านั้น เราก็จะไปถึงจุดหมาย”
“ช่างเป็นการเดินทางที่ยากลำบากนัก  ข้านึกว่าตนเองจะต้องตายเสียแล้ว” ฮัลมาน (Halman) หัวเราะ
“ทั้งหมดนี่ก็เพราะเจ้านั่นแหละ, มาร์โกซ์ (Margaux)”
“เจ้าพูดมาตรงๆเลยดีกว่า , เลวี่(Levi)  เรื่องมันเริ่มจากที่เจ้าไปฆ่าเจ้าคนนั้นนั่นแหละ”
ฮัลมาน, มาร์โกซ์, เลวี่ และ แกรน (Gran) เป็น 4 ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงในฐานะที่ฆ่าผู้เล่นคนอื่นในสหราชอาณาจักรแห่งบริทัน  พวกเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับการฆ่าและแย่งชิงไอเท็มของผู้เล่นอื่น  พวกกลุ่ม 4 คนนี้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ว่า ดวิชิกิ* (Dwichigi)
(ผู้แปล : * Dwichigi มีความหมายประมาณ พวกที่ชอบลอบกัด ครับ)
อย่างไรก็ตาม เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว  พวกเขาได้ไปมีเรื่องโดยปราศจากความเกรงกลัวกับกิลด์คลาวด์ (Cloud guild) ซึ่งกิลด์นี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่กิลด์ใหญ่ธรรมดาๆทั่วไปในสหราชอาณาจักรบริทันเท่านั้น  หากแต่เป็นหนึ่งในสิบกิลด์ที่ใหญ่ที่สุดของทวีป  กิลด์นี้มีจำนวนสมาชิกทั้งสิ้นกว่า 6,000 คน และหากนับกิลด์พันธมิตรเข้าไปด้วยแล้ว นับได้ว่ามีอิทธิพลที่ไม่อาจดูแคลนได้ทีเดียว  กิลด์นี้มีอิทธิพลขนาดที่สามารถเทียบเคียงได้กับสหราชอาณาจักรบริทันเลยทีเดียว
แต่พูดในอีกแง่หนึ่งการที่พวกเขา 4 คนได้รับฉายา ดวิชิกิ มานั้นก็ไม่สามารถเรื่องที่จะละเลยได้เช่นกัน
และในความเป็นจริงแล้วพวกเขาไม่ได้เจตนาจะมีเรื่องกับกิลด์คลาวด์  แต่บังเอิญว่าในช่วงที่พวกเขาทั้งสี่ซึ่งเป็นที่หมายหัวของทุกคนได้ตัดสินใจที่จะออกล่าเพื่อเก็บเลเวลนั้น  กลับปรากฎชายที่ชื่อ แบรนดี้ พร้อมพูดจาอย่างจองหองว่า:
“ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้นะ  ที่นี่เป็นพื้นที่ของพวกข้า”
“โฮ่ๆ, ไอ้เจ้านี่มันเป็นใครกัน?”
“ไอ้สารเลว!”
พวกเขาบุกเข้าไปพร้อมกัน  ในขณะนี้สัญลักษณ์ PK สีแดงได้หายไปจากพวกเขาแล้วอันเป็นผลจากการที่พวกเขาบริจาคเงินจำนวนมากให้แก่วิหาร และมาทำการล่ามอนสเตอร์มาได้สักระยะหนึ่ง  แต่อยู่ดีๆชายที่ชื่อแบรนดี้คนนี้กลับมาขัดจังหวะการล่าของพวกเขาพร้อมทั้งกล่าวอ้างว่าสถานที่นี้เป็นของเขาโดยที่ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าพวกเขาทั้ง 4 เป็นใคร  ทันใดนั้นเอง เลวี่ก็โพล่งออกมาด้วยความโมโห
 “พวกเรามาฆ่าไอ้เจ้าบ้านี่เหอะ!”
“ข้าจะสอนบทเรียนให้ ว่าอย่ามามีเรื่องกับพวกข้า!”
พวกเขาทั้งสี่เป็นพวกที่ปกติแล้วให้บทเรียนแก่ผู้ที่มาส่งเสียงก่อกวนพวกเขาโดยการฆ่าทิ้งอย่างไม่มีการลังเลใจแม้แต่น้อย  และก็เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ พวกที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่อย่าง ดวิชิกิ ใช้วิธีลอบกัดอย่างที่เขาถนัดในการฆ่าแบรนดี้ไปในชั่วพริบตา  โดยที่แบรนดี้เองนั้นมีเลเวลน้อยกว่า 3 ใน 4 คนของแก๊งค์ ดวิชิกิ  ดังนั้นการลงมือแบบหมาหมู่จากพวกนี้จึงทำให้เขาตายอย่างรวดเร็วโดยไม่มีโอกาสตอบโต้แม้แต่น้อย
หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้รับแผนที่ซึ่งตกมาจากแบรนดี้

หลุมฝังศพแห่งผู้ซึ่งมีขาสั้น – ความทนทาน 1/1
สถานที่ซึ่งผู้ที่มีขาสั้นผิดปกติหลับไหล
อยู่ตรงกลางระว่างหุบผา 2 แห่ง, ภายใต้ต้นไม้อันแข็งแกร่ง
ครืน ครืน เปรี้ยง!
เส้นทางอันคับแคบ.
ปฐมอำนาจย่อมมิอาจได้มาโดยปราศจากการสังเวย
ท่ามกลางเสียงครืนครั่น  จงมองหาเสียงที่ไม่สั่นไหว
ผู้แต่ง : เรเน่ อ. ฮานส์เบิร์ก (Reineig R. Hansberg)
“นี่คืออะไร?”
พวกเขาทั้งสี่หัวเราะโดนไม่สนใจแผนที่นั้น  พวกเขาคิดว่ามันเป็นแผนที่สมบัติซึ่งมีอยู่เกลื่อนกลาดทั่วไป  ทว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น พวกเขาถูกคนของกิลด์คลาวด์ติดตามโดยไม่ลดละ  จนกระทั่งพวกเขามาตระหนักในภายหลังว่าพวกเขาได้ไปทำร้ายสมาชิกของกิลด์คลาวด์เข้าให้
“บ้าเอ้ย! ไอ้โง่นั่น ถ้ามันบอกว่ามันเป็นคนของกิลด์คลาวด์  ข้าจะไม่ฆ่ามันเด็ดขาด!”
“พวกเราฆ่ามันโดยไม่ให้โอกาสมันได้พูดด้วยซ้ำ”
“มันกลายเป็นความผิดพวกเราได้ไงเนี่ย!”
“เรื่องนั้นช่างมันเหอะ, ตอนนี้เราต้องพักเรื่องนั้นเอาไว้ก่อน”
จากนั้นเป็นต้นมา  พวกเขาทั้ง 4 ซ่อนตัวในสถานที่ซึ่งไม่มีคนสัญจร และไม่แสดงตัวมาตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์  อย่างไรก็ตามการตามล่าจากกิลด์คลาวด์ยังไม่ซาลงไปแม้แต่น้อย  เพื่อหลบหนีจากความตายพวกเขาต้องฝ่าฟันอย่างยากลำบากในการหนีเอาชีวิตรอด
พวกเขาทั้งสี่มีเลเวลที่เกิน 200 ไปแล้ว  ทว่าหากพวกเขาไม่ได้มีประสบการณ์การฆ่าผู้เล่นอื่นมาอย่างมากมาย พวกเขาคงจะไม่สามารถหนีจากวิกฤติที่ผ่านมาในหลายๆครั้งนี้ได้  ในที่สุด ฮัลมาน ได้กล่าวขึ้น
“นี่ช่างประหลาดนัก”
“ข้าก็ว่าอย่างนั้น, พวกเจ้าก็เห็นด้วยใช่มั๊ย?”
“พวกมันทั้งกิลด์คงไม่ตามล่าเราเพียงเพราะแค่เราไปฆ่าสมาชิกของมันคนเดียวเป็นแน่”
“นั่นสิ, พวกมันพยายามฆ่าเราอย่างจริงจัง แม้ว่าพวกมันจะล้มเหลวก็เถอะ”
“เดี๋ยวนะ, ไอ้เจ้าแผนที่ที่ตกจากเจ้าคนนั้นนั่นมันอะไรนะ?”
“ข้าคิดว่ามันเป็นอะไรทำนองที่ว่า  ‘หลุมศพสำหรับผู้มีขาสั้น …”
“งั้นก็ไม่น่าพลาด, แผนที่นี่มันต้องเป็นของที่พิเศษมากๆเป็นแน่  เจ้าพวกนั้นมันไม่ได้ตามล่าเรา  แต่มันต้องการแผนที่นี่คืน”
“ฮ่า ฮ่า”
“งั้นพวกเราก็ต้องไปค้นหาสมบัติจากแผนที่นี่สินะ”
จากนั้นเป็นต้นมาพวกเขาทั้งสี่คนก็เริ่มต้นค้นหาความลับของแผนที่  พวกเขาเดินทางข้ามอาณาจักรเพื่อค้นหาบันทึกเก่าแก่และข้อมูลเกี่ยวกับแผนที่นั้น  พวกเขาตีความหมายของคำใบ้ในแผนที่จนในที่สุดพวกเขาก็ได้มาถึงเทือกเขา บาคุ
“เอาละ ที่เหลือตอนนี้ก็แค่เข้าไปในสุสาน”
“ก็ใช่, แต่พวกเราจะทำยังไงล่ะ? ในกลุ่มพวกเราไม่มีใครอาชีพนักผจญภัยเลยซักคน  เพราะงั้นไม่มีใครสามารถไปรื้อถอนกับดักพวกนั้นได้หรอกนะ”
“นั่นก็…”
“ร่างกายพวกเราพอจะทนกับดักได้ซัก 2-3 อัน”
“แต่ถึงเรื่องทั้งหมดจะเป็นไปตามที่วางแผนไว้  ก็ยังมีคนนึงที่ต้องตายในตอนสุดท้ายที่ฟ้าผ่านั่น แล้วตกลงใครในหมู่พวกเราที่จะยอมตายล่ะ?”
แน่นอนที่สุด ย่อมไม่มีใครอยากตาย  พวกเขาทั้งสี่ที่ชอบฆ่าคนอื่นไม่มีใครอยากตายเองทั้งนั้น  ดังนั้นพวกเขาจึงมองหน้ากันเอง  และแล้ว แกรนก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี
“ได้ข้อสรุปแล้ว”
“ใครกัน?”
“เจ้าคงไม่ได้หมายถึงข้าใช่มั๊ย?”
แกรนชี้นิ้วของเขาออกไป  ทว่ามันไม่ได้ชี้ไปยังใครเลยในสี่คนนั้น รวมถึงตัวเขาเองด้วย  แกรนกำลังชี้ไปยังด้านล่างของเทือกเขาซึ่งเกวียนของ วีด และ เมแพน กำลังส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดอยู่ในยามที่มาถึง

“ว้าว! ข้าไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมาเจอผู้คนในสถานที่แห่งนี้ สวัสดี ข้าชื่อ เมแพน”
“ข้าชื่อ แกรน  และนี่คือ เลวี่, ฮัลมาน และ มาร์โกซ์”
“ยินดีที่ได้พบ”
พวกเขาทั้งสี่ยิ้มอย่างเบิกบานใจต้อนรับ วีด และ เมแพน
“ไม่บ่อยนักที่จะพบผู้ที่เดินทางในเทือกเขา บาคุ  ท่านเดินทางมาด้วยเหตุอันใดหรือ?”
“อ้อ, พวกเรามาเพื่อทำการค้า” เมแพนสนทนาต่อไปพร้อมทั้งตอบคำถาม
“ทำการค้า? งั้นพวกท่านสองคนก็เป็นพ่อค้างั้นสิ?”
“ถูกต้อง, ข้าเองเป็นพ่อค้า, และท่าน วีด ที่อยู่ตรงนี้เป็นประติมากร”
“อ้อ, เข้าใจละ.”
แกรนฉีกยิ้มกว้าง ในขณะที่ฮัลมาน, มาร์โกซ์และ เลวี่กำลังพยายามซ่อนเสียงหัวเราะของพวกเขา
‘เขาบอกว่าชายคนนั้นเป็นประติมากร’
‘มีคนที่เลือกอาชีพแบบนั้นด้วย?’
อย่างไรก็ดีพวกเขายังคงแสดงท่าทีสุภาพกับพวก วีด และ เมแพน เนื่องด้วยพวกเขายังต้องการทำภารกิจให้ลุล่วง  เพื่อความไม่ประมาทเหมือนกรณีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับ แบรนดี้ พวกเขาจึงระมัดระวังมากขึ้นในยามที่ต้องพูดคุยกับผู้อื่น ดังนั้นเขาจึงถาม
“ข้าก็พอจะเข้าใจ  แต่พวกเจ้าที่เป็นพ่อค้า และ ประติมากร เดินทางข้ามเทือกเขา บาคุ ที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์มาได้อย่างไร? พวกเจ้าจัดการกับมอนสเตอร์พวกนั้นได้ยังไง?”
“นั่นเป็นเพราะ วีด ที่อยู่ตรงนั้น …”
เมแพนกำลังจะอธิบาย แต่ วีด ใช้ศอกกระทุ้งเขาข้างๆ
“ท่าน วีด?”
เมแพนที่กำลังจะพูดรีบหุบปากของเขาลง  เขาสังเกตุได้ว่า วีด ไม่ต้องการเปิดเผยอะไรบางอย่างเขาจึงหยุดพูดต่อ  แกรน สังเกตเห็นการกระทำจึงได้ยกคิ้วขึ้นพร้อมทั้งหัวเราะ
“มันเป็นเรื่องยากมากหรือที่จะบอกพวกเราเกี่ยวกับเรื่องนี้?”
จริงๆแล้ว วีด รู้สึกได้ว่าพวกสี่คนนี้กำลังพยายามซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้  แม้จะเป็นในทวีปใหญ่ที่มีผู้คนจำนวนมากอย่างเวอร์เซลล์ก็ตาม  มันเป็นเรื่องยากที่จะพบปะผู้คนในสถานที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของมอนสเตอร์แห่งนี้
ในกรณีทั่วๆไปนั้น เมื่อคุณได้พบปะผู้เล่นอื่นระหว่างการเดินทางเช่นในภูเขา  คุณจะให้การต้อนรับและบางครั้งก็รับประทานอาหารกับพวกเขา  หากจุดหมายปลายทางเป็นที่เดียวกัน คุณก็อาจจะร่วมทางกันไปซักระยะหนึ่ง  แต่คนพวกนี้ดูจะมีความสุขมากจนเกินเหตุ
และพวกนั้นยิ่งดูพึงพอใจมากขึ้นไปอีกเมื่อได้ทราบอาชีพของพวกเขา   วีด ชำเลืองมองไปยังกลุ่มสี่คนนั้นอย่างเป็นธรรมชาติ  แกรนกำลังยืนอยู่พูดคุยกับ วีด และ เมแพน ที่ด้านหน้า ในขณะที่อีกสามคนล้อมอยู่ด้านข้างและด้านหลัง
‘พวกนี้น่าจะเป็นพวกโจร’
หากคุณคิดว่าความเสี่ยงของทวีปเวอร์เซลล์จำกัดอยู่แค่เพียงมอนสเตอร์เท่านั้นละก็  จงลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความโหดร้ายซะ! การได้พบกับผู้เล่นอื่นในสถานที่เช่นนี้ต่างหากที่อันตรายยิ่งกว่า  วีด ทำตัวเป็นธรรมชาติพร้อมกับกล่าวว่า:
“ข้าเป็นประติมากร, แต่ข้ามีเทคนิคเฉพาะตัว”
“มันเป็นเทคนิคแบบไหนล่ะ?”
“มันเหมือนการตะโกน พอมอนสเตอร์ได้ยินเสียง  พวกมันก็จะวิ่งหนีไป  อยากให้ข้าทำให้ดูมั๊ยล่ะ?”
“ดีเลย, ข้ากำลังสงสัยอยู่เลยว่ามันเป็นยังไง”
วีด รวบรวมมานาของเขา และทำการใช้ทักษะ ราชสีห์คำราม
“อ้ากกกกกกกกกก!”
เมื่อได้ทราบว่า วีด กำลังจะคำราม, เมแพนยกมือของเขาขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง  แต่พวกทั้งสี่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยจึงถึงกับช็อคออกอาการโซซัดโซเซไปเลย
“ไอ้บ้าเอ๊ย”
“ไอ้เสียงคำรามนี่มัน …!”
เพียงแค่แกรนเหลือบมองมา ก็ทำให้มาร์โกซ์และเลวี่สงบลงได้  แกรนหันกลับไปยัง วีด พร้อมกับยิ้มกว้าง
“ช่างเป็นเสียงคำรามที่กำก้องอะไรเช่นนี้  นี่ช่วยเตือนสติให้ข้านึกขึ้นมาได้  ข้าเคยได้ยินเสียงคำรามมาหลายครั้งแล้ว  เสียงนี่ส่งผลให้พวกมอนสเตอร์ไม่เข้ามาใกล้งั้นเหรอ?”
ทักษะราชสีห์คำราม
วีด ยังไม่ได้เข้ารวมกลุ่มปาร์ตี้กับพวก แกรน ดังนั้นความเป็นผู้นำจึงไม่ได้เพิ่มขึ้น และคุณสมบัติต่างๆจึงยังไม่ได้แสดงออกมา  ที่พวกนั้นได้รับรู้ก็เป็นเพียงนี่เป็นเสียงที่ดังมากแค่นั้นเอง
“ถูกต้อง พวกมอนสเตอร์จะละล้าละลังไปพักนึงตอนที่ได้ยินเสียง  และข้าก็หนีออกมาในช่วงเวลานั้นเอง”
พวกเขาทั้งสี่หัวเราะหลังจากได้รับคำอธิบายจาก วีด
‘นี่มันไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย’
‘ข้าว่าไอ้พวกนี้มันเป็นเหยื่อที่สมบูรณ์แบบจริง?’
‘พวกเราควรจะเอาไอ้เจ้าพวกนี้ไปทั่นั่นกับเราด้วย’
‘พวกเราต้องการเพียงแค่ 1…’
‘มันจะมีปัญหาอะไรล่ะ? พวกเราก็กำจัดคนที่เหลืออยู่อีกคนด้วยมือของเราเอง  แถมพวกมันยังเป็นพ่อค้าอีก  คงจะมีของตกออกมาเยอะแน่ๆ’
‘ดี, งั้นจัดการเลย’
พวกเขาทั้งสี่ได้ข้อสรุปโดยไม่จำเป็นต้องพูดกันแม้แต่น้อย  เพียงแค่มองตาพวกเขาก็สื่อสารกันเข้าใจได้เป็นอย่างดี  แกรน ยื่นหน้าเข้าไปหา วีด และ เมแพนอย่างจริงจังพร้อมกับกล่าวว่า:
“ที่ผ่านมา ทริคนี้อาจจะช่วยให้พวกท่านเดินทางผ่านมาได้โดยปลอดภัย  แต่เทือกเขา บาคุ แห่งนี้นั้นเป็นที่ซึ่งอันตรายเป็นอย่างมาก  ท่านอาจเรียกการพบกันครั้งนี้ว่าเป็นเรื่องของโชคชะตาก็ได้  จากนี้ไปพวกเราจะคอยเป็นผู้ค้มกันให้พวกท่าน  ยังไงซะเราก็เดินทางในเส้นทางเดียวกันอยู่แล้วและพวกเราก็ยื่นข้อเสนอนี้ให้ด้วยความปรารถนาดี มันจึงไม่มีเหตุผลที่ท่านจะปฏิเสธ ฮ่า ฮ่า”
“ฮ่า ฮ่า ถ้าอย่างนั้นล่ะก็ พวกเราก็ขอขอบคุณเป็นอย่างมาก”
เมแพน จงใจหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันดัง  ในฐานะที่เป็นพ่อค้าที่อ่อนแอ  มันก็ไม่ได้เป็นไอเดียที่แย่อะไรในการร่วมทางกับกลุ่มคน 4 คนซึ่งดูแข็งแกร่ง
“พวกข้าจะอยู่ในความคุ้มครองของพวกท่าน”
วีด สังเกตุเห็นถึงอะไรบางอย่างที่น่าสงสัยแว่บในสายตาของพวกเขา แต่เขาตัดสินใจที่จะเล่นตามเกมไปก่อนเพื่อที่จะดูว่ามันจะไปถึงไหน  วีด จึงได้พยักหน้าเงียบเป็นการแสดงการรับรู้  เขาสังเกตุได้ถึงสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลง  แต่เมื่อมองเข้าไปยังดวงตาของพวกสี่คนนั้นแล้ว  สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือ … ตามพวกนั้นไป

ความสนุกของการผจญภัยอยู่ที่การเดินทาง การได้พบเห็นสถานที่ใหม่และได้รู้จักกับมิตรสหาย  โดยที่มิตรสหายที่ไว้ใจได้นั้นสามารถช่วยระวังหลังให้แก่เราได้  การได้ออกล่ากับเพื่อนช่วยเสริมสร้างความใกล้ชิดและสนิทสนม
นี่เป็นส่วนที่สนุกของ เส้นทางแห่งราชันย์ มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่ วีด รู้สึกมีความสุขกับการได้ออกล่าร่วมกับผู้อื่น  และเนื่องจากเขาใช้เวลาเกือบทั้งหมดไปกับการเล่นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เล่นร่วมกับผู้อื่นตลอดเวลา  ถึงกระนั้นก็ตาม การได้เล่นร่วมกันก็ยังคงเป็นสิ่งที่สวยงาม  แต่ที่กล่าวมานั้นไม่สามารถใช้ได้กับกรณีของพวกสี่คนนั่น  พวกสี่คนนั่นรับหน้าที่ในการต่อสู้กับมอนสเตอร์อยู่รอบๆเกวียน และในขณะเดียวกันก็คอยชำเลืองมองสังเกตการณ์ เมแพน และ วีด ด้วย
‘อืมl,เขาก็ดูไม่มีอะไรผิดปกติ’
‘เขาเป็นประติมากรงั้นหรือ?’
‘ดูเหมือนเขาจะเป็นประติมากรจริงๆ’
พวกเขาทั้งสี่รู้สึกผ่อนคลายขึ้น  พวกเขาระแวงแม้กระทั่งประติมากรเพราะพวกเขาได้สร้างชื่อเสียงอันเลวร้ายสะสมมาตลอดในช่วงเดือนที่ผ่านมา  ในตอนนั้นเองที่ วีด ได้นำอัญมณีดิบเม็ดหนึ่งขึ้นมา  พวก ดวิชิกิ ก็เบนความสนใจมาในทันที  หนึ่งในกลุ่มของพวกเขาได้ถาม
“เอ๋? นั่นมันอัญมณีไม่ใช่เหรอ?”
แทบจะในทันทีทันใด มาร์โกซ์ได้เปิดเผยความอยากรู้อยากเห็นที่ซ่อนเอาไว้ออกมา  เมแพนตอบกลับพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“ถูกต้อง, วีด กำลังเจียระไนอัญมณีอยู่ในตอนนี้”
“โอ้ว, เจียระไนอัญมณีงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง
“เจียระไนอัญมณี… นี่มันช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!” ดวงตาของมาร์โกซ์เต็มไปด้วนความโลภ
‘นี่มันแจ็คพอตชัดๆ’
‘ข้าอยากให้ของนั่นมันตกออกมาตอนที่…’
วีด เตรียมพร้อมอยู่เสมอด้วยมีดแกะสลักของซาฮับในขณะที่กำลังแกะสลักอยู่  แต่พวกทั้งสี่นั้นยังไม่เปิดฉากต่อสู้
‘ถึงแม้จะเห็นอัญมณี พวกมันก็ยังไม่เข้ามาจู่โจม  แสดงว่ามีอย่างอื่นที่พวกมันต้องการจากเรา’
ในความคิดของพวกทั้งสี่นั้น  วีด กับ เมแพนเปรียบเสมือนหนูที่ติดกับดักอยู่และไม่มีทางหนีไปได้  พวกเขาจึงได้เริ่มดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของพวกเขา   นี่มันมีทั้งผู้หลอกลวงและผู้ถูกหลอก! แล้วก็ยังมีอีกคนที่แกล้งทำเป็นโดนหลอก!
“พวกเรามารับประทานอาหารกันก่อนค่อยเดินทางต่อดีกว่า  เดี๋ยวพวกข้าจะเตรียมอาหารให้”
“พวกข้ารู้สึกขอบคุณที่ช่วยคุ้มครองพวกข้ามา … ให้พวกข้าเตรียมอาหารให้เถอะ”
“ฮ่า ฮ่า, ไม่จำเป็นหรอก, ได้โปรดรอสักครู่”
นอกจากนี้ ยังมีบางครั้งที่พวกเขาทั้งสี่มอบของที่ตกจากมอนสเตอร์ให้แก่ วีด และเมแพน
“มันไม่ได้มีค่าอะไรมาก แต่ข้าหวังว่าท่านจะรับมันเอาไว้”
“ในเมื่อพวกเราร่วมเดินทางด้วยกัน เราก็น่าจะสนิทกันเข้าไว้นะ? มันเป็นเรื่องยุติธรรมที่จะแบ่งปันของที่ตกจากมอนสเตอร์ให้แก่กัน”
“ได้โปรดรับมันไว้ด้วยเถอะ” พวกเขาทั้งสี่เริ่มต้นด้วยการชนะใจเมแพนไปได้แบบง่าย
“ชายผู้นี้ช่างเป็นคนที่ไม่มียางอายเสียจริง…”
เมแพนรับมันไว้ด้วยรอยยิ้มอันกว้าง  แต่ วีด กลับยิ่งสงสัยในสถานการณ์ที่เป็นอยู่มากยิ่งขึ้น
‘การให้โดยปราศจากเหตุผลแบบนี้ …  มันไม่มีอยู่จริงหรอก  ถ้าพวกนั้นไม่ได้วางแผนจะโจมตีเรา แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรที่มาทำดีกับพวกเราแบบนี้?’
คนทั่วไปจะรู้สึกดีหากมีใครมอบของขวัญให้ หรือได้รับการปฏิบัติที่ดีจากผู้อื่น  แต่สำหรับ วีด สิ่งที่เขารู้สึกคือความสงสัย  ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มันไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่พวกนั้นจะต้องมาแชร์ไอเท็ม  ทุกอย่างมันติดขัดตั้งแต่ที่พวกนั้นพยายามอย่างมากที่จะทำดีกับพวกเขา  ถึงอย่างนั้นก็ตามวีด กลับไม่ยอมแพร่งพรายความรู้สึกนึกคิดของเขาให้เห็นแม้แต่น้อย
วีด สามารถปกปิดความจริงที่ว่าเขาไม่เชื่อใจพวก 4 คนนั่นได้ก็เพราะเมแพน  ทั้งนี้เพราะเมแพนเชื่อใจพวกทั้ง 4 คนนั้นจริงๆทำให้พวกนั้นไม่สงสัย  หนึ่งวันผ่านไปในลักษณะนั้นจนกระทั่งพวกเขามาถึงหุบผาแห่งหนึ่ง  เป็นหุบผาที่มีความกว้างเพียง 20 เมตร ทว่าเป็นหุบเขาที่ลึกและถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาตลอดพื้นที่หุบเขา  แต่เนื่องด้วยมันมีสะพานอยู่ดังนั้นการข้ามหุบผาดูจะไม่ใช่เรื่องยาก
“มันมีสะพานอยู่ตรงโน้น ช่างเป็นสะพานที่ดูแข็งแกร่งนัก … พวกเราสามารถข้ามไปยังฝั่งโน้นได้ด้วยสะพานนี้”
ในขณะที่เมแพนกำลังจะขับเกวียนผ่านไปนั้น  แกรนกลับยิ้มพร้อมกับเข้ามาขวางทางเอาไว้
“ท่านสุภาพบุรุษ  เหตุผลที่ท่านมาผจญภัยคืออะไรหรือ?”
“อะไรนะ?”
“ข้าคิดว่าช่วงเวลาการดื่มด่ำกับทิวทัศน์อันงดงามเป็นหัวใจของการผจญภัย  ตรงนั้นดูเหมือนจะมีเส้นทางลงไปข้างล่างได้  มันดูน่าสนใจมากทีเดียว  ท่านคิดว่าอย่างไร?  เราไปเส้นทางนั้นกันเถอะ”
เมแพนเริ่มลังเลใจเมื่อได้ยินคำพูดของแกรน  ในทวีปเวอร์เซลล์มันไม่ได้มีถนนตัดผ่านไปทุกที่  คุณสามารถเดินทางตัดผ่านป่า หรือ ข้ามภูเขาก็ได้  มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางตามถนนที่ปูลาดไว้อย่างดีอยู่เสมอไป
อย่างไรก็ดี หากคุณคิดตามหลักตรรกศาสตร์แล้วมันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะเดินทางไปใต้หุบผาในขณะที่คุณสามารถเลือกที่จะข้ามสะพานไปได้อย่างสบายๆ  แม้จะเป็น เมแพน ซึงไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงอะไรที่ไม่ชอบมาพากลในที่สุด
“เอ, นั่นมันจำเป็นด้วยหรือ…?”
เมแพน พยายาม แสดงถึงความตั้งใจของเขาในการปฏิเสธ  ในฐานะพ่อค้าเขาต้องการทางเลือกที่ปลอดภัย  เขาจึงปฏิเสธคำแนะนำของพวกทั้งสี่นั่น
*ชิ้ง *
ฮัลมาน, มาร์โกซ์ และ เลวี่ขยับมือไปจับที่ฝักดาบของพวกเขา  ในขณะเดียวกับที่ขยับเข้ามาล้อม วีด และ เมแพนไว้ตรงกลาง  ความจริงมันไม่มีอะไรต้องกังวลใจเพราะพวกนี้เป็นเพียงพ่อค้า และ ประติมากร  แต่พวกเขาเพียงแค่เตรียมพร้อมไว้เผื่อกรณีไม่คาดฝัน  นั่นก็คือกรณีที่เมแพน ปฏิเสธอย่างไม่ยอมรับฟังอันใดจากพวกเขา!
“พวกเราน่าจะไปนะ  มันดูน่าสนุกดีออก” วีด เห็นด้วยกับคำแนะนำของ แกรน
“ฮ่า ฮ่า! คิดไว้แล้วเชียวว่าท่านต้องเห็นด้วย ท่านช่างเป็นลูกผู้ชายที่มีสปิริตโดยแท้”
แกรน, ฮัลมาน และพวกที่เหลือเอามือออกจากฝักดาบของพวกเขาพร้อมทั้งยิ้มออกมา

************************************

วีด และเมแพน เดินด้วยเกวียนต่อไปตามทางด้านล่างหุบผาโดยมีกลุ่ม ดวิชิกิ เป็นผู้นำทาง
ความลาดเอียงของหุบผานั้นชันมาก ส่งผลให้ล้อของเกวียนติดขัดไปหลายครั้ง  หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพวกทั้งสี่นั่น มันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะลงมาได้  แกรนและฮัลมานช่วยกันลากจากด้านหน้า  ในขณะที่เลวี่และมาร์โกซ์ช่วยกันดันจากด้านหลัง
“เอ่อ, ต้องขอโทษพวกท่านด้วย”
“ฮ่า ฮ่า ! ไม่ต้องห่วงเมแพน  เรื่องแค่นี้เอง!”
แกรนและฮัลมานปฏิบัติกับเกวียนราวกับว่ามันเป็นของพวกเขาเองโดยไม่เก็บอาการไว้  เนื่องจากพวกเขาคิดว่ามันจะกลายเป็นของพวกเขาในอีกไม่นานนี้
“โอ๊ะ, ข้าว่าข้ามองเห็นทางเดินอยู่ข้างหน้านั่น …”
แกรน เป็นผู้นำทาง เขาเดินไปโน่นไปนี่ และก็มีบางครั้งที่เดินย้อนกลับมาทางเดิม
“อืม ภาพทิวทัศน์ด้านโน้นดูดีกว่ามากทีเดียว  การกลับไปทางโน้นน่าจะเป็นเรื่องที่ดีนะ”
แกรน ค้นพื้นที่อย่างละเอียดหลายต่อหลายครั้ง  ซึงการกระทำเช่นนี้ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียวก็คือ วีด
“ว้าว! ไอ้ที่อยู่ตรงนี้มันคือสมุนไพรทำยา เรดเซน (red Sen) นี่นา  ส่วนตรงโน้นก็เป็น บลูเซลอน (blue Ceylon) …!”
เทือกเขาบาคุ เปรียบประดุจคลังสมุนไพรขนาดมหึมา  พื้นที่ด้านล่างของหุบผาที่ได้รับแสงแดดปรากฎสมุนไฟรเจริญเติบโตอย่างแน่นหนาสมบูรณ์  วีด กระตือรือล้นในการถอนพวกมันออกมาพร้อมกับนำมันเก็บไว้ในกระเป๋าของเขา
“นั่นท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือ?”
“ก็แล้วท่านคิดว่าข้ากำลังทำอะไรล่ะ? ข้ากำลังเก็บสมุนไพร”
นอกไปจากหลงทางแล้ว  พวกเขายังถูกทำให้เสียเวลายิ่งขึ้นไปอีกจากการกระทำของ วีด
‘บ้าเอ้ย!’
‘ข้าจะฆ่ามันซะเดี๋ยวนี้ ด้วยมือของข้าเอง!’
พวกเขาทั้งสี่โกรธจนกระทั่งเส้นเลือดบนหน้าผากปูดออกมา  หลังจากผ่านไปได้ 2 ชั่วโมง เมแพนรู้สึกเหนื่อย  และพวกเขาทั้งสี่ก็เหนื่อยเช่นเดียวกัน

- เฮ่ย แกรน.นี่เจ้าจำสถานที่ที่แน่นอนได้จริงหรือ?

- เจ้าต้องการให้ข้าเอาแผนที่มากางต่อหน้าพวกมันเลยมั๊ยล่ะ?

- เจ้าช่วยดึงความสนใจของพวกมันสองคนไว้ซักแป๊ปนึงสิ  ไอ้เจ้าคนที่ชื่อ วีด นั่นมันดูท่าท่างอีเดียท ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก  แต่ไอ้คนที่ชื่อเมแพนสิ มันคอยสังเกตุพฤติกรรมพวกเรา  ทำให้ข้ารำคาญว่ะ

- ได้เลย. งั้นก็รีบๆเข้าหน่อยละกัน!
มาร์โกซ์ เดินตรงเข้าไปยังเกวียน
“เฮ้ เมแพน, จริงๆแล้วข้าค่อนข้างสนใจเกี่ยวกับงานแกะสลัก  ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปเจ้าช่วยถาม วีด ให้หน่อยได้มั๊ยว่าข้าขอดูเค้าทำงานหน่อยได้รึเปล่า?”
มาร์โกซ์ปิดบังวิสัยทัศน์ของที่ๆแกรนและคนอื่นอยู่โดยอาศัยเรื่องนี้เป็นข้ออ้าง  ในตอนนั้นเองแกรนได้นำแผนที่ออกมากางหาสถานที่ปัจจุบันที่พวกเขาอยู่พร้อมทั้งยืนยันตำแหน่งของหลุมฝังศพ  ดวงตาของเขาเปล่งประกายออกมา
‘ใช่แน่, พวกเรามาถูกทางแล้วล่ะ. แค่เดินผ่านไปอีกหน่อยก็ถึงแล้ว!’
“ถ้างั้นก็, ทำไมเราไม่ไปทางนั้นกันล่ะ?”
แกรนและพวกทั้งสี่นำเกวียนกลับไปทางที่พวกเขาเพิ่งผ่านมา  และพวกเขาก็ได้พบกับอนุเสาวรีย์และหลุมฝังศพซ่อนอยู่หลังต้นไม้และกอไม้ โดยที่ข้างๆอนุสาวเรีย์เป็นทางเข้าไปข้างใน  พวกเขาทั้งสี่หัวเราะออกมาพร้อมทั้งพูดอะไรบางอย่างออกมา
“เอ๋? หรือว่านี่จะเป็นดันเจี้ยน?”
“ถ้ำคนแคระน่ะเหรอ?”
“ว้าว!  พวกเราช่างโชคดีจริงๆ  พวกเราควรจะเข้าไปนะ  มันไม่มีเหตุผลอะไรให้หันหลังกลับเลยในเมื่อเรามายืนอยู่ ณ จุดนี้กันแล้ว”
“เมแพน, วีด! พวกท่านจะมากับพวกข้าใช่มั๊ย?”

เล่มที่ 3 ตอนที่ 2 : จบ

*****************************

<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

2 ความคิดเห็น: