วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 5 ตอนที่ 10 เลือกทางเดิน (Road Selection)

เล่มที่ 5 ตอนที่ 10 เลือกทางเดิน (Road Selection)

“ชวิคคค!”
ออร์คกำลังเคลื่อนทัพสู่ป้อมปราการของดาร์คเอลฟ์
และแม้ว่าการเคลื่อนทัพไปข้างหน้าจะถูกขัดขวางโดยต้นไม้และก้อนหินเป็นระยะๆ แต่ออร์คหลายหมื่นตัวก็ยังคงทยอยมาถึงกำแพงอย่างต่อเนื่อง
เอลฟ์ตอบโต้โดยไม่รอช้า
“บอลไฟ!”
“พายุน้ำแข็ง!”
“สายฟ้าลูกโซ่!”
บนพื้นมีไฟลุกไหม้ น้ำแข็งและสายฟ้าตกใส่ฝูงออร์คราวห่าฝน พวกมันตายไปหลายร้อยแต่ยังคงเดินหน้าต่อ
เมื่อออร์คเข้าใกล้ป้อมถึงระยะหนึ่งเอลฟ์ก็เริ่มใช้ธนู พวกมันใช้ลูกธนูที่บรรจุพลังเวทย์ทำให้ออร์คโดนแช่แข็งหรือตาบอดเมื่อถูกยิง
กับดักจำนวนมากกระจายอยู่ทั่ว หลุมดักที่มีไม้แหลมอยู่ก้นหลุมกลืนออร์คลงไปครั้งละหลายสิบตัว
แต่ไม่ว่าเหล่าเอลฟ์จะเตรียมการเพื่อรับมือมาดีเพียงใดก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งเหล่าออร์คไม่ให้เดินหน้าต่อได้
“ชวิคค!”
“ออร์ค! ออร์ค! ออร์ค!”
เหล่าออร์ควอริเออร์เต็มไปด้วยไฟแค้น พวกมันมาเพื่อแก้แค้นให้กับความเจ็บปวด ความทุกข์ยาก และความตายทั้งมวลที่เอลฟ์เคยก่อไว้ และไม่ว่าจะขัดขืนและป้องกันเพียงใดในที่สุดออร์คก็เข้าประชิดกำแพงได้
“ชวิคค! เริ่มยิงได้!”
“ยิงพร้อมกัน! ชวิคค! ยิง!”


ออร์คเริ่มยิงลูกธนูใส่เอลฟ์บ้าง พวกที่ไม่มีธนูก็พากันขว้างปาก้อนหินที่เตรียมมาเข้าใส่ การโจมตีขึ้นไปจากด้านล่างทำได้ยากมาก ความแม่นยำลดลงมหาศาลแต่ฝั่งเอลฟ์ก็เริ่มเผชิญกับความสูญเสียครั้งแรกแล้ว
ที่กองหลังมีออร์คหลายตัวกำลังลากซุงท่อนใหญ่
ออร์คหลายสิบตัวช่วยกันแบกท่อนซุง และร่วมมือกันพาดปลายด้านหนึ่งเข้ากับกำแพง ออร์ควอริเออร์หลายตัวเริ่มไต่ขึ้นไปตามท่อนซุงนี้ มีบางตัวหล่นลงมาแต่ส่วนใหญ่ปีนขึ้นไปจนถึงด้านบนของกำแพงสำเร็จ
การต่อสู้อันดุเดือดบนกำแพงเริ่มขึ้นแล้ว
วีดใช้เวลาที่ผ่านมายืนอยู่บนก้อนหิน ดูการสู้รบที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ เอลฟ์เรียกวิญญาณธาตุขึ้นมาต่อหน้าต่อตาเขาและส่งพวกมันเข้าสู่สนามรบ คาซ่าภูติไฟ องดิเน่ภูติน้ำ ซิลฟ์ภูติลม และโนมภูติดิน พวกมันทะยานขึ้นฟ้าและกระหน่ำเวทมนต์ธาตุลงมายังพื้นดินเบื้องล่าง!
ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่เหล่าออร์คที่กำลังต่อสู้ กระทั่งเอลฟ์ยังมีบางตัวลอบออกมาจากประตูเพื่อดำเนินยุทธวิธีรบแบบกองโจร เขาเห็นบางอย่างเป็นประกาย ตัวอะไรสักตัวบินว่อน และควันไฟจากอะไรสักอย่าง  ได้ยินเสียงตะโกนจากทุกทิศทาง ออร์คตายหลักพัน เอลฟ์ตายเพียงหลักสิบ
 “ชวิคค!”
“คาริชวิ! ข้ารอไม่ไหวแล้ว!”
“ใช่! โจมตีเลยเถอะ! ชวิคค!”
วีดและนักรบเผ่าของเขายังไม่ได้ขยับเลยสักก้าวตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น และเหล่าออร์คเริ่มทนไม่ไหวกันแล้ว
“ชวิชวิค! รอก่อน”
แม้การต่อสู้จะเริ่มขึ้นนานแล้ววีดก็ยังคงไม่นำกองกำลังเข้าร่วมการสู้รบ ออร์คไม่ชอบใจนักแต่ก็ยังเชื่อฟังคำสั่ง
‘ในการสู้รบจะประมาทไม่ได้’
วีดถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด แม้เอลฟ์จะเสียเปรียบอย่างรุนแรงทางด้านจำนวนแต่การโจมตีซี้ซั้วใส่ป้อมเป็นเรื่องที่เขาไม่อาจเข้าใจได้ ออร์คเอาแต่ดาหน้าเข้าไป ปีนขึ้นกำแพงท่ามกลางเวทย์ที่กระหน่ำเข้าใส่จากศัตรู!
นี่ยังไม่รวมเรื่องที่บางตัวเป็นหวัดทำให้พลังชีวิตลดลงอีก โถมเข้าใส่ป้อมปราการที่ป้องกันอย่างแน่นหนาโดยไม่มีแผนการรบล่วงหน้าอะไรทั้งสิ้น! โง่กว่านี้คงไม่มีแล้ว!   [t/n: ควายล้วนๆ ไม่มีวัวปน =_=]
การต่อสู้ที่จริงจังขนาดนี้จำเป็นต้องวางแผนมาล่วงหน้า หากวีดมีเวลามากกว่านี้เขาอาจคิดวิธีดีๆ ได้ และออร์คคงยึดป้อมได้นานแล้ว แต่ตอนนี้ฝูงออร์คล้มตายเพราะความโง่ของพวกมันเอง และถ้าเขาไม่รีบทำอะไรสักอย่างละก็การต่อสู้ก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นและยิ่งคาดเดาไม่ได้...
ฉากการสู้รบที่วีดกำลังชมอยู่นี้ไม่สามารถนำมาเทียบกับการสู้รบเพื่อป้อมโอดินได้เลยไม่ว่าในเรื่องใดก็ตาม ขนาดสมรภูมิต่างกันมาก และเผ่าพันธุ์เฉพาะสองเผ่าที่ร่วมในการขัดแย้งนี้ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น
‘พวกที่เริ่มก่อนต้องเป็นฝ่ายเอลฟ์แน่ๆ’
วีดกำลังวิเคราะห์สถานการณ์อย่างเยือกเย็น
แวบแรกดูเหมือนพวกออร์คน่าจะเอาชนะได้ง่ายๆ พวกมันมีจำนวนเยอะกว่ามาก และเข้าถึงกำแพงเพื่อร่วมกันต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว
แต่ดาร์คเอลฟ์ก็ไม่ยอมแพ้
พวกมันป้องกันป้อมที่มีการเสริมความแข็งแกร่งมาอย่างดีด้วยลูกธนูจำนวนมาก และการจัดกำลังทัพอย่างถูกต้องที่ทำให้เมจและนักธนูสู้รบได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ นอกจากนี้ ทั้งๆ ที่ได้เปรียบทางด้านจำนวน ออร์คกลับเข้าร่วมการต่อสู้ได้เพียงครั้งละ 20,000 ตัวเท่านั้น
จำนวนเพียงเท่านั้นไม่เพียงพอให้ได้เปรียบพวกเอลฟ์ได้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังสร้างความเสียหายไม่ได้มากนักด้วยการยิงจากเบื้องล่างในขณะที่มีเวทย์ธาตุอย่างเวทย์ลมคอยป้องกันไม่ให้ลูกธนูส่วนใหญ่ของพวกมันขึ้นไปถึงส่วนบนสุดของกำแพงได้
ดาร์คเอลฟ์จึงสามารถต้านทานการโจมตีของออร์คไว้ได้โดยมีพวกมันตายไปไม่มาก
“พวกสัตว์หน้าโง่!”
“ไอ้หมูสกปรก! พวกแกต้องพบจุดจบอยู่แค่กำแพงเรานี่แหละ!”
พวกเอลฟ์พากันเยาะเย้ยคู่ต่อสู้เพราะรู้ได้ว่าฝ่ายตนได้เปรียบ เหล่าออร์คที่ขุ่นเคืองจากการล้อเลียนของพวกมันโถมเข้าใส่อย่างดุร้ายขึ้น และพากันตายลงอีกกว่าร้อยตัว!
“ชวิค!”
“แก! ไอ้ขี้ขลาด! ข้าขึ้นไปได้เมื่อไรก็จะรู้ ใครกันแน่พบจุดจบ! ชวิค!”
ออร์คทั้งพยายามพังประตู ทั้งหาทางขึ้นไปยืนบนกำแพง พยายามทุกวิถีทางที่จะฝ่าการป้องกันของเอลฟ์เข้าไปให้ได้ แต่ไม่มีอะไรได้ผลเลย
เพียงครึ่งแรกของการรบ ฝูงออร์คก็ประสบกับความสูญเสียใหญ่หลวง มีออร์คตายไปมากกว่า 40,000 ตัว
ฝั่งเอลฟ์เสียนักรบไปเพียงไม่กี่ร้อยเท่านั้น ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี แต่ก็ยังเร็วเกินไปหากจะฉลองชัยชนะตอนนี้ เพราะยังมีออร์คที่ยังไม่ตายอีกเหลือเฟือ
เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าจะรักษาความได้เปรียบนี้เอาไว้ได้ เอลฟ์ในผ้าคลุมสองสามร้อยตัวขึ้นไปรวมตัวกันที่หอคอยหนึ่ง พวกมันโบกมือ พึมพำบางอย่าง และตะโกนประสานเสียงกัน
“ไฟ!”
ไฟขนาดใหญ่ถูกยิงเป็นสายออกจากหอคอย รุนแรงจนวีดที่ยืนห่างไปไกลยังรู้สึกร้อนวูบที่หน้า! เพียงครั้งเดียวเท่านั้นไฟก็เข้ากลืนกินและเผาออร์คเป็นพันให้เหลือเพียงเถ้าถ่าน
“ชวิค?!”
“ชวิคค! ชวิค!”
แม้จะเห็นพลังรุนแรงขนาดนั้นแต่เหล่าออร์คก็ไม่เสียกำลังใจที่จะต่อสู้ พวกมันยังคงเดินหน้าโจมตีกดดันแม้ตอนนี้จะเริ่มมีบางตัวที่แสดงสีหน้าหวาดกลัว
ความมั่นใจที่จะได้ชัยอย่างรวดเร็วหายไปแล้ว
ตอนนั้นเองที่วีดเดินออกมาข้างหน้า
‘จังหวะที่รอมาถึงแล้ว’
เขาหันกลับไปมองเหล่าออร์คที่ยืนอยู่เบื้องหลัง
“ชวิชวิคค! ถึงตาพวกเราแล้ว!”
“คา... คาริชวิ!”
“นี่มันบ้าไปแล้ว ชวิค!”
ก่อนหน้านี้ไม่นานพวกมันยังกระเหี้ยนกระหือรืออยากเข้าร่วมต่อสู้อยู่เลย แต่ตอนนี้คำชวนของวีดกลับฟังเหมือนเรื่องบ้าๆ
“ไม่บ้าหรอก! ชวิค! เชื่อข้าสิ!”
วีดนำออร์ค 10,000 ตัวเคลื่อนสู่แนวหน้า ออร์คตัวอื่นๆ และหัวหน้าเผ่าของพวกมันพากันหลีกทางให้ พวกเขามาถึงป้อมและเข้าร่วมรบได้อย่างรวดเร็วโดยไม่โดนการโจมตีจากเวทมนต์เลยสักครั้ง! ดาร์คเอลฟ์ใช้มาน่าจนหมดและกำลังอยู่ในช่วงรอมาน่าฟื้นกลับมา
ช่วงเวลาที่วีดรอคอยมาถึงในที่สุด
“ไป! โจมตี! ชวิคคค!”
ร่างกายที่ใหญ่โตของวีดโจนขึ้นบนท่อนซุงอย่างง่ายดาย และเพียงไม่กี่ก้าวก็ขึ้นไปเหวี่ยงดาบบนกำแพง
เล่าลือกันว่าดาร์คเอลฟ์มีสายตาที่แหลมคม ชำนาญการยิงธนู และมีการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว และพวกมันหลายตัวยังใช้เวทมนต์ธาตุได้ แต่พวกมันใช้มาน่าจนหมด และธนูก็ไม่ช่วยอะไรมากนักในการต่อสู้ประชิดตัวแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีพื้นที่ให้ขยับมากนักบนกำแพงที่แน่นขนัด
วีดพุ่งเข้าใส่ฝูงเอลฟ์ การโจมตีของเขาล้มศัตรูตัวแล้วตัวเล่า โดยมีออร์คที่ตามขึ้นมาคอยระวังหลังให้
ดาร์คเอลฟ์ใช้ดาบสั้นและดาบเรเปียร์1ในการต่อสู้ประชิดตัวจึงป้องกันการจู่โจมของออร์คไม่ได้มากนักเมื่อพวกมันขึ้นมาถึงกำแพงได้
เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น วีดและออร์คนักรบที่เขาพามากลับฆ่าเอลฟ์ไปเป็นจำนวนมาก  เอลฟ์ที่ออร์คตัวอื่นๆ ฆ่าตายไปตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้นนับรวมกันแล้วยังมีจำนวนน้อยกว่า
ดูเหมือนว่าในที่สุดออร์คก็ยึดพื้นที่ยืนบนกำแพงได้เสียที แต่ในทันใดนั้นเอง วีดและนักรบของเขาจู่ๆ ก็กระโดดลงจากกำแพง!
“กำแพงไฟ!”
เปลวไฟลุกท่วมพื้นที่ที่วีดเพิ่งยืนอยู่ก่อนหน้านี้ไม่นาน
“อ๊ากกกกก!”
“ไหม้แล้วว! ชวิ!..”
เวทมนต์ที่เอลฟ์เมจร่ายไม่เพียงเผาออร์คเท่านั้นแต่ยังไหม้ไปโดนดาร์คเอลฟ์ที่อยู่ใกล้เคียง เอลฟ์แตกต่างจากมนุษย์ พวกมันมีเหตุมีผลอย่างยิ่ง และไม่ลังเลที่จะเสียสละส่วนน้อยเพื่อปกป้องส่วนมาก
หลังจากรอให้เวทมนต์หมดระยะเวลาแสดงผล วีดก็ปีนกลับขึ้นไปบนกำแพง และเข้าต่อสู้อีกครั้ง ถ้าหันไปเห็นว่าตรงไหนมีออร์คลดพลังชีวิตของเอลฟ์ลงได้เยอะ วีดก็จะรีบพุ่งเข้าไปจัดการเอลฟ์ตัวนั้นทันที และนอกจากจะไม่รังเกียจที่จะใช้พวกพ้องออร์คด้วยกันต่างโล่แล้ว เขายังใช้พวกมันเพื่อหลบเวทมนต์ที่โดนแล้วถึงตายด้วย ในขณะเดียวกันก็ยังสั่งการนักรบในกองกำลังของตัวเองให้ล่าถอยเมื่อจำเป็น
ในหัววีดมีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
‘เราจะต้องใช้ออร์คทั้ง 400,000 ตัวให้ได้ประโยชน์สูงสุด’
เทคนิคของวีดคือโจมตีจุดอ่อน และใช้ออร์คตัวอื่นบังตอนล่าถอย! ขณะที่ดาร์คเอลฟ์กำลังสังหารออร์คตัวอื่นเขากลับค่อยๆ สะสมค่าประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ในชั่วโมงแรกของการต่อสู้ วีดจัดการเอลฟ์ไปได้กว่าหนึ่งร้อยตัว และเมื่อรวมกับที่ออร์คในปาร์ตี้เดียวกันสังหารได้ ผลรวมสุดท้ายยังยิ่งดีขึ้นอีก แม้จะไม่มีเวลาตรวจสอบดูแต่เขาก็มั่นใจว่าค่าความเลื่อมใสในตัวเขาต้องเพิ่มขึ้นมากในหมู่ออร์คอย่างแน่นอน
ในขณะที่ออร์คตายไปแล้วกว่า 70,000 ตัว กลับมีดาร์คเอลฟ์ตายไปเพียง 3,000 ตัว
‘ถึงเวลาต้องจบเรื่องนี้แล้ว…’
ยังเหลือเอลฟ์ป้องกันป้อมอยู่อีกประมาณ 7,000 ตัว แต่ส่วนใหญ่จะบาดเจ็บและเหนื่อยอ่อน พวกมันยังคงยืนหยัดอยู่ได้เพียงเพราะมีกำแพงอยู่เท่านั้น แต่อย่างน้อยพวกมันก็ยังคงเป็นนักธนูฝีมือเยี่ยม
ถ้ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พวกมันอาจจะป้องกันป้อมไว้ได้ด้วยฝีมือการยิงธนูอันยอดเยี่ยม และชนะในที่สุด
“สู้มันอย่าถอย!”
“บดขยี้เอลฟ์! ชวิคค!”
เหล่าออร์คที่อยู่ใต้แนวกำแพงกำลังรอให้ถึงคิวตัวเองที่จะได้ปีนขึ้นไปบนท่อนซุงบ้างกำลังโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น ส่งเสียงเชียร์พวกเดียวกันที่กำลังต่อสู้อยู่บนแนวกำแพง ตอนนั้นเองที่มีออร์คตัวหนึ่งก้าวออกมาจากกลุ่มที่กำลังสู้รบกันอยู่มายืนบนขอบกำแพง
“โอ้ มันนั่นเอง!”
“เจ้าตัวที่ขี้เหร่ที่สุด!”
ทั้งออร์คและดาร์คเอลฟ์ต่างมองไปที่วีด และแทนที่จะกลับเข้าร่วมการต่อสู้ เขากลับกระโดดลงจากกำแพงและมุ่งไปที่ประตู!
ออร์คที่รวมกันอยู่หน้าประตูพากันนอบน้อมหลีกทางให้เขาผ่าน
ระหว่างเดินอยู่นั้นวีดก็ย้ายดาบไปถือไว้ในมือซ้ายก่อนจะหยิบเอารูปสลักเล็กๆ ออกมา รูปสลักกระต่าย หนึ่งในห้าผลงานชั้นดี
“ประติมากรรมวินาศ! จงมาเป็นกำลังให้ข้า”
รูปสลักในมือแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ตัววีดเรืองแสงสว่างจ้า
คุณใช้ทักษะประติมากรรมวินาศ
จิตใจคุณเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและโศกเศร้าหลังจากทำลายหนึ่งในผลงานชั้นดีของตนเอง!
สูญเสียค่าศิลปะ 5 หน่วยอย่างถาวร
ชื่อเสียงลดลง 100
ค่าสถานะทางศิลปะของคุณจะถูกนำไปเพิ่มให้ความแข็งแกร่งเป็นเวลาหนึ่งวันในอัตราส่วน 1:4
ค่าความชำนาญศิลปะเพิ่มขึ้น 0.1%.
ค่าสถานะทางศิลปะกว่าหนึ่งพันหน่วยถูกเปลี่ยนเป็นความแข็งแกร่ง และยังคูณสี่ด้วย!
“อ๊ากกกก!”
วีดคำรามและกำด้ามดาบสุดแรง แขนเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน และร่างกายยังเต็มไปด้วยพลังที่ควบคุมไม่ได้ ตอนนี้วีดดูไม่เหมือนคนที่จะเข้าใจศิลปะการแกะสลักได้เลย
วีดเคลื่อนเข้าใกล้ประตูและกระแทกมันด้วยดาบ
เคล้งง!
ดาบแตกเป็นเสี่ยงๆ กระเด็นหลุดออกจากมือเขา
“ชวิคค?!”
“ชวิชวิชวิค!”
ออร์ครอบๆ ตื่นเต้นกันใหญ่
วีดหยิบดาบหักๆ ขึ้นมา และกระแทกประตูต่อ ยิ่งฟาดก็ยิ่งเห็นรอยแตกร้าวบนบานประตู และเมื่อถึงครั้งที่สิบ ในที่สุดประตูก็ยอมแพ้และล้มลงด้านใน
“โว้วว!”
“ประตูพังแล้ว ชวิคค!”
ออร์คเริ่มโห่ร้องตื่นเต้น
ดาร์คเอลฟ์สามตัวที่อยู่แถวนั้นรีบเข้ามาที่รอยรั่วในแนวป้องกัน
“อย่าให้พวกออร์คเข้ามาได้!”
“สร้างมัน! สร้างกำแพงขึ้นใหม่เร็วเข้า!”
“ใช้เวทมนต์! เราจะขวางมันไว้ให้!”
เอลฟ์สามตัวถือหอกเข้าโจมตีวีด พวกมันต้องกำจัดศัตรูให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้เกิดพื้นที่ว่างให้เมจเสกกำแพงขึ้นใหม่ได้
“ตาย!”
ปลายหอกอันแหลมคมพุ่งเข้าใส่วีด แต่เขาขยับมือแค่นิดเดียวก็สามารถปัดอาวุธของศัตรูออกด้านข้างได้
“พร้อมกัน! โจมตี!”
หอกทั้งสามโจมตีเข้าใส่จุดหนึ่งพร้อมเพรียงกันแต่วีดไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว
แม้เขาจะขัดเกราะและรีดเสื้อมาแล้ว แต่ถ้าโดนการโจมตีทั้งสามครั้งนี้เข้าละก็พลังชีวิตต้องลดลงถึงจุดอันตรายแน่นอนเพราะบนตัววีดมีแต่อุปกรณ์สวมใส่กากๆ!
ตลอดเวลาที่อยู่ในร่างออร์ควีดไม่เคยเจอหรือได้รับของตอบแทนอะไรดีๆ เลย และเขาก็ไม่อยากจะเสียเงินซื้อหรือสร้างเครื่องสวมใส่ใหม่ แล้วขนาดร่างกายที่ใหญ่ขึ้นยังต้องใช้วัตถุดิบมากขึ้นเพื่อตีเกราะให้พอดีตัวอีก
“ชวิคค!”
เขาจึงเหลือเพียงทางเลือกเดียวคือการหลบการโจมตีของศัตรู หลังจากใช้ความแข็งแกร่งที่เหนือกว่ามากสะท้อนการโจมตีประสานครั้งถัดมาของเอลฟ์ได้ วีดก็พุ่งไปข้างหน้า
เอลฟ์ที่อยู่ตรงกลางพลังชีวิตลดลงไปครึ่งหนึ่งแต่วีดก็ยังต้องกระโดดหลบไปข้างๆ อีกครั้งเพื่อหลบหอกอีกสองด้าม
วีดกำลังต่อสู้ด้วยความสามารถสูงสุดของตนเอง แสดงทักษะอันเหลือเชื่อเคลื่อนตัวห่างเพียงไม่กี่นิ้วจากหอกของฝ่ายตรงข้าม เขาใช้ทุกอย่างที่รู้ ทั้งที่ได้รับการสอนมาและสิ่งที่เรียนรู้มาด้วยตนเอง ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยพลังและความกลมกลืน
ผลก็คือ ตอนที่ออร์คตัวแรกเข้ามาถึงรอยรั่ววีดก็สังหารเอลฟ์ไปแล้วสามตัว และยึดประตูเอาไว้ได้แล้ว
วีดยิ้มอย่างมีความสุขให้พี่น้องออร์คด้วยกันและใช้ทักษะราชสีห์คำราม
“ออร์ค ชวิชวิคค โจมตี! ทำลาย! ปล้น! ฆ่า!”
คุณใช้ราชสีห์คำราม
จิตวิญญาณนักสู้ของกองกำลังฝ่ายเดียวกันที่อยู่ใกล้เคียงเพิ่มขึ้น 200%
สถานะสับสนทุกรูปแบบหายไป
ความเป็นผู้นำเพิ่มขึ้น 195% เป็นระยะเวลา 5 นาที
ขวัญกำลังใจของเหล่าออร์คที่กำลังลำบากจากการสูญเสียพวกพ้องไปเป็นจำนวนมากตั้งแต่เริ่มการสู้รบฟื้นคืนกลับมาเต็มที่!
“ชวิคคค!”
“สู้! ชวิริริ!”
ฝูงออร์คไหลผ่านประตูที่พังลงเข้าสู่ป้อมปราการ
ในสถานการณ์เช่นนี้ดาร์คเอลฟ์ทำอะไรไม่ได้นอกจากล่าถอยกลับเข้าหมู่บ้านซึ่งตามทางเต็มไปด้วยกับดักที่สร้างความลำบากให้ออร์คที่พยายามไล่ตามไป เป็นอีกครั้งที่ออร์คตายเป็นร้อยเป็นพันเหมือนตอนเริ่มต้นการสู้รบ
แต่แม้ว่าจะมีกับดัก เวทมนต์ และลูกธนูของเอลฟ์สาดเข้าใส่ออร์คก็ยังเดินหน้า! การสู้รบเข้าสู่เขตรอบนอกของหมู่บ้านแล้ว และเอลฟ์ซึ่งกำลังล่าถอยก็สร้างแนวตั้งรับขึ้นมาอีกแนวหนึ่ง ตอนนี้พวกมันยังคงยันเอาไว้ได้แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรถ้ากำลังหลักของออร์คมาถึง
“เฮ้ย นั่นของข้า!”
“ข้าหยิบก่อน ชวิคค!”
ออร์คบางส่วนเริ่มเข้าปล้นของตามบ้าน
วีดมองพวกมันน้ำตาไหลพราก แม้พวกเอลฟ์จะไม่มีเงินทองมากนักแต่พวกมันก็มีอัญมณีหายาก ผลไม้ และหนังสัตว์เก็บไว้บ้าง ถ้าเขาเอาทั้งหมดนั่นไปขายคงได้เงินเป็นกอบเป็นกำ!
วีดเกิดอาการอิจฉาอย่างรุนแรง แต่ก็อยู่ขโมยของในบ้านด้วยไม่ได้
เขาต้องทำภารกิจของวิหารแห่งเฟรย่าให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ต้องเข้าวิหาร! ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!
วิหารของเนโครแมนเซอร์ตั้งอยู่บนผาสูง
ขณะที่ออร์คกำลังยกพวกเข้าต่อสู้กับเอลฟ์อย่างดุเดือดอยู่นั้น บูเรน เบคเกอร์ ฮอสแรม เดล และทหารคนอื่นๆ กำลังค่อยๆ ปีนขึ้นผามาอย่างระมัดระวัง วีดวางแผนเส้นทางเอาไว้ให้พวกเขาแล้วตั้งแต่ก่อนการสู้รบจะเริ่มขึ้น และสั่งให้พวกเขาปีนขึ้นไป
“แฮ่กๆ!”
“หยุดก่อน”
เหล่าทหารกำลังประคับประคองกันปีนขึ้นเขาอย่างมุ่งมั่น เนื่องจากวีดไม่มีอุปกรณ์พิเศษใดๆ สำหรับการณ์นี้พวกเขาจึงทำได้เพียงพึ่งพาพละกำลังของตัวเองเท่านั้น และถ้าแม้แต่นักรบยังปีนกันอย่างยากลำบาก เหล่าพรีสผู้อ่อนแอของเฟรย่าคงต้องใช้คำว่ากำลังอาการร่อแร่ใกล้ตาย
สิ่งเดียวที่พวกเขาพึ่งพาได้ก็คือแวมไพร์ลอร์ด โทริ!
เขาแปลงร่างเป็นค้างคาวตัวใหญ่และคอยดูแลเหล่าทหารอย่างระมัดระวังไม่ให้มีใครตกลงไปตาย และเดธไนท์ก็ยังช่วยทหารที่เหนื่อยด้วย
ถ้ามีดาร์คเอลฟ์สักตนบังเอิญผ่านมาด้านบน พวกเขาต้องเจอปัญหาแน่ แต่เอลฟ์ทุกตัวถูกเหล่าออร์คที่รวมตัวกันอยู่บริเวณกำแพงดึงความสนใจไปหมด พวกทหารจึงรอดมาถึงยอดผาได้โดยไม่สูญเสียเลือดเนื้อ
“เฮ้อ ในที่สุด”
วีดมารออยู่ที่จุดนัดพบแล้ว
“พวกเรามาถึงแล้ว ไม่เสียใครไปด้วย ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว!”
บูเรนตบอกตนเองอย่างมั่นใจ แต่วีดไม่ค่อยมั่นใจเลย
‘ขอพึ่งออร์คยังดีกว่า’
แม้ว่าออร์คจะโง่ พวกมันก็มีจำนวนมากและเขาไม่ต้องห่วงการตายของพวกมันด้วย! แต่เขาต้องปกป้องอัศวิน ทหาร และพรีส ถ้าพวกเขาตายวีดก็จะอดได้รางวัลจากกษัตริย์
“เร็วเข้า เตรียมตัวเถอะ เราต้องรีบไปที่วิหารเนโครแมนเซอร์แล้ว”
วีดเดินนำไปพร้อมเดธไนท์และแวมไพร์ลอร์ด
“ชวิคค! พวกมันเป็นใคร?!”
เมื่อพวกเขาเจอเข้ากับออร์คตัวอื่นวีดก็จะแค่บอกไปว่า
“นี่เป็นนักโทษที่ข้าจับได้ อย่ายุ่งกับพวกมันนะ ชวิทท!”
“มันจับมนุษย์ได้ ข้าอิจฉา ชวิคค!”
เพราะว่าวีดยังอยู่ในร่างออร์คเมื่อบังเอิญถูกออร์คตัวอื่นพบเห็นจึงแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายแบบนี้
เมื่อพวกเขาไปถึงวิหารก็เจอศพเอลฟ์ที่ทางเข้า
วีดและทหารรีบเข้าไปภายในวิหารมืดๆ พวกเขาต้องรีบแล้ว ถ้าเนโครแมนเซอร์ถูกออร์คฆ่าตายไปซะก่อนภารกิจอาจล้มเหลวได้
ภายในวิหารมีบรรยากาศหนักอึ้งและกดดัน โถงทางเดินมืดๆ มีเพียงคบไฟคอยให้แสงสว่างเพียงสลัวๆ เท่านั้น
“ชวิคคค!”
พวกเขาได้ยินเสียงออร์คตะโกนและเสียงปะทะดาบกันดังมาจากข้างหน้า ดูเหมือนออร์คและดาร์คเอลฟ์กำลังต่อสู้กันอย่างจริงจัง
วีดสั่งการทหาร
“เร็วเข้า เราต้องไปทัน เตรียมต่อสู้!”
“ครับท่าน!”
กองทหารเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางพวกเขาเห็นหลายสิ่งส่องประกายบนผนังแต่ไม่มีทหารคนไหนชลอความเร็วลง
‘เป้าหมายหลักคือการจบเควสต์ของวิหารแห่งเฟรย่า’
พวกเขาพุ่งออกจากทางเดินแคบๆ เข้าสู่โถงกว้างเหมือนภูตผี ที่จุดศูนย์กลางเอลฟ์และออร์คสองสามโหลกำลังต่อสู้กันอยู่
“ชวิคค!”
“พวกเราจะปกป้องที่นี่ไว้!”
เห็นสถานการณ์เป็นใจขนาดนี้วีดรีบตะโกนขึ้น
“ฆ่ามัน อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”
ทหารเข้าขวางทางหนี และพรีสก็ยกมือขึ้นร่ายมนต์
“ความงดงามแห่งเทพีทำให้ทุกผู้คนตาบอด!”
ออร์คและเอลฟ์ที่มองอะไรไม่เห็นยืนโซเซกระจัดกระจายไปทั่ว แต่แวนฮอล์กและโทริรีบพุ่งเข้าหาและภายในเวลาไม่ถึงนาที ก็ไม่มีใครเหลือรอดอยู่อีก!
หลังจากเดินข้ามซากศพมา วีดและเหล่าทหารก็มาถึงอีกด้านของโถง บนผนังมีแผนที่ขนาดใหญ่ของภูเขายุโรกิแขวนอยู่ ป้อมปราการของดาร์คเอลฟ์มีจุดสีดำทำเป็นสัญลักษณ์ไว้ และห่างไปอีกนิดทางตะวันออกมีอีกจุดหนึ่ง แต่เป็นสีแดง
“แวมไพร์ลอร์ด โทริ! ท่านมาทำอะไรที่นี่?! นี่ท่านเกลือกกลั้วกับพวกมนุษย์... กับพวก...โฮลี่พรีสของเฟรย่า!”
เหล่าเนโครแมนเซอร์ในชุดคลุมสีดำเก็บความประหลาดใจเอาไว้ไม่อยู่ มีพวกมันอยู่ทั้งหมดสิบสองตัว และแต่ละตัวก็ถือไม้เท้ากระดูกกับลูกประคำที่เต็มไปด้วยมนต์มืด
วีดยกเลิกทักษะประติมากรรมจำแลงแล้วก้าวออกไปด้านหน้า
“เนโครแมนเซอร์ ที่นี่จะเป็นหลุมศพของพวกแก”
ขณะที่วีดพูด เดธไนท์และแวมไพร์ลอร์ดก็ยืนอยู่ข้างๆ เขา เหล่าพรีสเตรียมพร้อมร่ายเวทย์ และอัศวินก็กำลังเลือกว่าจะโจมตีใคร
เวทมนต์ที่รุนแรงที่สุดที่เนโครแมนเซอร์มีคือการคืนชีพให้อันเดด มันสามารถเปลี่ยนสิ่งที่ตายไปให้กลายเป็นโครงกระดูก กูล ซอมบี้ หรือแม้แต่อันเดดที่มีพลังมากกว่านั้น!
“ข้ารับใช้แห่งเฟรย่า... พวกเจ้าทำลายงานของพวกเรา” หนึ่งในเนโครแมนเซอร์กล่าวขึ้นอย่างขมขื่น
รอบๆ นี้ไม่มีซากศพ และร่างของออร์คกับเอลฟ์ที่นอนตายอยู่ห่างออกไปก็คงไม่ช่วยให้ต่อกรกับทัพระดับนี้ได้อยู่ดี
มันเป็นหลักฐานว่าดาร์คเมจยอมรับความพ่ายแพ้ และพร้อมตายโดยไม่ขัดขืน
“พวกเจ้าช่างเตรียมพร้อมมาดี และมาได้ผิดเวลาจริงๆ ตอนนี้เราคงไม่อาจแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดได้แล้ว...” เนโครแมนเซอร์อีกคนกล่าวขึ้น ก้มหน้าลงต่ำ
“บาราบอล!!” เนโครแมนเซอร์คนอื่นๆ อุทานเสียงละห้อย
“ข้าไม่เคยเชื่อในลิขิตสวรรค์ แต่ถ้ามันถูกกำหนดมาแบบนี้ก็ฆ่าข้าเสียเถอะ ข้าพร้อมแล้ว”
เนโครแมนเซอร์ก้าวออกมาข้างหน้าช้าๆ และคุกเข่าลงต่อหน้าวีด
“บาราบอล เราจะไปกับท่าน!”
คนที่เหลือต่างพากันคุกเข่าลงตามหัวหน้า พวกเขาเข้ามาใกล้มากจนรอยัลไนท์จะตัดหัวพวกเขาเมื่อไรก็ได้
“หวังว่าชาติหน้าพวกเจ้าจะเลิกทำความชั่วได้”
วีดชักดาบออกจากฝัก
เขาเกือบจะตัดหัวพวกมัน และจบภารกิจของวิหารแห่งเฟรย่าอยู่แล้ว แต่...
‘เดี๋ยวนะ... มีบางอย่างไม่ถูกต้อง...’
วีดทบทวนเหตุการณ์ทุกอย่างเมื่อเร็วๆ นี้ หลังจากที่ทำภารกิจปัญญาอ่อนจนได้อาชีพประติมากรแสงจันทร์ในตำนานมาวีดก็คอยมองหาโอกาสมาตลอด! และตอนนี้ก็มีบางอย่างรบกวนจิตใจเขา
‘มันก็ดูเหมาะสมกับระดับความยากอยู่นะ...’
ความยากอยู่ที่ระดับ ‘B’ เหมือนตอนภารกิจของลอร์ดโทริ ที่เป็นภารกิจที่วีดต้องทุ่มสุดตัวจึงจะจบภารกิจลงได้ ซึ่งจะว่าไปมันก็ถูกต้องแล้ว กว่าจะฝ่าเข้ามาถึงตัวเนโครแมนเซอร์ได้เขาต้องผ่านดาร์คเอลฟ์พันธมิตรของพวกมันเข้ามา และก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
‘แต่ทำไมพวกมันถึงยอมตายง่ายจัง?!’
วีดกำลังสับสน เขาอยากฆ่าพวกเนโครแมนเซอร์และทำภารกิจลูกโซ่อันยืดยาวนี้ให้มันจบๆ ไปซะจะได้กลับไปรับรางวัลที่ใหญ่ที่สุดที่เคยได้รับมา
วีดตาลุกวาวด้วยความโลภ ยิ่งไปกว่านั้นเนโครแมนเซอร์ทุกตัวยังถือไม้เท้ากระดูกกับลูกประคำ
‘เด็กๆ ก็ระดับแรร์ละวะ... ถ้าเอาไปขายอย่างต่ำก็ล้านวอน... (ประมาณสามหมื่นบาท) แล้วถ้ามีออพชั่นเสริม... ราคาก็พุ่งขึ้นอีก... แล้วนี่ยังไม่ได้มีแค่คนสองคน...’
วีดกลืนน้ำลาย เขากระชับด้ามดาบแน่นขึ้นแล้วก้าวเข้าหาเนโครแมนเซอร์บาราบอล แค่ทีเดียวเท่านั้นแล้วทุกสิ่งก็จะจบลง แต่ความรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งขาดหายไปยังคงอยู่
ตึง! ตึง! ตึง!
เสียงฝีเท้าออร์คดังอยู่เหนือหัว เหลือเวลาไม่มากแล้ว วีดเก็บดาบเข้าฝัก
“พูดมา เนโครแมนเซอร์ เจ้าพูดถึงความผิดพลาดอะไร และลิขิตสวรรค์หมายถึงอะไร”
ผู้เล่นทั่วไปคงรีบจบภารกิจของวิหารแห่งเฟรย่า แต่ความข้องใจเหมือนมีบางสิ่งผิดพลาดฝังลึกอยู่ในใจวีด
“วีด!”
“กำจัดพวกมันซะ นั่นคือประสงค์ของเทพีเฟรย่า!” เหล่าพรีสพากันร่ำร้อง แต่ความเชื่อมั่นในตัวผู้นำทำให้พวกเขาสงบลงอย่างรวดเร็ว
บาราบอลเงยหน้าขึ้นถาม
“เจ้าจะไม่ฆ่าข้ารึ ผู้รับใช้แห่งเฟรย่า?”
“ข้าไม่ใช่ผู้รับใช้ ตอบคำถามของข้า หรือจะให้ข้าฆ่าให้ตายให้หมดเลยดี?”
“พวกเรา... ยังไงเจ้าก็ไม่เชื่อพวกเราอยู่แล้ว ลงมือเถอะ ผู้รับใช้แห่งเฟรย่า ลงดาบซะ! ต่อให้อยู่ท่ามกลางเปลวไฟในนรกข้าก็จะขอสาปแช่งเจ้า!”
“…”
ความต้องการฟันคอเนโครแมนเซอร์ปากดีให้ขาดกลับมาอีกครั้ง แต่วีดควบคุมตัวเองแล้วพูดขึ้นอย่างใจเย็น
“ข้าจะให้โอกาสเจ้า โอกาสที่จะทำให้ข้าเชื่อ ถ้าเจ้าพูดเรื่องจริงข้าจะพยายามเชื่อ”
“จริงรึ? เจ้าสาบาน?”
“ใช่ แต่ข้าเพียงสัญญาว่าจะฟัง ไม่ใช่ไว้ชีวิต”
บาราบอลมองพวกพ้องที่กำลังคุกเข่าแล้วเริ่มเล่าเรื่อง
“ในเมื่อได้โอกาส ข้าก็จะบอกเจ้า แต่เจ้าสัญญาแล้วนะว่าจะเชื่อ! โลกนี้เข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับบัลข่าน ดีมอฟ เขาศึกษาศาสตร์เนโครแมนเซอร์จริง และเป็นที่รู้จักในฐานะเมจผู้ยิ่งใหญ่ แต่...”
บัลข่านเป็นเมจอายุน้อยที่กระตือรือร้น อัจฉริยะที่ผู้คนรู้จักไปทั่วทวีป และเมื่อถึงจุดหนึ่งเขาก็เริ่มศึกษาชีวิตอมตะ พยายามเข้าใจว่าทำไมผู้คนจึงตาย และหาทางรักษาผู้ป่วยใกล้ตาย
แต่ ไชร์ ลูกศิษย์ของเขากลับเกลียดชังทุกสิ่งในโลก มันใช้ความเชื่อใจของอาจารย์ คำโกหก และมนต์มืด โน้มนำบัลข่านเข้าสู่ด้านมืด ด้วยความปรารถนาที่จะรักษาทุกความเจ็บป่วย และยืดชีวิตผู้คนนี่เองที่ทำให้กองทัพอันเดดเกิดขึ้น! ในความบ้าคลั่ง บัลข่านนำกองทัพใหม่เดินทางข้ามมุมโลกทำลายเมืองต่างๆ จนหมดสิ้น และไชร์ก็คอยสนับสนุน มันทำสัญญากับพลังด้านมืดทั้งหลายของทวีป
หลายคนจำต้องเข้าร่วมในความบ้าคลั่งของเขา อาจารย์ของข้าที่ตายไปในการสู้รบคราวหนึ่งก็ไม่ได้รับการยกเว้น อย่างไรก็ตาม เมื่อบัลข่านพ่ายแพ้ในที่สุด และกองทัพของเขาก็กระจัดกระจายไปทั่วทวีป ในตอนนั้นเองที่เราได้กลับมาทบทวนการกระทำของเราอีกครั้ง
ในวิหารหนึ่งของบีลเซบับ พวกเราพบหนังสือที่เขียนด้วยลายมือ และค้นพบความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้พวกเราจึงต้องการที่จะทำให้ทุกสิ่งกลับคืนสู่สิ่งที่มันควรจะเป็น เพื่อปลดปล่อยบัลข่านจากความมืดที่พันธนาการไว้ และลงโทษไชร์
ตริ๊ง!
ท่านทำภารกิจ ‘การลุกฮือของกองกำลังมืดในที่ราบแห่งความสิ้นหวัง’ สำเร็จ
เนโครแมนเซอร์ที่ท่านเข้าใจว่าเป็นผู้ชั่วร้ายที่สุดกลับเป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเขาไม่ได้พยายามแก้แค้นโลก แต่พยายามแก้ไขสิ่งที่ทำผิดพลาดไปในอดีต
รางวัลภารกิจ: รับได้ที่ไฮพรีสของวิหารแห่งเฟรย่า
วีดยิ้ม
‘เควสต์จบแล้ว! ไม่ต้องฆ่าพวกมันด้วยซ้ำ’
ตอนที่เขาออกค้นหาถ้วยแห่งเฮเลน และมงกุฎแห่งฟาร์โก้ วีดต้องกลับไปที่วิหารแห่งเฟรย่าจึงจะจบภารกิจได้ แต่ครั้งนี้เขาจบภารกิจได้ทันทีและวีดก็พอใจมาก
แต่ในทันใดนั้นเอง!
‘แมร่งเอ๊ย!’
วีดเตะก้อนหินที่อยู่ใกล้ๆ เต็มแรง
‘ไอเท็ม!’
ถ้าฆ่าเนโครแมนเซอร์ซะเขาก็จะได้ไอเท็มทั้งหมดมา ไม้เท้ากระดูก ลูกปัดเวทย์ แล้วยังอาจจะได้อย่างอื่นอีก ของที่เอาไปขายให้ผู้เล่นอาชีพเมจได้! ได้ของระดับนี้สักชุดก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงามแล้ว นี่ยังมีกันตั้ง 12 คนอีก!
‘โง่เอ๊ย! ใจอ่อนนิดเดียวเลยต้องเสียเงินขนาดนี้! ทำไมวะ ทำไม!? เงินตั้งเยอะตั้งแยะ …’
ขณะที่วีดกำลังจมอยู่กับความเสียใจ บาราบอลก็พูดต่อ:
“พวกเรามาที่ที่ราบแห่งความสิ้นหวังนี่แล้วจับมือกับดาร์คเอลฟ์เพื่อหยุดยั้งไชร์ ครั้งก่อน เมื่อกองทัพอันเดดถูกกำจัดมันกลับหนีไปได้ และตั้งแต่นั้นมามันก็คอยรวบรวมกองกำลังอันเดดใหม่ แม้จำนวนจะไม่ใกล้เคียงกองกำลังเก่า แต่มันก็ยังคงเป็นกองกำลังที่น่าเกรงขามเมื่อนำโดยดาร์ควิซาร์ด นอกจากนั้น ด้วยความหวาดกลัวว่าจะถูกจับมาลงโทษและสังหาร มันจึงฆ่าตัวตายเพื่อความเป็นอมตะ และกลายเป็นลิช!”
กองทัพอันเดด! นำโดยผู้ที่เคยก่อหายนะเดียวกันในอดีต ตอนนี้มันอยู่ที่นี่แล้วในที่ราบแห่งความสิ้นหวัง
“เพื่อที่จะหยุดพวกมันพวกเราต้องอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากดาร์คเอลฟ์ และเพื่อประกันความปลอดภัยให้ตัวเองพวกเขาจึงยอมช่วยเหลือ ป้อมปราการนี้ตั้งใจจะให้เป็นอุปสรรคสำคัญที่จะขัดขวางกองกำลังใหม่นี้ได้ พวกเราต้องร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งการคุกคามครั้งใหม่นี้ให้ได้! เราต้องการความช่วยเหลือจากท่าน”
ตริ๊ง!
การกิจใหม่: กองทัพอันเดดของไชร์
ความลับ ที่ไม่มีใครในโลกได้ล่วงรู้! ไชร์คือผู้ก่อหายนะทั้งหมดที่ผู้คนโทษให้เป็นความผิดของบัลข่าน ภายหลังการต่อสู้อันโด่งดังนั้นเขาก็หายไปเพื่อสร้างกองกำลังใหม่ของอันเดด
เพื่อความอยู่รอด เหล่าออร์คและดาร์คเอลฟ์ต้องหยุดความขัดแย้งและร่วมกันลุกขึ้นต่อสู้กับกองทัพอันเดดของดาร์คเมจ รวบรวมกองกำลังและต่อต้านการโจมตีของกองทัพอันเดดผู้เป็นอมตะ
ความยาก: A
รางวัล: หนังสือของบัลข่าน
ข้อจำกัด: กองทัพอันเดดจะเริ่มสงครามในอีก 30 วัน
ความยากระดับ ‘A’! วีดทำภารกิจสำเร็จและได้รับภารกิจต่อเนื่อง การต่อสู้กับกองทัพอันเดด! นี่จะกลายเป็นกิจกรรมใหญ่ที่จะเกิดขึ้นไปทั่วทวีป ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่เคยมีผู้เล่นคนไหนได้รับภารกิจที่ระดับความยากนี้มาก่อน! เพราะมีเงื่อนไขพิเศษที่ต้องบรรลุเพื่อให้ได้รับ
วีดคิดขณะที่กำลังตกตะลึง ในตอนนั้นเองข้อความอีกข้อความหนึ่งก็เด้งขึ้นมาตรงหน้า
คุณได้รับโอกาสในการจบภารกิจระดับเฉพาะ(unique) ที่เกี่ยวข้องกับชุดอาชีพของเกม
เพื่อให้คล้องจองกับประวัติศาสตร์ของทวีปจึงยังไม่มีผู้เล่นคนใดสามารถเลือกเนโครแมนเซอร์เป็นอาชีพได้ เนื่องด้วยเนโครแมนเซอร์ถือเป็นสิ่งชั่วร้ายในหมู่ผู้ดำรงอาชีพเมจ เมื่อคุณกำจัดไชร์ และทำภารกิจนี้สำเร็จ ระบบจะเปิดให้ผู้เล่นสามารถเลือกเนโครแมนเซอร์เป็นอาชีพได้
ภูมิหลัง: ด้วยความผิดพลาดแต่เก่าก่อนทำให้เนโครแมนเซอร์ถูกสังหารหรือเนรเทศสู่มุมมืดที่สุดของทวีป จึงเป็นเรื่องยากที่จะหาลูกศิษย์เพื่อสืบทอดความรู้ไปสู่คนรุ่นใหม่ เมื่อพวกเขากู้ชื่อเสียงกลับคืนมาได้จึงจะได้รับการต้อนรับกลับสู่เมืองหลวงของอาณาจักรและเริ่มต้นชีวิตใหม่
ภารกิจความยากระดับ ‘A’
แล้วยังเปิดอาชีพใหม่ เนโครแมนเซอร์ ด้วย
“ท่านครับ!”
บูเรน เบคเกอร์ ฮอสแรม เดล และคนอื่นๆ มองมาที่วีดด้วยสีหน้าตื่นเต้น และแผ่นหลังที่เหยียดตรง
อัศวินแห่งความยุติธรรม!
เป็นเกียรติอย่างสูงที่จะได้ต่อสู้กับกองทัพอันเดด
“เทพีเฟรย่า...”
เหล่าพรีสพากันสวดมนต์ขอพร
วีดมองไปที่พวกเขาและกล่าวว่า
“ข้าตัดสินใจแล้ว...”

เล่มที่ 5 ตอนที่ 10 : จบ

***********************



<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

3 ความคิดเห็น: