วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 6 ตอนที่ 6 เสื้อเกราะของทัลล็อค (Tallock’s Armor)

เล่มที่ 6 ตอนที่ 6 เสื้อเกราะของทัลล็อค (Tallock’s Armor)

เหล่าพาลาดินและนักบวชอาวุโสได้มารวมตัวกันรอบๆหัวหน้านักบวชในยามที่วีดคุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าของพวกเขา
“ข้ามาเพื่อรายงานถึงภารกิจที่ได้รับมอบหมาย”
“เป็นได้หรือไม่ว่ามันจะเป็นหน้าที่อันทรงเกียรติที่พวกเรามอบหมายให้ท่านที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ถูกเนรเทศ ณ ที่ราบแห่งความสิ้นหวัง  ท่านได้กำจัดขวากหนามให้แก่พวกเราแล้วหรือ?” หัวหน้านักบวชถามคำถาม 2-3 ข้อ
วีดเล่าให้พวกเขาฟังถึงเรื่องราวของเนโครแมนเซอร์ที่อยู่ที่เมืองของพวกดาร์คเอลฟ์
“โอ! ที่แท้เรื่องราวเป็นเช่นนี้เอง  การกระทำของท่านช่างเหมาะสมเป็นยิ่งนัก  หากเป็นข้าเองก็คงเลือกแบบเดียวกัน”
ถึงอย่างไรหัวหน้านักบวชก็ยังคงไม่เข้าใจว่าเหตุใดวีดจึงไม่ทำอะไรกับเนโครแมนเซอร์พวกนั้น
“ท่านได้ตอบรับต่อการร้องขอของพวกเราไปยังดินแดนที่แสนไกลและยังได้รับความยากลำบากแทนพวกเราอีก  ข้าไม่สามารถสรรหาคำพูดอันใดมาอธิบายถึงความซาบซึ้งที่พวกเราติดค้างท่านได้  ขอให้คุณความดีแห่งเทพีเฟรย่าจงสถิตย์อยู่กับท่าน”
หัวหน้านักบวชสัมผัสที่ศีรษะของวีดอย่างแผ่วเบา
คุณสำเร็จภารกิจ: ผู้ถูกเนรเทศในทุ่งราบแห่งความสิ้นหวัง
เหล่าเนโครแมนเซอร์ไม่ยอมละทิ้งศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของพวกเขา  การพ่ายแพ้ในครั้งนี้ก่อให้เกิดแรงกดดันที่สูงขึ้นต่อพลังแห่งความมืด  บัลข่านและลิช ไชร์ไม่ได้อยู่ภายใต้คำสรรเสริญอันเพ้อฝันอีกแล้ว  เขาจะสู้กับกองทัพอมตะด้วยความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้าผู้กระทำผิด  ที่แม้แต่นักบวชแห่งวิหารยังต้องพิศวงสงสัย
– ชื่อเสียงเพิ่มขึ้นอีก 1,800
–ความเป็นมิตรกับวิหารแห่งเฟรย่าเพิ่มขึ้น 42.
– มูลค่าทางสาธารณะของวิหารแห่งเฟรย่าเพิ่มขึ้น 1900  คุณสามารถดูมูลค่าทางสาธารณะของวิหารได้ในหน้าต่างถัดไป

มูลค่าทางสาธารณะของวิหารแห่งเฟรย่า: 7,202
องค์กรทางศาสนาที่กำจัดปีศาจร้ายให้หมดสิ้นไป  มูลค่าทางสาธารณะของวิหารได้เพิ่มขึ้นจากการประสบความสำเร็จของภารกิจที่เกี่ยวข้อง
– ความศรัทธาเพิ่มขึ้น 60
– เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น
– เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น
– เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น
สามเลเวลกับมูลค่าทางสาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ!
วีดใกล้ถึงเลเวล 300 อยู่แล้ว  ถึงแม้จะเป็นตอนที่เขาได้รับค่าประสบการณ์เยอะๆก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะเป็นการเลื่อนทีละหลายๆเลเวลในครั้งเดียวเหมือนคราวนี้
วีดก้มศีรษะของเขาต่ำลง  ค่าประสบการณ์ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไอเทมที่จะได้ต่างหาก  ไม่นานหัวหน้านักบวชก็ได้กล่าวออกมา
“มันเป็นเรื่องที่แสนเจ็บปวดที่จะพูด  แต่ความมั่งคั่งของวิหารนั้นขาดแคลนเป็นอย่างมาก  ความเป็นจริงก็คือ ทรัพย์สินของเรานั้นว่างเปล่า”
ในความเป็นจริง วีดยังคงยืนหยัดอยู่ได้  เขาพยายามเค้นรอยยิ้มออกมา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขายังพอจะควบคุมตนเองได้
‘แต่ข้าเดินทางในทันทีไปยังทุ่งราบแห่งความสิ้นหวังเพื่อท่าน!’
หัวหน้านักบวชยังไม่ทันจะพูดจบ
“มันเป็นเพราะวิหารของพวกเรายากจนและไม่ได้มีสมบัติอะไรมากมาย  ดังนั้นข้าจึงต้องบอกกับท่านไว้ก่อน  ท่านจะได้ไม่คาดหวังอะไรที่เลอเลิศจนเกินไป”
ความมั่งคั่งของวิหารแห่งเฟรย่าเป็นอะไรที่อยู่เหนือจินตนาการของเขา
ได้มีการแผ่ขยายของวิหารไปทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลล์  โดยที่แต่ละวิหารก็จะมีท้องไร่อันกว้างใหญ่,เหมือง และผู้มีจิตศรัทธาซึ่งช่วยบริจาคเงิน  พวกนักบวชก็ขายยาฟื้นพลังและได้รับการบริจาคเป็นจำนวนที่ยากต่อการจัดการสำหรับการใช้บริการอำนวยพรของพวกเขา  แล้วก็ยังมีทองคำจำนวนหนึ่งที่ทางวิหารจะได้รับจากเหล่าพาลาดินและเหล่านักบวชในแต่ละครั้งที่พวกเขาออกล่า
สำหรับวิหารแห่งเฟรย่าซึ่งตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของกองเงินกองทองเหล่านั้นกลับมาบอกว่าไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเลย  ใครมันจะไปเชื่อฟระ
‘มันต้องมีอะไรซักอย่างที่เราจะเอามาได้, แค่อย่างเดียวก็พอ!’
วีดกำลังตกอยู่ในสภาวะจิตใจที่วิตกกังวล
ในการออกล่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือดาบที่มีพลังโจมตีอันเยี่ยมยอด  ราชอาณาจักรโรเซนไฮม์แจกจ่ายดาบเป็นจำนวนมาก  ยิ่งไปกว่านั้นอาวุธจากวิหารมักจะมีค่าพลังโจมตีที่น่าสมเพช  อย่างเช่นดาบแห่งอกาธาที่เขาได้รับจากวิหารมาก่อนหน้านี้  แม้ว่ามันจะมีความสามารถพิเศษที่เกี่ยวกับผู้รับใช้พระเจ้า  แต่ตัวดาบเองนั้นมีค่าพลังโจมตีที่ต่ำเกินไป
‘อ้อ เรายังต้องการชุดเกราะที่มีค่าพลังป้องกันที่ดีอีกนี่นา’
เสื้อเกราะแห่งวิหาร
เสื้อเกราะที่ผ่านการดูดซับพลังด้วยเวทมนต์ผ่านทางพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์มากมายชนิดที่คุณสามารถเอาไปคุยโม้ได้ในเรื่องความพิเศษของมัน  วีดได้เพิ่มค่าความอดทนและความทรหดของเขาขึ้นไปอย่างมากจากการเอาชนะมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่า  ทว่าสำหรับมือใหม่คนอื่นๆมันไม่ใช่แบบนี้  พวกเขาไม่ปรารถนาที่จะสู้กับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่าที่มีพลังโจมตีที่สูง และพยายามอย่างยิ่งที่จะค้นหาเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของเสื้อเกราะดีๆ
ดาบและเครื่องป้องกันจึงเป็นไอเทมที่มีราคาสูงกว่าไอเทมอื่นๆอยู่เสมอ
วีดกล่าวขึ้น หลังจากที่ได้เรียบเรียงความคิดของเขา
“เพื่อปกป้องร่างกายจากศัตรู ข้าต้องการเสื้อเกราะ”
“ท่านจะได้สิ่งที่ท่านปรารถนาเป็นสิ่งตอบแทน”
หัวหน้านักบวชสั่งให้พาลาดิน ไปนำเสื้อเกราะของทัลล็อคออกมา
‘เสื้อเกราะของทัลล็อค?’
วีดจัดลำดับความคิดของเขาอย่างหนักหน่วง
สมองของเขาบรรจุไว้ด้วยข้อมูลของไอเท็มจำนวนมาก ซึ่งไอเทมเกือบทั้งหมดต่างก็มีมูลค่าที่เป็นตัวเงิน  นอกเจ้านี้เขายังจำชื่อของไอเทมบางอย่างที่มีมูลค่าในระดับนึงได้
แต่ไอเทมอย่าง เสื้อเกราะของทัลล็อค นั้นวีด กลับไม่เคยเห็นมาก่อน
เมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่ง พาลาดินก็ได้นำเสื้อเกราะที่วางไว้บนผ้าแดงออกมา
เสื้อเกราะขาวบริสุทธิ์ที่มีรังสีบางๆอาบคลุมให้ความรู้สึกราวเป็นของใหม่  ยิ่งไปกว่านั้นยังมีลายเลื่อมแดงที่ใช้เข็มปักเป็นสัญลักษณ์แห่งเฟรย่า  ชั่วขณะที่ได้เห็นเสื้อเกราะ ดวงตาของวีดถึงกับเป็นประกาย! วีดสนใจมันแบบสุดๆ
‘มันดูแพงทีเดียว!’
เขายังไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลของไอเทมนี้  แต่ดูจากรูปลักษณ์แล้วมันไม่ใช่ของธรรมดาๆเลย  ถ้าเอามันไปใส่เดินตลาดนัดล่ะรับรองได้ว่าได้ตกเป็นเป้าสายตาแหงมๆ  โดยธรรมเนียมแล้วรูปลักษณ์และความหายากของไอเทมจะมีผลอย่างมากต่อราคาของมัน  ยิ่งถ้ามีตลาดสินค้าไฮโซล่ะก็เป็นที่แน่ใจได้ว่าไอเทมนี้ต้องไปอยู่ที่นั่นแน่เพื่อจะได้ราคาที่สูงขึ้นไปอีก  ลักษณะที่สมบูรณ์แบบในตัวของมันนับเป็นใบเบิกทางของตัวมันเองอยู่แล้ว
“การสนับสนุนจากท่านมีความหมายต่อพวกเราเป็นอย่างยิ่ง  ข้าขอมอบเสื้อเกราะของทัลล็อคให้แก่ท่าน  ข้าหวังว่าท่านจะพอใจต่อของขวัญชิ้นนี้”
“นี่แหละคือสิ่งที่ข้าต้องการใช้ในการต่อสู้กับมอนสเตอร์  เสื้อเกราะนี้ตกทอดมาสู่มือของข้าจากวิหารแห่งเฟรย่า  ข้าจะไม่มีวันลืมน้ำใจของท่านและทะนุถนอมมันราวกับมันเป็นส่วนนึงของร่างกายของข้า”
มันก็แค่คำพูดยกยอสรรเสริญไปตามเรื่องเท่านั้นแหละ เขากำลังตื่นเต้นจนตัวสั่นไปหมด!
วีดรับชุดเกราะมาไว้ในมือของเขา  เขาระมัดระวังกับน้ำหนักของมัน
“ตรวจสอบ!”
เสื้อเกราะแห่งความศรัทธาของทัลล็อค
ความทนทาน 150/150
พลังป้องกัน 85
เสื้อเกราะที่ทำขึ้นจากมิธริลจากเหมืองแร่ราโฮมาน    ทัลล็อค คนแคระช่างตีเหล็กที่เป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งทวีปได้จัดทำเสื้อเกราะชุดนี้ขึ้นเพื่อตอบแทนแก่วิหารแห่งเฟรย่า  ชุดเกราะนี้ช่วยเพิ่มพลังป้องกันให้สูงลิบแถมยังมีน้ำหนักที่เบาอีกต่างหาก  มันช่วยให้ผู้สวมใส่มีค่าจิตวิญญาณนักสู้ที่ไม่อ่อนไหวและยืนหยัดต่อคุณธรรม
ของขวัญจากหัวหน้านักบวช
นี่เป็นของที่เป็นหนึ่งไม่มีสอง
ข้อจำกัด:
เลเวล 350
ความแข็งแกร่ง 600
คุณสมบัติ:
ศรัทธา +100
ชื่อเสียง +300
ความแข็งแกร่ง +40
ความคล่องแคล่ว +30
สเน่ห์ +25
จิตวิญญาณนักสู้ +40
ขีดจำกัดของมานาเพิ่มขึ้น 15%
ความเสียหายจากเวทมนต์ลดลง 10%
คุณได้รับภูมิต้านทานต่อเวทมนต์ที่ก่อให้เกิดความสับสนและกลัว
ได้รับคำชื่นชมจากคนแคระ
ด้วยคุณสมบัติของมิธริลที่ได้มาจากเหมืองโรฮามาน  มันจะเปลี่ยนเป็นส่งประกายสีดำเมื่ออยู่ใต้พื้นพิภพ
เสี้ยววินาทีที่วีดได้ให้ข้อมูลของไอเทมนั้น  ขากรรไกรของเขาก็หุบลง ปากของเขาค้างอยู่อย่างนั้นไปชั่วระยะนึง
นี่มัน ไอเทมระดับ ยูนิค (Unique item = ไอเทมเอกลักษณ์)!
ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย  ค่าพลังป้องกันนั้นเป็นค่าที่แทบจะสูงที่สุด
ถ้าใช้ทักษะแบล็คสมิธในการขัดเกราะล่ะเขา ก็จะได้รับพลังป้องกันเพิ่มไปอีก 20% นั่นก็แปลว่ามันจะพุ่งเกิน 100 ขึ้นไปอีก
‘แจคพอท (Jackpot)!’
ไอเทมนี้มันดีมากๆ เสียแต่ว่าเลเวลของเขายังต่ำเกินกว่าที่จะสวมมันได้  วีดทำการเก็บชุดเกราะของทัลล็อคอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งเอ่ยขึ้น  เขายังทำธุระของเขาที่วิหารแห่งเฟรย่าไม่เสร็จ
“ท่านหัวหน้านักบวช! ลิช ไชร์ และกองทัพอมตะของเขานั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก  กองกำลังของข้าและดาร์คเอลฟ์ยังคงไม่เพียงพอแม้ว่าข้าพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งให้พวกเขาก็ตาม  ด้วยเหตุนี้เอง ข้าจึงอยากร้องขออย่างเป็นทางการให้ท่านส่งเหล่าอัศวินและพรีสแห่งวิหารเข้าร่วมด้วย”
คำร้องขอกองกำลังเสริม!
แม้แต่วิหารแห่งเฟรย่าเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าพวกที่ถูกยืมไปนั้นจะสามารถกลับมายังราชอาณาจักรโรเซนไฮม์ได้  เพราะกองกำลังเนโครแมนซ์ของไชร์ นั้นทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง  แม้จะอ่อนแอลงแต่ บัลข่านก็สามารถเรียก ดูมไนท์ (Doom Knight) เลเวลเกิน 300 ออกมาได้อีก 5000 คน ซึ่งประกอบไปด้วย ดูมสเกาท์, ดูมเซอร์แวนท์ และ ดูมวิซาร์ด (Doom Scout, Doom Servant, Doom Wizard)!
นอกจากนี้ยังมีพวกพลธนู, ซากศพ, ซอมบี้, เร็มแมนท์ (remmant) และผีโครงกระดูกทุกชนิด ซึ่งมารวมกันอยู่ภายใต้การนำของมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง
นักบวชกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าที่เสียใจ
“สำหรับเรื่องนี้  ท่านต้องการกองกำลังที่เข้มแข็งเป็นจำนวนมาก  ทว่าพวกเราไม่มีกองกำลังอย่างนั้นจากภาคีของเรา  พวกเราทุ่มเททุกสิ่งของพวกเราไปยังเมืองโมราต้าเพื่อให้พื้นที่บริเวณนั้นสงบสุข  ไม่ว่าตอนนี้เรื่องกองทัพอมตะจะคับขันแค่ไหนก็ตาม  พวกเราก็จะไม่เปลี่ยนสิ่งที่พวกเราได้ตัดสินใจไปแล้ว”
สำหรับการขอกำลังหนุนได้รับการปฏิเสธนี้  มันซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของพรีสและพาลาดินที่มีไม่เพียงพอ  ทว่าหัวหน้านักบวชยังคงไม่ให้วีดจากไป
“ไม่ว่าจะต้องเสียอะไรไปก็ตาม  ท่านจะหยุดกองทัพอมตะไว้ ณ ที่ราบแห่งความสิ้นหวังได้หรือไม่?”
“ข้าจะทำให้ดีที่สุด”
“เพื่อการนี้  ทางวิหารจะให้ท่านยืม จอกเฮเลนไอเทมศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา”
จอกแห่งเฮเลน
สมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่วีดนำมาส่งมอบคืนให้  มันเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับวิหารแห่งเฟรย่า  เมื่อนำน้ำธรรมดามาใส่ในจอกศักดิ์สิทธิ์ มันจะเปลี่ยนให้กลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้
“ดั้งเดิมทีนั้น จอกนี้จะสงวนไว้ให้เฉพาะผู้ที่ศรัทธาเท่านั้นที่จะจับต้องจอกศักดิ์สิทธิ์ได้   ด้วยความสง่างามแห่งเทพีเฟรย่า  ท่านผู้มีพระคุณจงโปรดใช้มัน  ของชิ้นนี้จะช่วยให้ท่านทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ได้  ตอนนี้ท่านคงยุ่งมากกับภารกิจที่ได้รับมา  เมื่อใดที่ท่านทำมันสำเร็จลงได้  ท่านรู้ว่าจะหาพวกข้าได้ที่ไหน”
วีดรับจอกแห่งเฮเลน และมุ่งหน้าไปยังเทเลพอร์ทเกทเพื่อไปยังที่ราบแห่งความสิ้นหวัง

*******************************

ที่ นคร อิสระโซมุเร็น, ผู้คนต่างพากันต่อแถวเพื่อรับบริการอำนวยพรจากวิหารแห่งเฟรย่า
“คนที่พวกการ์ดพาไปด้วยเมื่อตะกี้นี่ใครกันเหรอ?”
“ดูจากที่ยามเฝ้าประตูมารับชายคนนั้นเข้าไป  เขาคงจะเป็นพวกคนใหญ่คนโต ไม่ก็เป็นพวกที่สร้างคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่วิหารล่ะนะ”
“บริจาคเงินให้วิหารเยอะๆสิ  แล้วนายจะเป็นหนึ่งในนั้น”
“อ้า สำหรับกรณีนี้คงไม่ใช่หรอก  เท่าที่ชั้นเห็น เค้าสวมชุดเก่าๆ ดูโกโรโกโสอย่างกับขอทานแน่ะ”
“นั่นสิ”
กลุ่มคนที่เบื่อกับการรอเข้าแถวสนทนากัน  ทันใดนั้นเองที่ยามเฝ้าได้ก้าวเข้ามาหาพวกเขานั่นทำให้พวกเขาเกร็ง  ไม่บ่อยนักหรอกที่พวกยามเฝ้าจะพากันออกมาอย่างนี้  ยิ่งไปกว่านั้นพวกยามยังพูดกับเขาด้วย
– นี่พวกเจ้า, เจ้ารู้จักนักผจญภัยที่มีนามว่า วีด หรือไม่? นี่น่าจะเป็นอะไรที่พวกเจ้าควรจะได้รู้ในตอนนี้นะ  คราวนี้เขาได้ออกเดินทางไปหาเนโครแมนเซอร์ที่ทุ่งราบแห่งความสิ้นหวังโดยที่ปราศจากการชี้แนะถึงเส้นทางที่ถูกต้อง
– เขาได้พบกับพวกเนโครแมนเซอร์หลังจากการที่ต้องฝ่าฟันกับพวกออร์คโสมมโลภมาก และ พวกดาร์คเอลฟ์ที่เห็นแก่ตัวพวกนั้น
– เขาทำสิ่งที่ไม่มีผู้ใดทำมาก่อน  ด้วนจิตใจที่เมตตา  เขารับฟังพวกเนโครแมนเซอร์และได้ไว้ชีวิตพวกนั้น  เขาได้เรียนรู้ถึงความสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่
– ตอนนี้ ท่านวีด เป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่แก่วิหารของพวกเรา
ผู้คนที่รับฟังคำสนทนาของยามอย่างเงียบๆต่างพากันประหลาดใจ  เมื่อได้ยินคำพูดของยามพวกนั้นพวกเขาก็คิดเชื่อมโยงอะไรบางอย่างได้
“หอเกียรติยศ. ต้องเป็นภารกิจที่พวกเขาพูดกันในหอเกียรติยศแน่ๆ!”
“ที่แท้มันเป็นภารกิจจากวิหารแห่งเฟรย่า”
“ถ้างั้น ชายที่เพิ่งยืนอยู่หน้าพวกเราและผ่านเข้าไปนั่นก็ …..”
“เป็นเค้านั่นแหละที่เป็นคนทำภารกิจนั่น”
“แต่ชื่อคนๆนั้นคือ วีด นะ”
“ไม่จริงน่า ก็แค่ชื่อซ้ำกันล่ะมั้ง?”
“เป็นไปไม่ได้หรอก  สงครามกับกองทัพอมตะที่สืบเนื่องมาจากการพิชิตเหล่าแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์  นี่มันกภารกิจลูกโซ่ชัดๆ!”
“วีด! นี่คือวีด จาก ดิ คอนทิเนนท์ ออฟ เมจิค!”
ฝูงชนเริ่มที่จะเอะอะโวยวาย
ผู้คนต่างก็รู้จักชื่อ วีด  เขาเป็นตำนานแม้กระทั่งในเกมนี้  ผู้คนยังจำได้ถึงเหตุการณ์ที่วีด ต่อสู้กับเหล่าแวมไพร์สานเลือดบริสุทธิ์เพื่อวิหารแห่งเฟรย่าได้
“ว่าแต่มีใครจำหน้าเค้าได้บ้าง?”
“เราจำไม่ได้หรอก”
“นี่ไม่มีใครเห็นหน้าเค้าเลยเหรอ?”
“เค้าไปเร็วมากอ่ะ ….”
“นั่นเพราะชุดของเค้ามันธรรมดาเกินไป”
“เดี๋ยวนะ เรามาตั้งแคมป์รอที่นี่จนกว่าเขาจะออกมากันเถอะ!”
เหล่าผู้อยู่อาศัย, ทหาร และ พรีส ในนครอิสระโซมุเรนต่างพากันพูดถึงเรื่องของวีด  เมื่อข่าวลือเริ่มแพร่ออกไปฝูงชนก็มารวมตัวกันอย่างแน่นหนาบริเวณหน้าวิหารแห่งเฟรย่า
อย่างไรก็ตาม วีดได้เดินทางไปสู่ทุ่งราบแห่งความสิ้นหวังแล้วโดยอาศัยเทเลพอร์ทเกท

*****************************

น้ำศักดิ์สิทธิ์ดูจะให้ผลที่ทำให้พวกอันเดทถึงตายได้
จอกแห่งเฮเลนสามารถผลิตน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้แบบอนันต์  เขาได้รับอนุญาติให้ยืมมันมาใช้แต่เขาไม่แน่ใจว่าแค่จอกศักดิ์สิทธิ์อย่างเดียวจะเพียงพอต่อการหยุดยั้งกองทัพอันเดท
“มันทำให้พวกศัตรูของเราอ่อนแอลง  แต่มันไม่ทำให้เราชนะศึกครั้งนี้หรอก”
วีดสรุปสถานการณ์อย่างเยือกเย็น
อาชีพที่ดีที่สุดที่จะใช้ฆ่าอันเดทคือพาลาดิน  และเขาก็ยังขาดแคลนพรีสอีกด้วย ตอนนี้เขามีพรีสแค่ 100 คนเท่านั้น  พวกนั้นมีมานาไม่พอที่จะให้พรกับออร์คทั้งหมด และมันก็คงจะยากที่จะเดินไปหาพวกออร์คอีกต่างหาก
เมื่อเข้าระยะประชิด มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะพวกอันเดทโดยไม่มีพรีสและพาลาดิน
“ชั้นต้องการอาวุธ พวกออร์คและดาร์คเอลฟ์จะต้องติดอาวุธออกรบ”
ภารกิจความยากระดับ ‘A’ มันไม่ใช่อะไรที่ง่ายอยู่แล้ว
ให้ออร์คถือดาบไปออกศึกพร้อมกับธนูของดาร์ค เอลฟ์เป็นอะไรที่ไม่น่าจะมีประสิทธิภาพ
ถึงกระนั้นก็ตาม  เขาก็ทำได้แค่เพียงป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น  เขารู้ว่างานนี้มันยากเกินกว่าจะไปต่อได้ถ้าไม่ใช้พลังของเงินบ้าบอคอแตกเข้าช่วย
“เงิน! ยังไงซะ เราก็ต้องใช้อาวุธที่ทำจากโลหะเงิน!”
เงินใช้สยบปีศาจร้ายได้!
ถ้าพวกออร์คและดาร์คเอลฟ์ใช้อาวุธที่ทำจากเงินแล้วละก็  กองกำลังพันธมิตรของเขาจะมีพลังเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าซะอีก  แต่ถ้าเขาซื้ออาวุธพวกนั้นแล้วยังทำภารกิจล้มเหลวอีกล่ะก๋  เขาได้ถังแตกแน่ๆ
“นี่แหละน้า ชั้นถึงได้ไม่อยากรับภารกิจนี้ …..”
วีด ตัดสินใจด้วยพร้อมน้ำตาที่ปริ่มนัยน์ตา
“มันเป็นการลงทุน ต้องเสี่ยงบ้าง ม่ายงั้ยเราจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าได้ไง”
วีด ส่งข้อความไปหาเมแพน
– เมแพน  นายว่างอยู่มั้ย?
เขาเป็นพ่อค้าที่เข้าถึงได้ตลอดเวลา!
ทันทีที่เขาส่งข้อความไปหาเมแพน เขาก็ได้รับคำตอบกลับทันที
– แน่นอน  เลือกเลยครับ! เลือกเลย! ซื้อสินค้าราคาถูก  หากคุณต้องการหาไอเทม เราสามารถจัดหาให้คุณได้  พวกเรายังรับซื้อ แจปเทม (japtem) ด้วย! รบกวนคุณช่วยทิ้งข้อมูลเพื่อติดต่อกลับเอาไว้  ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนบริษัทของเมแพนครับ  พวกเราจะรับใช้คุณด้วยความยินดี
– …….

************************

มันเป็นเส้นทางของการบำเพ็ญเพียรที่เต็มไปด้วยน้ำตาของพ่อค้า!
เมแพนยังคงซื้อแจปเทม และก็เขาก็ยังคงมุ่งมั่นกับการขายสินค้า  ในความเป็นจริงแล้ว เขายังคงต้องหาเงินไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะขึ้นไปถึงจุดๆหนึ่งที่เป็นสุดยอดของกลุ่มพ่อค้า  พวกที่ค้าขายเกือบทั้งหมดต่างก็พลัดตกลงไปจากเส้นทางนั้น  แต่เมแพนยังคงมุ่งมั่นจดจ่ออยู่กับทักษะค้าขายของเขา  เขาติดตามวีด และพวกนักดาบในขณะที่ใช้การประจบสอพลอในเส้นทางของพ่อค้า
‘แม้ว่าเงินจะจากเราไปในบางครั้ง แต่ทักษะที่ได้จะไม่มีวันทรยศเรา!’
ในระหว่างที่พัฒนาระดับความเชี่ยวชาญของทักษะ เมแพนมีความเชื่อว่าความทุ่มเทในการพัฒนาทักษะพ่อค้าจะช่วยให้เขามีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น  แม้ว่าในตอนนี้มันจะดูเหมือนว่าเขายังคงต้องมีเรื่องที่ต้องพัฒนาอีกมากก็ตาม  อย่างเช่นประโยคตอบรับข้อความที่เหมือนนกแก้วนกขุนทองนี้
– โอ้! นั่นคุณเหรอ วีด?
เมแพนตอบกลับมาทันควัน
เขารู้ว่าวีดเป็นคนติดต่อมา  แต่เขาประหลาดใจจนต้องใช้เวลาซักพักในการตอบกลับ
– ใช่ นี่ชั้นเอง วีด
– นั่นคุณยังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ *อุ๊ป *
– ……
น้ำตาของเมแพนไหลออกมาอย่างไม่คาดฝัน
ครั้งนี้เพื่อนร่วมทีมสันนิษฐานว่าเขาตายไปแล้ว
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ยังไม่เคยมีใครรอดชีวิตกลับมาจากที่ราบแห่งความสิ้นหวังมาก่อน  ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นภารกิจความยากระดับ B แล้วการที่เขาเดินทางไปเพียงลำพังก็น่าจะนำเขาไปสู่ความตาย
เมแพนพนันไป 200 เหรียญทองว่าวีดจะตาย ในขณะที่เพลและกลุ่มของเขาทุ่มเงินทั้งหมดแทงว่าวีดจะรอด  พวกนั้นมีความเชื่อมั่นอย่างสูงถึงความแข็งแกร่งของวีด ว่าเขาจะต้องเอาตัวรอดได้  นั่นทำให้เมแพนเสียเงินเดิมพันไป แต่เขาก็กลับมายิ้มได้อย่างรวดเร็วและตอบกลับไป
– ยังไงซะ ผมก็ดีใจที่คุณยังมีชีวิตอยู่นะ  เพลกังวลเรื่องนี้เป็นอย่างมาก  เซเฟอร์, ฮวารยอง, ไอรีน, เซอร์กะ และ โรมูเนะ ต่างก็ถามถึงคุณนะ วีด
– ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่ไหนกันล่ะ?
– อ้า ใช่แล้ว  นอกจากผมแล้ว พวกเขาต่างพากันไปออกล่าที่ ทะเลสาปธาตุ (Lake of Elementals) ที่ให้ผลกำไรอย่างงามและให้ค่าประสบการณ์ที่ดี
กลุ่มของวีดยังรวมตัวกันออกล่าโดยที่ไม่มีเขา
– แล้วพวกนักดาบล่ะ เป็นยังไงบ้าง?
– โอ! พวกเขาแต่ละคนเดินทางออกจากโรเซนไฮม์ไปแล้ว เห็นพูดกันถึงเรื่องการฝีกฝนเพื่อเป็นนักรบเพื่อที่จะเป็นนักผจญภัยที่ยิ่งใหญ่  พวกเขาได้รับคำแนะนำให้แยกย้ายกัยออกไปฝึกฝนด้วยตนเอง
– ฝึกฝนให้เป็นนักรบ … น่าสนุกดีนี่
ผจญภัยไปกับตัวก่อปัญหา!
พวกนักดาบกำลังเดินทางไปทั่ว  คุณไม่มีทางคาดเดาได้เลยว่าพวกเขาจะทำอะไรบ้าง  แต่สำหรับวีด แล้วมันไม่ยากเลยที่จะเดามันออกมา
เมแพนไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้ในตอนที่เขาเล่าเรื่องให้ วีด ฟัง
– ดูท่าทางคุณจะไปได้สวยกับที่ราบแห่งความสิ้นหวังนะ ผมยินดีด้วย  แล้วภารกิจล่ะเป็นยังไง  ยังทำอยู่หรือว่าทำสำเร็จไปแล้วล่ะ?
– อย่างที่นายคิดไว้นั่นแหละ  ผมกำลังหาทางอยู่  เอาล่ะ ผมอยากจะซื้ออาวุธสักนิดหน่อยเพื่อใช้ในการทำภารกิจ  ผมต้องการเงินบริสุทธิ์ซักจำนวณหนึ่งเพื่อนำมาหลอมใช้
– โอว, ถ้าผมไปที่ร้านตีเหล็ก ผมน่าจะสามารถหาซื้อแร่เงินและวัตถุดิบอื่นๆได้  แร่เงินไม่น่าจะหายากหรอก
อาณาจักรชายเขตแดนอย่างโรเซนไฮม์มักจะมีการเก็บตุนอาวุธและวัตถุดิบไว้อยู่แล้ว
– งั้นช่วยหาและจัดซื้อให้ผมซักหน่อยละกัน
– แน่นอนอยู่แล้ว แม้ว่าคุณจะต้องการเหมาแร่เงินทั้งหมดเพื่อจัดการพวกซอมบี้นั่นก็เถอะ  ว่าแต่คุณจะจ่ายเงินผ่านทางคุณเพล หรือ จ่ายที่ผมโดยตรงล่ะ? มันจะถูกใช้ในสงครามกับพวกอันเดธมอนสเตอร์พวกนั้นเหรอ? คุณต้องการจำนวนเท่าไรล่ะ? วีด เพื่อเป็นการเตรียมตัวเบื้องต้นสำหรับการล่า คุณจะเอาซัก 5,000 ก่อนมั๊ย หรือว่าซัก 10,000 ดีล่ะ?
มันขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัตถุดิบด้วยแต่ก็ไม่ได้ทำให้ต่างกันมากนัก  ลูกธนูดอกหนึ่งจะใช้ประมาณ 2 เหรียญเงิน
มันเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึงปริมาณมหาศาลที่ วีด ต้องการ  ดังนั้นคนที่ไม่รู้เรื่องอย่างเมแพนสันนิษฐานไปเองว่ามันจะถูกนำไปใช้ในการล่า   จากการคำนวณของเขาแล้วเขาพิจารณาว่าราคาทั้งหมดน่าจะประมาณ 200 เหรียญทอง อย่างไรก็ดี สิ่งวีด บอกเขาถัดไปนั้นมันอยู่ล้ำเกินจินตนาการของเขาไปเป็นอย่างมาก
– ผมขอลูกธนูซัก สองล้าน ดอกละกัน  อย่างแรกเลยก็ช่วยซื้อให้มากที่สุดโดยใช้ส่วนผสมในการหลอมที่ถูกที่สุดที่คุณสามารถหาได้เพื่อที่อย่างน้อยจะได้เอาไปใช้ได้กับอาวุธซัก 50,000 ชิ้น
– ……..
เมแพนเงียบไปชั่วขณะ
เขากำลังคำนวณอย่างหนักหน่วง
100 เหรียญเงินคิดเป็น 1 เหรียญทอง  ถ้าคิดว่าลูกศรดอกนึง 2 เหรียญเงินและเขาต้องการซื้อ 2 ล้านดอกล่ะก็  นั่นคิดเป็น 40,000 เหรียญทองเชียวนะ!
ไม่ว่าเขาจะซื้อวัตถุดิบได้ถูกขนาดไหนก็ตาม การจะเคลือบอาวุธหนึ่งชิ้นก็คิดเป็นค่าใช้จ่ายอย่างน้อยก็ 60 เหรียญเงิน  เพราะงั้นต้องใช้ของที่ถูกที่สุด  และแม้จะทำการเคลือบอย่างบางที่สุดกับอาวุธ 50,000 ชิ้น มันก็ยังเป็นเงินปริมาณที่ไม่น่าเชื่อถึง 30,000 เหรียญทอง
– นะ นั่นมันเยอะมากๆ ….
– คุณพอจะช่วยหาได้มั๊ย?
– ลูกศร 2,000,000 ดอก กับ แร่เงินที่เพียงพอต่อการเคลือบอาวุธ 50,000 ชิ้น  นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นที่นั่นกันแน่ … ช่างเหอะ เอาเป็นว่าผมจะเริ่มต้นทำมันเลยละกัน!
หลังจากที่ฝากฝังให้เมแพนทำการจัดซื้อจัดหาวัตถุดิบและอาวุธให้เขาแล้ว  วีดก็ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องนี้อีก
มันมีเรื่องข้อจำกัดของวัตถุดิบต่างๆที่ร้านค้าขายได้  แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ เมแพนได้เรียนรู้บทเรียนอันล้ำค่าจากคำแนะนำที่ได้รับจากวีด นั่นก็คือ
ให้คิดไปตั้งแต่แรกเลยว่า ไม่มีอะไรหรอกที่มันทำไม่ได้
ถ้ามันมองไม่เห็นทาง ก็สร้างทางขึ้นมาเองซะ
คิดว่าจะต้องต่อสู้อย่างไร  เพราะอยู่ดีๆเงินมันไม่วิ่งมาเข้ากระเป๋าเราหรอก
ตื่นให้เช้าขึ้นกว่าคนอื่นๆเพื่อจะให้ได้เหรียญทองแดงเพิ่มมาซักเหรียญ
และในอนาคต จงหาเงินให้ได้มากกว่าที่ทำได้ในวันนี้
ในการเติมเต็มออเดอร์ที่ได้รับมา เขาจะต้องไปหาซื้อของจากร้านตีเหล็กหลายๆแห่งในโรเซนไฮม์ในทุกๆเช้า และยังต้องหาซื้อจากผู้เล่นที่ได้โลหะเงินมาจากการล่าอีกด้วย  การเคลือบโลหะเงินลงบนลูกธนูนั้นจะส่งผลอย่างรุนแรงกับพวกอันเดทก็จริง  แต่สำหรับคนที่ไม่ได้คิดจะล่าพวกอันเดทพวกเขาเลือกที่ขายมันทิ้ง  มีผู้คนจำนวนไม่มากนักหรอกในส่วนกลางของทวีปที่คิดจะออกไปล้างบางมอนสเตอร์ในสุสานและมันยิ่งน้อยลงไปอีกในโรเซนไฮม์  นั่นทำให้การหาซื้อโลหะเงินจำนวนมหาศาลอย่างกับจะเอาไปทำอุตสาหกรรมของเมแพนนั้นแม้จะดูแปลกๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

********************************

‘โชคดีของชั้นมันจบลงแล้ว  75,000 เหรียญทองที่ลดลงไปของชั้น’
มันเป็นเงินที่สูญเปล่าที่เขาจะไม่ได้เห็นมันอีก  วีดคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
การสั่งซื้อวัสดสำหรับอาวุธพวกนั้น เขาต้องจ่ายเงินไม่ต่ำกว่า 70,000 เหรียญทองแน่ๆ
มันเป็นช่วงเวลาที่น่าสลด!
วีด จำต้องฟื้นฟูสภาพจิตใจของเขาโดยเร็ว
“ใช่แล้ว เงิน! ตอนที่ชั้นเริ่มต้นก็ไม่มีเงินเหมือนกัน  เรื่องมันไม่ได้จบแค่ตรงนี้ซะหน่อย!”
เขาไม่เคยใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายมาก่อน  มันช่างเจ็บปวดนัก  ครั้งนี้มันทำให้เขาช็อคอย่างสุดๆ  น้ำตาของเขาไหลออกไม่หยุดราวกับเขื่อนแตก  เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะลืมเรื่องเงินจำนวนนั้น  เมื่อคิดย้อนกลับไปสมัยเด็กที่เพื่อนของเขาล้มและทำเข่าของเขาหัก เขายังไม่ร้องไห้ซักแอะ  แต่พอเป็นตอนที่เขาซื้อที่ดิน น้ำตาของเขากลับไหลทะลักออกมาไม่หยุดเลยทีเดียว
“แต่แค่นี้มันยังไม่พอที่จะทำให้ชั้นชนะ!”
สำหรับวีด แค่นี้มันยังไม่พอ  ลำคอของเขาแห้งผาก
ที่ที่ราบแห่งความสิ้นหวัง ยังมีกองกำลังอีกหนึ่งกลุ่มที่สามารถติดตามเขาได้ นั่นก็คือ หมู่บ้านผู้ถูกเนรเทศ  แม้พวกดาร์คเอลฟ์และออร์คจะกระจายตัวอยู่ทั่วที่ราบแห่งความสิ้นหวัง  แต่นั่นยังไม่เพียงพอ  ถ้าได้พวกมนุษย์เข้าร่วมละก็ การต่อสู้ก็จะมีความหวังเพิ่มขึ้นมาอีกนิด
“ชั้นต้องไปหาอาวุธที่ทำจากเงินจากราชอาณาจักรโรเซนไฮม์ แต่นั่นแปลว่าชั้นต้องไปที่นั่นแล้วค่อยกลับมาที่นี่ใหม่”
วีด ชักมีดแกะสลักของซาฮัปออกมา
จากนั้นเขาก็เลือกก้อนหินที่มีคุณภาพดีไร้รอยแตกร้าว แล้วก็นั่งลงเบื้องหน้ามันและเริ่มคิด
“บางทีถ้าต้องวิ่ง เสือชีต้าร์ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีรึเปล่านะ?”
ชีต้าร์ที่คล่องแคล่ว!
ถ้าแปลงเป็นชีต้าร์ล่ะก็ เขาก็จะสามารถวิ่งผ่านที่ราบแห่งความสิ้นหวังได้ แถมเขายังมีแผนที่แล้วด้วย
*แคร่ก แคร่ก!* (เสียงแกะสลักก้อนหิน)
ด้วยทักษะที่มี ทำให้เขาแกะก้อนหินเป็นรูปเสือชีต้าร์ได้อย่างรวดเร็วปานฟ้าแลบ  เขาขยายขนาดของลำตัวให้ยืดออกไป และที่สำคัญที่สุดทำขาทั้งสี่ให้ยาวราวกับขาม้า
“มันน่าจะวิ่งได้เร็วขึ้นด้วยขาที่ยาวขึ้นนะ”
มันควรจะวิ่งได้เร็วด้วยตรรกะที่ว่ายังไงซะเด็กก็วิ่งได้ไม่เร็วเท่าผู้ใหญ่ ยังไงยังงั้น!
ตริ้งงง!
ผลงานชั้นดี! รางวัลสำหรับการสร้างสรรค์สัตว์สี่เท้า!
ประติมากรเอ๋ย  เจ้ากำลังก้าวไปสู่หนทางแห่งความยิ่งใหญ่! ชื่อเสียงของเจ้าลือเลื่องไปทั่วทั้งทวีป  งานศิลปะไม่ใช่เรื่องตายตัวเสมอไป! นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับท่านในการหาประสบการณ์ทางศิลป์ในทุกๆสถานการณ์  อย่างไรก็ตามในการพัฒนาทักษะทางศิลปะนั้นเจ้าได้ใช้ความมานะอย่างแสนสาหัส  เนื่องด้วยผลงานชิ้นนี้สร้างขึ้นมาด้วยความสมบูรณ์พร้อม สำหรับคนที่มีสายตาที่สูงส่งย่อมมองเห็นถึงความสุดยอดของมัน แต่ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่พิจารณาสิ่งนี้ว่าเป็นผลงานทางศิลปะ
มูลค่าทางศิลปะ: 3,100
คุณสมบัติพิเศษ:
สัตว์ร้ายนี้ช่วยเพิ่มการฟื้นฟูพลังชีวิต และ มานาให้ 25% ตลอดทั้งวัน
ความเร็วในการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น 20%
สถานะก่อนหน้าเพิ่มขึ้นอย่างละ 10
คุณจะได้รับ สถานะสุ่ม 9 อย่างติดตัว
สามารถใช้เสียงคำรามของสัตว์ร้าย
ไม่สามารถนำคุณสมบัติไปซ้อนทับการที่ได้จากรูปสลักอื่นๆ
จำนวนผลงานมาสเตอร์พีชที่สร้างสำเร็จจนกระทั่งถึงตอนนี้: 4
– ความชำนาญในการแกะสลักของคุณพัฒนาขึ้น
– ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 320
– ค่าสถานะทุกอย่างเพิ่มขึ้น 6
– ความอึดเพิ่มขึ้น 3
– ความทรหด เพิ่มขึ้น 2
– ด้วยการนี้ วีดจึงมีกรรมสิทธิ์ในสัตว์ร้ายตัวนี้  ถ้าคุณมอบชีวิตให้สัตว์ร้ายตัวนี้ในอนาคต มันจะซื่อสัตย์ต่อวีด
– เมื่อพิจารณาจากการสร้างงานระดับมาสเตอร์พีชได้  จะได้รับค่าทุกสถานะทุกค่าเพิ่มขึ้นสถานะละ 1
สมบูรณ์พร้อม!
พัฒนาการทางศิลปะ!
มันเป็นผลงานที่แสดงรสนิยมชั้นต่ำของวีด โดยแท้  ความจริงก็คือมันมีขาที่ยาวเหมือนม้าและมีลำตัวที่ยาว  ทั้งๆที่เขาตั้งใจสร้างสรรค์เสือชีต้าร์แต่รางวัลที่ได้กลับได้มาจากการสร้างสัตว์ร้ายที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน  ขนของชีต้าร์ดูคล้ายกับอูฐ รูปสลักอยู่ในกิริยาของวัวที่กำลังถอยหลังเพื่อขย้ำกบ
แม้จะดูหยาบ แต่ความความพยายามสร้างงานระดับมาสเตอร์พีชไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ  ด้วยเหตุนี้ทักษะแกะสลักของเขาจึงเพิ่มขึ้น 12% ตอนนี้ทักษะของเขาอยู่ที่ระดับ 9 ที่ 43%
“เอาฟระ ยังไงซะมันก็เป็นงานระดับมาสเตอร์พีชล่ะน่า”
วีด พึงพอใจเป็นอย่างมาก
ประติมากรที่โดดเด่นย่อมมีความมั่นใจในตนเองและหลงใหลในงานของตน  อย่างไรก็ตามสิ่งที่วีดให้ความสำคัญมากกว่าคือผลงานนี้มันนำไปสู่อะไร
งานศิลป์อื่นก็เป็นอย่างนี้แหละ  คึณไม่มีทางรู้หรอกว่าประวัติศาสตร์มันเป็นยังไงถ้าคุณไม่ได้อยู่ในช่วงเวลานั้นด้วยตัวเอง  อย่างผลงานของปิกัสโซ(Picasso) เนี่ยก็เหมือนกัน คุณจะรู้ได้ไงว่าเค้าต้องการจะสื่ออะไรจากงานของเขา?
นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่อาจสร้างผลงานที่ผิดพลาดที่จะกลายเป็นบทเพลงระดับมาสเตอร์พีชในรอบศตวรรษก็เป็นได้  ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับมุมมองของตัวคุณเองเพราะมุมมองต่องานศิลปะของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป
“ถึงแม้ตอนนี้มันจะเป็นอย่างนี้ก็ตาม ก็อาจจะเป็นไปได้ว่างานขยะนี้จะกลายเป็นที่ยอมรับว่าเป็นสุดยอดทางศิลป์ในอีก 100 ปีข้างหน้าก็ได้  และถ้าไม่ใช่ 100 ปี ก็อาจจะเป็น 300 ปี  ไม่สิ บางทีอาจเป็น 10,000 ปีจากนี้ล่ะมั้ง”
วีดให้ข้อสรุปคร่าวๆกับทักษะที่ตนเองใช้ยามที่เขามองไปยังสัตว์ร้ายนั้น
“ประติมากรรมจำแลง!”
คุณใช้ทักษะประติมากรรมจำแลง
ด้วยความรักอันไร้ขอบเขตของประติมากรและงานแกะสลักของเขา  ผลงานประติมากรรมและตัวเขาเองได้รวมเข้าเป็นหนึ่ง! ร่างกายของวีด กลายเป็นมีขนขึ้นตามศีรษะและแขน  ในขณะที่ขากลายเป็นผอมยาวและยืดออก  การกลายร่างจากมนุษย์ที่มีสองแขนและสองขาเป็นสัตว์ที่ดูเหมือนอูฐทิ่วิ่งด้วยขาทั้งสี่ได้เสร็จสิ้นลงในเวลาไม่นาน
– การเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นกับรูปร่างทำให้อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่ไม่สามารถใช้งานได้ เสื้อที่ทำเป็นพิเศษจากหนังสามารถนำมาสวมใส่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสายพันธุ์  การจัดหาอุปกรณ์ชุดใหม่อาจเป็นสิ่งที่จำเป็น
– ผลจากประติมากรรมจำแลงช่วยเพิ่มความเร็วและความอดทนของคุณ  ค่าความเป็นผู้นำและเสน่ห์ลดลงไปที่ระดับต่ำที่สุด  ค่าสถานะทางศิลป์ลดลงไปครึ่งหนึ่ง  ความอดทนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล  ผลทุกอย่างจะคงอยู่จนกว่าทักษะประติมากรรมจำแลงจะถูกยกเลิก

ค่าความอดทนของสัตว์สี่เท้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“โอเค ชั้นจะวิ่งไปที่หมู่บ้านผู้ถูกเนรเทศ”
วีด ทิ้งตัวลงบนพื้นและเริ่มที่จะออกวิ่ง
“การวิ่งแบบสัตว์สี่เท้า (Quadrupedal run)!”
ทักษะการเคลื่อนไหว : การวิ่งแบบสัตว์สี่เท้า
ด้วยการใช้ค่าความอึดและมานา คุณสามารถวิ่งได้ความเร็วที่สูงกว่าปกติถึง 60% จากการวิ่งสองขา
นอกจากนี้ เมื่อวิ่งไปทวนลม การสูญเสียความอึดจะเพิ่มขึ้น 30%  หากวิ่งตามทิศทางกระแสลม ความเร็วจะเพิ่มขึ้นอีก 20%  ทักษะนี้ไม่สามารถใช้ได้ในบริเวณเนินและภูเขา  และหากใช้บนทุ่งหญ้าหรือที่ราบ คุณจะได้รับความเร็วเพิ่มขึ้นอีก 80%
ในอดีตนั้น เขาต้องทำตัวเลียนแบบสัตว์เพื่อให้ได้มาซึ่งทักษะทางประติมากรรมในการเข้าใจถึงสิ่งที่เขาแกะสลักออกมา  ซึ่งตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเป็นทักษะที่ไร้ประโยชน์
อุ้งเท้าของวีด เคลื่อนที่ไปข้างหน้า  จากนั้นอุ้งเท้าหลังก็ได้ปรากฎขึ้น
แท่ก แท่ก แท่ก แท่ก!
วีดได้ใช้ทักษะ การวิ่งแบบสัตว์สี่เท้าเพิ่มความเร็วในการวิ่งของเขา!
ทุกๆก้าวของเขามันผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อเขาวิ่งบนที่ราบ  การวิ่งแบบนี้ไม่ใช่อะไรที่คนปกติเค้าทำกัน  อุ้งเท้าและขาหลังเคลื่อนที่สลับไปมาจนทำให้คุณลืมไปเลยว่าคุณเองนั่นแหละที่เป็นคนควบคุมอุ้งเท้าพวกนั้น
อุ้งเท้าซ้ายหน้า ตามด้วย ขาหลังขวา แล้วก็หน้า แล้วก็หลัง  ยิ่งไปกว่านั้นขาหน้าและขาหลังของเขายังดูโงนเงนไปมาแบบน่าขัน  การเดินด้วยขาสี่ข้างมันช่างยุ่งยากแบบน่าประหลาดใจ  อย่างแรกเลยคือการเดินไปข้างหน้าที่อุ้งเท้าซ้ายหน้าและขาขวาหลังต้องประสานกัน และต่อจากนั้นก็เป็นอุ้งเท้าขวาหน้าตามต่อด้วยขาชวาหลังด้านซ้าย  ซึ่งหากไม่ได้กระทำอย่างพอเหมาะในช่วงเวลาและได้สมดุลแล้ว มันก็จะดูไม่สง่างาม
มันเป็นเรื่องยาก แต่วีด ได้เคยเลียนแบบการเคลื่อนไหวของกวางและม้าด้วยร่างกายของเขามาก่อนจนได้รับทักษะ การวิ่งแบบสัตว์สี่เท้า
แท่ก แท่ก แท่ก
วีด เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วด้วยความสามารถของเขา  ในตอนแรกทุกอย่างดูจะเป็นไปได้ดี แต่ไม่นานานักก็เกิดปัญหาขึ้นมา
“เป็นไปไม่ได้….”
เขาไม่ได้คำนึงถึงว่านี่เป็นการลองผิดลองถูก  วีดมีร่างกายเป็นมนุษย์ ในการเรียนรู้ที่จะวิ่งแบบสัตว์สี่เท้านั้น เขาก็เปรียบเหมือนเด็กที่กำลังหัดเดิน! เมื่อมาคิดว่าคุณจะวิ่งติดต่ออย่างรวดเร็วเป็นเวลาหลายวันโดยที่คุณยังเป็นเด็กทารกอยู่นั้น มันเป็นไปไม่ได้
“ไม่น่า  นี่มันงานหินจริงๆ!”
ตอนแรกเขาคิดว่าเขาสามารถทำได้อย่างที่เขาเห็น  แต่ตอนนี้มันชัดแล้วว่าเขาไม่สามารถวิ่งได้!
ลำคอของเขาเจ็บปวด ทิวทัศน์ต่างๆผ่านหน้าของเขาไปอย่างรวดเร็วจนมองไม่ทัน  เมื่อวิ่งต่อเนื่องไปอย่างยาวนาน  จิตวิญญาณของเขาก็รู้สึกเจ็บปวด
- คุณชนหินแหลมคม  พลังชีวิตลดลง 3
- คุณเหยียบชิ้นโลหะ พลังชีวิตลดลง 10
เขาพยายามอดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาจนกระทั่งตอนนี้  ด้วยทักษะช่างตีเหล็ก ความเจ็บปวดเล็กน้อยสามารถทำให้ลดน้อยลงได้ด้วยเกือกม้า  แต่ปัญหาคือเรื่องของความอึด
สำหรับสัตว์อย่างชีต้าร์หรือม้านั้น พวกมันไม่ได้มีค่าความอึดที่โดดเด่นอะไร  ความเร็วสูงสุดของพวกมันอาจจะเร็วมาก แต่ระยะเวลาที่พวกมันจะรักษาความเร็วระดับนั้นได้ช่างแสนสั้น  ช่วงเวลาที่เหลือจึงเป็นการอยู่ว่างๆ ดื่มน้ำ หรือ ยืนอยู่เฉยๆ
- ความอึดของคุณลดลง คุณไม่สามารถวิ่งต่อไปได้
มันเพิ่งผ่านไปได้แค่ 10 นาทีเท่านั้น!
นี่เป็นเวลาที่เขาสามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วที่สูงที่สุด  จากนั้นเขาจำต้องเคลื่อนไหวอย่างช้าๆด้วยขาทั้งที่ในขณะที่เดินเล่นไปเรื่อยเพื่อพักฟื้น ตลอดเวลาที่เดินสะโพกของเขาแกว่งไปแกว่งมาพร้อมกับหอบ  วีดทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้ สุดท้ายเขาจึงต้องหยุดลง
“แฮ่กๆ! นี่มันไม่ใช่อย่างที่ชั้นคิดไว้”
การวิ่งผ่านที่ราบแห่งความสิ้นหวังมันยากและทำให้ท้อแท้ยิ่งนัก  ถึงคุณจะเร็วได้ชั่วขณะหนึ่ง  แต่เมื่อความอึดลดลง คุณก็ได้คำตอบออกมา
“ยกเลิกการใช้ ประติมากรรมจำแลง!”
วีด สร้างรูปแกะสลักขึ้นมาอีกอันหนึ่งเพื่อที่เขาจะได้แปลงร่างอีกครั้ง
เป็นสัตว์ที่วิ่งด้วยสองขา อย่างเช่น นกกระจอกเทศ!
เขาไม่ได้พยายามจะทำอย่างที่ว่ามาข้างต้นหรอก นี่เป็นเวลาที่เขาจะสร้างสรรค์หนทางที่สะดวกกว่านั้น เช่น สร้างรูปร่างของออร์ค
ร่างกายของคาริชวิ ประกอบขึ้นจากรูปร่างของออร์คทั่วๆไปที่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง  และโดยการใช้รูปแบบของเดิมเขาได้ทำรูปแกะสลักให้มีความเพรียวมากขึ้น เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่จะทำให้รูปร่างมันเสียไป หากแต่มุ่งมั่นในการทำให้ผอมเพรียวด้วยกล้ามเนื้อที่จำเป็น  มันเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่จะลดน้ำหนักให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สุดท้ายแล้วผลงานชิ้นนี้จบลงด้วยลักษณะที่คล้ายกับพริกไทยแดง (red pepper)  ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันถอดแบบมาจากออร์ค คาริชวิ  เพียงแค่มองไปยังใบหน้าของมัน คุณก็จะเห็นได้ถึงอารมณ์ที่หงุดหงิดตลอดทั้งวัน  และเมื่อสายตาของมันเผชิญเข้ากับอะไรในโลกนี้ก็ดูราวกับว่ามันต้องการจะทำลายล้างไปให้สิ้นซะทุกสิ่ง
วีด ช่างมีพรสวรรค์เหลือเกินในการสร้างสรรค์ออร์คที่แสนจะน่าเกลียดพวกนี้
ตริ้ง!
ผลงานมาสเตอร์พีช! คุณได้รับรางวัลจากการสร้างมอนสเตอร์ออร์คร่างน้อยได้สำเร็จ
ผลงานจากประติมากรหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่ในห้วงความปวดร้าว! งานระดับมาสเตอร์พีชในรอบศตวรรษ สร้างสรรค์จากความคับข้องใจและอัดอั้นอย่างแสนสาหัส! งานชิ้นนี้น่าเกลียดจนมิอาจจะน่าเกลียดไปกว่านี้ได้  แต่ภายใต้บรรยากาศอึมครึมนี้ คุณก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงความลับที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้
มูลค่าทางศิลป์: 1
คุณสมบัติพิเศษ:
เมื่อได้มองรูปปั้นนี้ อัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตและมานาของออร์คจะเพิ่มขึ้นใน 5%ระหว่างวัน
ความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น 18%
ความฉลาดลดลง 20   ความดึงดูดใจลดลง 100
กำลังกายเพิ่มขึ้น 10  ความว่องไวเพิ่มขึ้น 5
สามารถทำให้เด็กที่กำลังร้องไห้อยู่การร้องไห้ได้
หากเป็นพวกที่ความกล้าหาญต่ำมามองดูแล้ว จะทำให้อ่อนแอลงอย่างมาก
ไม่สามารถให้ผลซ้อนทับกับที่ได้รับรูปปั้นอื่นได้

จำนวนผลงานระดับมาสเตอร์พีชที่ทำสำเร็จแล้วจนถึงปัจจุบัน: 9
– ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 80.
– ความอึดเพิ่มขึ้น 2
– ความฉลาดเพิ่มขึ้น 1
– จิตวิญญานนักสู้เพิ่มขึ้น 1
วีด ทำการเรียกใช้ทักษะทันที่รูปแกะสลักสำเร็จลง
“ประติมากรรมจำแลง!”
ส่วนสูงและใบหน้าของเขาหดตัวลงและเปลี่ยนไปเป็นออร์ค คาราชวิตัวเล็ก  ผมของเขายาวขึ้นและร่างกายก็เปลี่ยนเป็นผอมบางกว่าแต่ก่อน
– การเปลี่ยนแปลงในร่างกายหลายๆอย่างทำให้อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่ไม่สามารถใช้งานได้  คุณสามารถสวมเสื้อเกราะโลหะได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์  คุณอาจจะต้องหาอุปกรณ์ใหม่มาใช้
– ผลจากประติมากรรมจำแลงส่งผลให้ความเร็วและความอึดเพิ่มขึ้น  ความฉลาดและปัญญาลดลงสู่ระดับต่ำที่สุด  ค่าสถานะศิลป์ลดลงไปครึ่งหนึ่ง  ความอึดเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล  สถานะเหล่านี้จะคงอยู่จนกว่าจะยกเลิกการใช้ประติมากรรมจำแลง
“ชวิค!”
ออร์ค คาริชวิ จิ๋ว
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลย  อะไรง่ายๆแบบนี้แหละดีที่สุด
ไม่ต้องใช้ทั้งศิลปะหรืออย่างอื้นหรอก  ไปแบบทื่อๆอย่างนี้และสะดวกดี
เมื่อเขาโงนๆเงนๆ วีดก็เริ่งต้นการวิ่งข้ามที่ราบแห่งความสิ้นหวังอย่างขยันขันแข็ง

เล่มที่ 6 ตอนที่ 6 : จบ

*******************************


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

3 ความคิดเห็น: