วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 7 ตอนที่ 6 กลับสู่โลกความเป็นจริง (Into the World)

เล่มที่ 7 ตอนที่ 6 กลับสู่โลกความเป็นจริง (Into the World)

วีดยุ่งกับการเตรียมตัวสู้ศึกมาตลอด และตอนนี้เหตุการณ์ของออร์คและมนุษย์ก็กลับสู่ภาวะปกติ หลังจากวีดรายงานผลที่วิหารแห่งความมืดเขาก็ออกมาเดินเล่นที่ตลาด
 “อืมม ที่นี่เป็นตลาดสินะ”

เมแพนทำตามที่วีดแนะนำ
หลังจากอยู่ในป้อมปราการมาหลายวัน พวกดาร์คเอลฟ์ก็พอที่จะจับหลักภูมิศาสตร์ได้ และหลายคนก็เปิดร้านในพื้นที่บริเวณนี้
 “เราชาวเอลฟ์ขายผลไม้ที่ปลูกและดูแลเอง”
 “มาซื้อสมุนไพรเพื่อรักษาบาดแผลของท่านสิ”
พวกเขามีผิวกายสีดำและดวงตาที่ลุกวาวราวกับไข่มุก !
แม้ดาร์คเอลฟ์จะสูงไม่มากนัก แต่พวกเขาก็มีร่างกายที่ยืดหยุ่น เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความงดงาม
 “น่าแปลกใจ ที่คุณเมแพนสนใจเดินสำรวจแผงร้านค้าของพวกเอลฟ์”
เซอร์กะพูดกับเมแพน แต่เมแพนเกาหัวอย่างเขินๆ
 “ที่จริงผมก็ไม่ได้เจอพวกเอลฟ์มากนักหรอก”
 “แล้ว…?”
 “ครั้งแรกที่ผมเจอดาร์คเอลฟ์ วู้ดเอลฟ์ และฮาล์ฟเอลฟ์คือตอนที่กำลังเดินทางอยู่ตอนกลางทวีปกับฮวารยอง”
 “แล้ววู้ดเอลฟ์แตกต่างไปยังไงบ้างคะ?”
เซอร์กะถามคำถามที่ทุกคนคิดอยู่ในใจ
เพล ไอรีน และโรมูเนะไม่เคยออกไปนอกอาณาจักรโรเซนไฮม์ พวกนักดาบก็ฟังอย่างผ่านๆ
 “ฮาล์ฟเอลฟ์จะมีหูแหลมยาวนอกจากนั้นก็เหมือนกับมนุษย์ทุกอย่าง เป็นการผสมผสานสายพันธุ์ครึ่งมนุษย์ครึ่งเอลฟ์ วู้ดเอลฟ์จะอาศัยอยู่ในป่าลึกและมีพลังโจมตีที่ดีเยี่ยมแต่ก็แพ้ทางเวทย์มนต์”
 “มีพวกเอลฟ์อื่นๆด้วยใช่ไหมคะ?”
 “เกรย์เอลฟ์(เอลฟ์เทา)หรือไฮท์เอลฟ์ ชาโดว์เอลฟ์ ไนท์เอลฟ์ มีเอลฟ์หลายชนิดมากเลยหล่ะ”
คำอธิบายของเมแพนช่วยเพิ่มความรู้ให้กับเซอร์กะได้มากทีเดียว
นักดาบ(ที่1)หันไปทางนักดาบ 3และเอ่ยถาม
 “นักดาบ 3”
 “ครับ อาจารย์”
 “เจ้ารู้เกี่ยวรอยัลโรดเยอะใช่ไหม?”
 “แน่นอนครับ อาจารย์!”
นักดาบ3 ตอบอย่างเอาใจ เขาแสร้งทำเป็นผู้เชี่ยวชาญรอยัลโรดเหนือกว่าเหล่านักดาบอื่นๆ
 “พวกเอลฟ์มาจากไหนกัน?”
 “ครับ พวกเอลฟ์หรอครับ อาจารย์ ?”
 “ใช่”
 “พวกเอลฟ์…”
 “เจ้าไม่รู้คำตอบใช่ไหม?”
ดวงตาของนักดาบ และ นักดาบ2 เต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือ และนักดาบ 3ก็หมุนมือไปมา
 “ผมรู้แน่นอนครับ จากหมู่บ้านเอลฟ์ยังไงหล่ะ”
 “หมู่บ้าน?”
 “หมู่บ้านไม้(วู้ด) หมู่บ้านความมืด(ดาร์ค) และหมู่บ้านครึ่ง(ฮาลฟ์) มันเข้าใจได้ง่ายๆใช่ไหมครับ ที่ผิวกายพวกเขาดำเนื่องจากมาจากหมู่บ้านความมืด
มันมีส่วนที่จริงอยู่บ้างในการอธิบายอย่างข้างๆคูๆ นักดาบพยักหน้า
 “โอ้โฮ ต้องอย่างนี่สิ เจ้านี่ฉลาดตามที่ข้าหวังจริงๆ นักดาบ3 “
 “เป็นความกรุณาอย่างสูงครับ ท่านอาจารย์ !”

******************************

ปาร์ตี้มุ่งไปที่ตลาดเพื่อซื้อสมุนไพรทำยาและของที่ระลึกเล็กๆน้อยๆ ที่นี่มีสมุนไพรคุณภาพดีราคาถูกเยอะมาก
ปาร์ตี้เพลิดเพลินไปกับการเดินชมตลาด
ไอเทมลึกลับมีอยู่ในร้านของชำและสถานีค้าขาย และแถมยังมีดาร์คเอลฟ์เดินอวดผิวดำเข้มอยู่รอบๆ  มันเป็นประสบการณ์ที่สุดๆเหมือนกัน
เมื่อมองจากยอดเขาวิวโดยรอบของป้อมปราการก็สวยงามมาก
เพียงแค่ยืนบนกำแพงโลกทั้งใบก็เผยโฉมออกมาด้านล่าง ท้องฟ้าสีคราม หมู่เมฆหนาถูกพัดรวมกันด้วยสายลม ทำให้วิวบนเขาสวยงามมาก สายลมแรงพัดพาความสดชื่น และเห็นหน้าผาอยู่ไกลลิบๆ
ไอรีนพูดด้วยรอยยิ้มเป็นคนแรก
 “การเดินชมรอบนี้คุ้มค่าจริงๆ”
 “เห็นด้วยเลย  ผมคงต้องออกมาข้างนอกให้บ่อยขึ้นแล้ว”
เซเฟอร์ก็รู้สึกร่วมด้วย
เขามักจะตกปลาริมแม่น้ำ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นภูเขา
เขารู้สึกสดชื่นที่ได้ขึ้นมาบนยอดเขาสูงและชมภาพอันงดงามนี้
 “เอ่อ ให้ผมพาไปร้านอาวุธไหม”
เมแพนและเพื่อนๆตัดสินใจไปดูอาวุธ พวกเขาเข้าไปในร้านอาวุธ
 “หวัดดีครับ”
เมแพนโค้งทักทายดาร์คเอลฟ์ ซึ่งตอบโต้เพียงการพยักหน้าเล็กน้อย
 “พวกเจ้ามากันทำไม ?”
ดาร์คเอลฟ์แก่ที่หยิ่งยโส !
ดาร์คเอลฟ์ชราเจ้าของร้านดูค่อนข้างเย่อหยิ่ง และไม่ค่อยแคร์ลูกค้ามากนัก
เมแพนถามกลับด้วยความสุภาพ
 “จะเป็นอะไรไหมครับ ถ้าผมขอเดินดูรอบๆร้าน ?”
 “มีใครห้ามหล่ะ”
ปาร์ตี้แยกกันเดินดูอาวุธรอบๆ
หมู่บ้านออร์คมีร้านที่ดีพอควรแต่ที่นี่มีของหายากอยู่เต็มไปหมด
เซเฟอร์เจอเบ็ตตกปลาอันหนึ่ง  ชาวเอลฟ์ภูมิใจกับความอ่อนตัว ยืดหยุ่น และแข็งแรงของมัน
เป็นไม้ที่พวกเขาปลูกขึ้นเอง  ซึ่งทำให้มันสมบูรณ์แบบสำหรับกับการตกปลาเป็นอย่างมาก
 “ชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่หรอครับ ?”
 “8000 เหรียญทอง ถ้าเจ้าไม่มีเงิน ก็วางมันลงซะ”
ราคามันไม่แพงเลย
เซเฟอร์จ่ายเงินโดยไม่พูดอะไร
 “ว้าว ! เงินเยอะนะเนี่ย”
ไอรีนพูดและเซเฟอร์ก็หัวเราะลั่น
 “เงินแค่นี้เอง…”
"..."
ทันใดนั้นเซเฟอร์ก็กลายเป็นศัตรูของคนทั้งปาร์ตี้ !
ทั้งปาร์ตี้เกือบจะเดินออกจากร้านเพื่อหาร้านที่ขายอาวุธชนิดอื่นต่อไป แต่กลับมีดาร์คเอลฟ์เรียกเพลให้หยุด “เธอเป็นนักธนูใช่ไหม ?”
 “ใช่ครับ ผู้อาวุโส ท่านมีอะไรจะบอกผมหรอครับ?”
 “เมื่อเทียบกับพรสวรรค์ของเธอ คันธนูของเธอมันช่างด้อยค่า เราชาวเอลฟ์จะไม่เหนี่ยวสายธนูที่ทำให้เราอับอายโดยเด็ดขาด”
เพลหน้าแดงด้วยความอับอาย ซึ่งเมื่อพิจารณาดูแล้วมันก็จริงที่ธนูของเขาเสื่อมสภาพและมันก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแล้ว
 “ซื้อใหม่ที่นี่สิ ที่นี่มีธนูราคาถูกให้เธอเลือกซื้อมากมาย”
อาวุธส่วนใหญ่ของร้านนี้จะเป็นมีดและธนู มีดจัดแสดงอยู่ในตู้โชว์ ขณะที่ธนูแขวนอยู่ที่ฝาผนัง ซึ่งอาวุธที่ขายในป้อมปราการแห่งนี้โดยส่วนใหญ่แล้วจะถูกสร้างขึ้นโดยพวกเอลฟ์
ธนูคันแรกที่เขาดูมีเลเวลเกือบ 200 แต่ที่เหลือก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้นไปอีก แถมราคาก็ดูไม่เหมาะสมกับอาวุธที่เหมือนจะเอาไว้โชว์เท่านั้น
ด้วยความไม่หลงตนเองจนเกินไป เพลจึงเลือกเพียงธนูธรรมดา เป็นธนูเก่าแก่ที่ตกแต่งด้วยสีฟ้า แม้จะไม่ถึงกับเป็นไอเทมหายากหรือไอเทมเฉพาะและยิงได้ไม่ไกลมากนัก แต่มันก็ใช้งานได้ง่าย
 “ชิ้นนี้เท่าไหร่หรอครับ?”
 “25,000 เหรียญทอง”
 “ผมมีเหลือแค่ 24,000 เองครับ…”
 “ถ้าเธอไม่ซื้อก็เชิญออกไปได้”
วิธีประหยัดเงินที่เขาเรียนมาจากวีดไม่ได้ผลซะงั้น มันยากพอดูที่จะโน้มน้าวดาร์คเอลฟ์ในตอนค้าขายกับมนุษย์ ดาร์คเอลฟ์ไม่ค่อยเป็นมิตรมากนัก!
’25,000 คือทั้งหมดที่เราเก็บมา’
หลังการตัดสินใจอย่างยากลำบากในที่สุดเพลก็ซื้อธนูนี้ เหล่านักธนูก็ไม่ต่างจากนักดาบที่อยากได้อาวุธที่ดีขึ้น และเหล่านักธนูก็แข็งขันด้านอาวุธกันอย่างดุเดือด ถ้าคุณได้ยิงธนูชั้นดีระยะยิงที่ทำได้จะไกลขึ้นซึ่งเป็นเครื่องแสดงความแตกต่าง(ความเก่ง)
 “ฮุ-ฮุ-ฮุ”
หลังการซื้อธนูใหม่เพลก็หัวเราะแปลกๆ
จากนั้นเซอร์กะหันไปมองเจ้าของร้านและพูดว่า
 “ที่จริงคุณพี่ก็หน้าตาดีเหมือนกันนะคะเนี่ย ยังไม่ดูแก่เลยเหมือนเป็นพี่ชายมากกว่า”
 “เซอร์กะ !”
โรมูเนะร้องห้ามอย่างประหลาดใจ มันเป็นเรื่องยากที่จะตีสนิทกับดาร์คเอลฟ์เพราะคุณต้องใช้ความพยายามเป็นพิเศษในการระมัดระวังไม่ให้พวกเขาโกรธ
การวางตัวเป็นกลางก็ไม่ได้ก่อให้เกิดผลต่างกันเท่าไร  มันไม่เหมือนกับการเจรจากับกับมนุษย์ด้วยกันที่ขึ้นอยู่กับระดับความสนิทสนม   สำหรับดาร์คเอลฟ์แล้วพวกเขาจะจู่โจมคุณเมื่อไหร่ก็ได้
แต่เธอคงกังวลมากเกินไปเพราะดาร์คเอลฟ์อาวุโสตนนี้กำลังยิ้มอย่างอายๆอยู่
 “แม่หนูคิดอย่างนั้นจริงหรอจ๊ะ ? พี่ยังดูหนุ่มอยู่ใช่ไหม?”
 “ใช่ค่ะ คุณพี่ยังดูหนุ่มอยู่เลย แถมยังหล่อสุดๆอีกด้วยค่ะ คุณพี่ดาร์คเอลฟ์”
 “เป็นแม่หนูที่น่ารักจริงๆ พี่ชื่อว่าแกรนเบลนะ แม่หนูเรียกพี่ว่าแกรนเบลก็ได้”
 “หนูชื่อเซอร์กะค่ะ พี่แกรนเบล”
เซเฟอร์กับฮวารยองถึงกับอ้าปากค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น เริ่มแรกมีจากการแนะนำชื่อ  หลังจากนั้นก็เพาะความสนิทสนมกันให้มากขึ้นกับพี่ชายดาร์คเอลฟ์ผู้หล่อเหลา
คำพูดของเซอร์กะทำให้เกิดความสนิทสนมได้
โรมูเนะแอบขำเป็นคนแรก
การเสแสร้งชมดาร์คเอลฟ์อาวุโสว่าน่ารักดูจะเป็นวิธีที่ปัญญาอ่อน  แต่ทว่ามุมมองที่แตกต่างย่อมให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างแม้จะเป็นคำพูดเดียวกันก็ตาม  ก็เหมือนกับที่เซอร์กะหญิงแกร่งผู้ล้มมอนสเตอร์ได้ด้วยมือเปล่ากำลังแกล้งทำเป็นสาวน้อยคิขุอยู่ในตอนนี้นั่นแหละ
 “เซอร์กะเธอ…”
 “ชู่ !”
โรมูเนะพยายามเรียกเซอร์กะแต่เมแพนก็ห้ามเธอไว้อย่างรวดเร็ว
 “ตอนนี้เป็นช่วงสำคัญมาก ปล่อยให้เธอจัดการ”
 “อะไรนะ?”
 “ดูเหมือนนี่จะเป็นวิธีตีสนิทกับดาร์คเอลฟ์ได้”
เมแพนรู้ดีกว่าใคร ว่าความสนิทสนมกับการค้าขายในอาณาจักรนั้นสำคัญเพียงใด
ยิ่งความสัมพันธ์กับชาวบ้านเพิ่มมากสูงขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งมีโอกาสสูงขึ้นที่พวกเขาจะยอมสนทนาด้วยในเรื่องสำคัญๆ ซึ่งอาจจะมีบางคนอาจการได้รับการร้องขอให้ทำภารกิจหรือได้รับข้อมูลสำคัญก็เป็นได้
ความจริงแล้วตอนที่เมแพนได้ยินว่าวีดกำลังนำทัพเหล่าออร์คและดาร์คเอลฟ์บนเทือกเขายุโรกินั้น เขาคาดหวังเอาไว้เป็นอย่างมาก โดยหวังว่าจะได้ข้อมูลของภารกิจจากการติดตามวีด แต่โชคร้ายที่อะไรๆไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิดเอาไว้
พวกออร์คค่อนข้างทึ่มและไม่สนใจอะไรทำให้พวกมันไม่ค่อยรู้เรื่องราวอะไรมากนัก พวกมันมีแต่ข้อมูลบริเวณการออกล่าและการรับมือกับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง
วิธีการสู้รบของพวกออร์คคือการส่งนักรบหลายๆคนออกไปสู้แทนทุกครั้งที่มีออร์คตาย อาจจะมีออร์คออกไปสู้ถึง 100 คนแต่คนที่รอดชีวิตอาจมีแค่เพียงคนเดียวซึ่งมันก็ไม่ช่วยอะไรกับพ่อค้าอย่างเมแพนเลย
รวมถึงพวกออร์คก็ไม่ได้พิศวาสอะไรกับพวกมนุษย์ด้วย แค่เพียงการสนทนาง่ายๆก็กลับเป็นเรื่องยาก จำเป็นที่ต้องใช้เงินเงินติดสินบนหรือเลี้ยงดูออร์ค เมแพนถึงคลายความกังวลลงได้บ้าง
กับพวกดาร์คเอลฟ์ก็ไม่ต่างกันในสถานการณ์เช่นนี้ พวกดาร์คเอลฟ์ทั้งเย่อหยิ่งและไม่เต็มใจที่จะพูดคุยกับมนุษย์ การที่ได้ซื้อขายหรือฟังเรื่องราวทั่วไปดูพอจะเป็นไปได้แต่ก็ได้ประโยชน์น้อยมาก
วีดเกลียดพวกดาร์คเอลฟ์เข้าไส้ พวกเขาทั้งเรื่องมาก ทั้งขี้เกียจและยังต้องให้คอยประคบประหงมหยั่งกับคนพิการ
เมแพนถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวในป้อมปราการของดาร์คเอลฟ์ เขาจึงยินดีอย่างไม่มีอะไรจะบรรยายได้เมื่อเห็นพวกเพื่อนๆมาถึง
คำแนะนำเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับที่ราบแห่งความสิ้นหวังมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก
พวกเขาไม่ผิดหวังเลยเมื่อแกรนเบลเอ่ยออกมา
 “ถ้าพวกเจ้ามุ่งหน้าไปทางตะวันออกของเมืองนี้ เจ้าจะพบกับเทือกเขาสูงที่มีพื้นผิวขรุขระและสามารถล่ามอนสเตอร์ได้มากมาย เรื่องราวที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือมันยากเล็กน้อยที่จะปีนเทือกเขาโฮรอมด้วยการเดินเท้า แม้ข้าไม่อาจให้ข้อมูลพื้นที่บริเวณออกล่าได้แต่พวกเจ้าจะต้องตกใจเป็นแน่”
วีดออกมาจากวิหารแห่งความมืดและเห็นทุกคนทำหน้าตื่นเต้น
 “มีอะไรกันหรอ ?”
 “เอ่อ…”
เมแพนเดินออกไปและเล่าเหตุการณ์ในร้านอาวุธให้ฟัง
 “เป็นภูเขาที่สูงมาก บางทีอาจจะได้ค่าชื่อเสียงจากการปีนขึ้นไปก็ได้นะ?”
ความจริงวีดไม่ค่อยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับดาร์คเอลฟ์เท่าไรเพราะเขามัวแต่สู้กับกองทัพอมตะ เขารู้สึกว่าอาจจะได้เงินจากเรื่องนี้ก็เป็นได้
 “งั้นเราไปปีนเขาโฮรอมกันเถอะ !”
เพลไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
ไอรีนและโรมูเนะก็ไม่ได้ออกเดินทางเที่ยวเพราะค่าชื่อเสียงที่มีน้อยของพวกเธอ
สำหรับพวกเธอนี่เป็นโอกาสงามที่จะเพิ่มค่าชื่อเสียงกับตนเอง
วีดมองไปสมาชิกปาร์ตี้
 “ทุกคนเต็มใจปีนภูเขาโฮรอมกันไหม?”
 “ผมเคยแต่อยู่ริมน้ำมานาน ใช้เวลาไปกับภูเขาบ้างคงดีไม่น้อยนะพี่ชาย”
เซเฟอร์พูดเหย่าแหย่ และฮวารยองก็ยิ้มด้วย
 “ได้เดินกินลมชมวิว งั้นเราไปปีนเขากันเถอะ !”
นักดาบพูดและปรบมือชอบใจ
 “น่าสนุกดีนี่”
นักดาบ2 พูด
“ได้กินเนื้อย่างบนภูเขาคงอร่อยสุดยอด สำหรับผมน่าจะทำให้สดชื่นขึ้นด้วย ภูเขาจ๋าพี่มาแล้ว”
นักดาบ3 นักดาบ4 และนักดาบ5 ก็คิดคล้ายๆกัน ปีนี้พวกเขาไม่ค่อยได้ผจญภัยมากเท่าไหร่ การปีนภูเขาโฮรอมก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย
ถ้าคุณได้ปีนภูเขาที่สูงจริงๆ คุณก็จะมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้รอบด้าน
ทั้งปาร์ตี้ออกจากป้อมปราการของดาร์คเอลฟ์ และกำลังเบิกบานใจที่จะได้ปีนภูเขา พวกเขาเชื่อเรื่องเล่าของเจ้าของร้านอาวุธอย่างหมดใจ
 ‘แต่ยังไง เราก็กังวลอยู่ดี’
เหล่าเพื่อนๆของวีดก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันง่ายจนเกินไป
 ‘อืมม ไม่มีอะไรหรอกน่า’
ทุกคนพอใจที่ไม่มีใครเห็นแย้ง ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะพวกเขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไม่เห็นด้วย การมีค่าชื่อเสียงที่สูงจะทำให้สถานะของผู้เล่นในอาณาจักรและหมู่บ้านเป็นที่รู้จักและง่ายที่จะได้รับภารกิจ
เนื่องด้วยค่าชื่อเสียงที่สูงของวีดทำให้เขาไม่มีปัญหาใดๆในการสั่งการพวกดาร์คเอลฟ์และออร์ค
วีดพยักหน้า
 “พวกเราก็ปีนเขาขึ้นมาสูงพอควร ทุกคนคงเหนื่อยกันแล้ว งั้นเราพักกันสักแปปและค่อยมารวมกลุ่มกันอีกทีไหม?”
เพลกับคนอื่นๆต่างก็เหนื่อยไปกับการขี่ม้าข้ามทุ่งราบแห่งความสิ้นหวังมาก จนกระทั่งตอนนี้พวกเขาก็ยังแทบจะไม่ได้นอนกันเลย ความง่วงจู่โจมให้พวกเขาเข่าอ่อน
ฮวารยองรีบตอบรับอย่างเร็ว
 “ดีมากๆเลยถ้าเราจะเจอกันอีกทีหลังจากพวกเราพักผ่อนกันแล้ว”
“ในกรณีนี้เห็นด้วยมากๆ”
เพลถอนหายใจและบอกปาร์ตี้ให้มาเจอกันในอีก12ชั่วโมงให้หลังจากพักผ่อนกันแล้ว
วีดรอไม่ไหวจึงล๊อกเอ้าท์ออกจากเกมตามหลังพวกนักดาบไป

**********************


ลี ฮุนออกจากแคปซูลมาจัดการการเงินของบ้าน ซึ่งต้องละเอียดรอบคอบในการจัดการรายได้และรายจ่ายอย่างมาก ถ้ามันช่วยประหยัดให้ได้ซักวอน
 “กำไรเดือนนี้…”
ลี ฮุนมือสั่นขณะเขียนประเภทรายจ่ายในบ้าน
คนอื่นๆอาจจะซื้อไอเทมที่เขาได้มาครั้งนี้
การจัดการลิช ไชร์ที่มีเลเวลถึง 470 นั้นยากมาก ยังไม่เคยมีใครล้มมอนสเตอร์ระดับบอสที่มีความสามารถเช่นนี้ได้มาก่อน แม้จะได้ไอเทมมาแค่ 3 ชิ้น แต่ไอเทมหนังสือเวทมนต์เนโครแมนเซอร์( Necromancer’s Tome) เป็นไอเทมหายากเมื่อเปรียบเทียบกับไอเทมอีก 2 ชิ้น
อันหนึ่งก็เป็นหินเวทมนต์และไม้เท้าที่ดูไร้ประโยชน์
 “น่าจะเก็บหินเวทมนต์ไว้ดีกว่าขายนะ ถ้าไม่มีอะไรจะกินแล้วค่อยขายออกทีหลัง
…งั้นก็เหลือแต่ไม้เท้าสินะ ”
เขาตัดสินใจที่จะยังไม่ขายหินเวทมนต์จนกว่าจะได้ราคาที่พอใจ บางทีถ้าอัพโหลดขึ้นเวปไซด์ประมูลผู้คนน่าจะแห่กันมาซื้อ เหล่าช่างตีเหล็กต้องการซื้อมันแน่ๆเพราะพวกเขาจำเป็นต้องนำไปใช้ตีไอเทม !
พวกเขามีความต้องการมากที่จะเสริมพลังไอเทมซึ่งจะทำให้ขายได้ราคาดีมากขึ้น การเพิ่มทักษะตีเหล็กช่วยให้พวกเขาขายไอเทมได้ราคาดีขึ้นถึงกำไรที่ได้จะน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม
 “หรือเราจะขายไม้เท้าออกไปก่อนดี ?”
ลี ฮุนเข้าเวปไซต์ประมูล และเขียนหัวข้อขายไอเทม แต่ไม้เท้าก็ไม่น่าจะขายได้เงินมากนัก พวกพรีสน่าจะไม่ลงทุนซื้อของเพื่อความสามารถที่ไร้ค่าอย่าง เสียสละ(Sacrifice)และอุทิศตน( Devotion)  ไม้เท้านี้คงถูกใช้เมื่อยามจำเป็นเท่านั้นหากพวกเขารู้ถึงความสามารถของมัน
“ราคาไอเทมที่เราลงขายไปก่อนหน้าจะอยู่เท่าไหร่น้า?”
ลี ฮุนดูราคาไอเทมต่างๆโดยไม่ได้คาดหวังไว้สูง เขายอมยกธงขาวไปก่อนหน้านี้เนื่องจากพวกคนซื้อที่ชอบป่วนเพิ่มราคาให้ไอเทมเขาเพียง  1 วอน
ที่จริงไม่มีข้อบังคับให้คงการประมูลไว้จนกว่าจะถึงเวลาที่ตั้งไว้ เพียงแค่ตั้งราคาที่ต้องการไว้ล่วงหน้าเมื่อราคาที่ประมูลขึ้นไปถึงที่ก็จะมีการซื้อขายกันทันที โดยทั่วไปถ้าตั้งราคาไอเทมไว้ที่ราคาตลาดไอเทมจะถูกขายไปภายใน 1 ชั่วโมง
แต่เพื่อที่จะให้ได้เงินเพิ่มขึ้นแม้เพียงแค่วอนเดียว ลี ฮุนจึงไม่ได้ตั้งราคาที่ต้องการเอาไว้  การเพิ่มราคาเล่นๆไปทีละ 1 วอนเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเค้าเล่นกัน
 “ตอนนี้น่าจะเกิน 5,000 วอนแล้วสินะ ?”
ลี ฮุนคิดถึงข้อเท็จจริงโดยทั่วไปก่อนที่จะเข้าดูราคาไอเทม
ดาบใบหนา (Glaives) และผ้าคาดผมเอลฟ์ (Elf Headbands) ราคาขยับขึ้นมากกว่า 1 วอนนิดหน่อย
ทีแรกคนที่จะซื้อดาบใบหนา(Glaives) คงมีไม่มากนัก เขาเลยไม่หวังที่จะขายได้ราคาแพง ถ้าผ้าคาดผมเอลฟ์(Elf Headbands)ขายได้แพงเท่าที่ต้องการเขาเดาว่าน่าจะขายได้อย่างน้อยก็ 300,000 วอน
แต่ก็มีไอเทมรายการหนึ่งเตะตาเข้าอย่างรุนแรง
กงเล็บมิโนทอร์ (Minotaur's claw) : จำนวนครั้งที่ประมูล 6  ราคา 30,000,000 วอน
 “อะไรกันเนี่ย”
ไม่มีคำอุทานใดออกมาจากปากลี ฮุน จะมีการแกล้งประมูลคงทำไม่ได้เพราะ 10 %ของ จำนวนเงินที่ประมูลจะถูกหักเก็บไว้ทันที
 “ตั้ง 30 ล้านวอน?”
ลี ฮุนคิดว่าคงเป็นการล้อกันเล่นแต่เขาก็รีบกดตกลงขายไอเทมทันที เขาตัดสินใจขายไอเทมให้ผู้ซื้อในราคาที่ไม่น้อยกว่า 30 ล้านวอนแม้อีกฝ่ายจะไม่ซื้อจริงเขาก็ยังได้เงิน 10% ที่หักไว้คือ 3ล้านวอน
 “ได้มา 3 ล้านวอน”
ลี ฮุนจดบันทึกรายรับเข้าสมุดบัญชีของบ้านทันที
*กริ๊ง กริ๊ง!*
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ลี ฮุนรู้สึกไม่ค่อยดีและคิดว่าจะรับสายดีไหม
 ‘คงไม่ใช่จะโทรมาบอกว่าเป็นข้อผิดพลาดและยกเลิกการประมูลหรอกนะ’
มันอาจจะเป็นสายอย่างนั้นก็ได้ เขาถึงกับกัดเล็บและตอบรับไปด้วยใจระทึก

 “สวัสดีครับ”
-อาา ผมเป็นคนชนะการประมูลกรงเล็บมิโนทอร์ (Minotaur’s Claws) นะครับ คุณใช่คนที่ขายไอเทมนี้บนเวปไซต์ไหมครับ?”
เสียงผ่านสายโทรศัพท์ปนไปด้วยความร้อนรน สายตาลี ฮุนถึงกับมืดมน
 ‘ใช่จริงด้วย !’
เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาคิดว่าคนซื้อคงจะมายกเลิกการประมูลมากกว่าจะมาดำเนินการซื้อขายต่อ ลี ฮุนตอบกลับไปด้วยเสียงสูง
 “คุณพูดอะไรกัน ผมไม่เห็นรู้เรื่องเล้ย !”
ไหวพริบของลี ฮุนทำงานทันที ด้วยคำพูดเช่นนี้ปกติจะต้องวางสายไปแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมหยุดตื้อ
-มีใครเล่นรอยัลโรดบ้างไหมครับ ?
 “ห๊า ? อะไรโรดๆนะครับ ?”
- รอยัลโรดครับ ใช้ชื่อตัวละครว่าวีด มีคนเล่นเกมนี้บ้างไหมครับ ?”
ลี ฮุนตอบกลับไปอย่างทื่อๆ
 “ผมไม่รู้เลยครับ”
-ไม่น่าจะผิดเบอร์นะครับ”
 “ผมไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร แต่ตอนนี้ผมกำลังยุ่ง ผมคงต้องวางสายละครับ”
-รอเดี๋ยวครับ ! ไอเทมนี้ซื้อขายกันในราคาสูง มันต้องไม่ผิดเบอร์แน่ครับ
"..."
ด้วยเหตุผลของอีกฝ่ายที่พูดเกี่ยวกับเขา ลี ฮุนถึงกับลังเลและยังไม่ตอบอะไรไป
-ตอนนี้ผมต้องการที่จะพูดกับเขาโดยด่วนเลยครับ ถ้าเขาไม่อยู่ช่วยบอกให้เขาโทรกลับมาหาผมได้ทุกเวลา ช่วงนี้ผมคงพักผ่อนน้อยเลยลืมแนะนำตัวเองไป ผมคือผู้อำนวยการของ KMC มีเดีย คัง ฮันโซ ครับ
“KMC มีเดียเหรอครับ?”
หายากมากที่คนเล่นรอยัลโรดจะไม่รู้จักบริษัทถ่ายทอดที่ได้รับความนิยมอย่างสูง
-ผมต้องการที่จะพูดกับคนที่ใช้ชื่อตัวละครว่า วีด จริงๆนะครับ รบกวนคุณช่วยติดต่อเขาได้ไหมครับ ?
คำขอครั้งที่สอง
ในหัวของลี ฮุนกำลังปั่นป่วน
 ‘คำพูดของเขาไม่น่าจะเป็นการขอยกเลิกการประมูล’
เขารู้สึกว่าดูเหมือนเป็นการติดต่อธุรกิจสำคัญเสียมากกว่า ลี ฮุนสับสนอยู่พักหนึ่งจึงตัดสินใจไป
 “ผมลี ฮุน ครับ ผมใช้ชื่อตัวละครว่าวีด ในรอยัลโรด”
-โอ้ อย่างนี้นี่เอง แต่ก่อนหน้านี้ทำไม ?
"..."
-เอ่ออ ช่างมันเถอะครับ ผมต้องการพูดเรื่องสำคัญกับคุณ
 “เชิญเลยครับ”
-ผมว่าเราไม่ควรพูดเรื่องนี้กันทางโทรศัพท์ คุณจะว่ายังไงถ้าจะมาคุยกันที่สถานีถ่ายทอด ?
ลี ฮุนตอบไปในทันที
 “คงจะยาก”
-อะไรนะครับ?
 “มันไกลเกินไป แถมต้องเสียค่าเดินทางแพงและผมต้องเปลี่ยนรถเมล์ถึงสามครั้งเลยกว่าจะไปถึง”
เขาจะไม่จ่ายค่าเดินทางถ้าหลีกเลี่ยงได้ ด้วยคำพูดของลี ฮุน อีกฝ่ายถึงกับใบ้กินไปชั่วครู่แต่ไม่นานก็มีเสียงตอบกลับมา
-เอาแบบนี้…ช่วยบอกที่อยู่ให้ผมทีและผมจะสั่งรถไปรับคุณ คุณจะนั่งรถมาได้ไหมครับ ?”
 “แบบนี้ค่อยดีหน่อยครับ”
-อีกเดี๋ยวเจอกันครับ

เล่มที่ 7 ตอนที่ 6 : จบ

*******************************



<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

3 ความคิดเห็น: