วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 7 ตอนที่ 8 เส้นทางมรณะ (Trail of Death)

เล่มที่ 7 ตอนที่ 8 เส้นทางมรณะ (Trail of Death)

(ผู้แปล : เนื้อหาในตอนนี้นั้นมีผู้แปล 2 ท่านช่วยกันแปลครับ  โดยในครึ่งแรกจะเป็นคุณ kowkow และในส่วนของครึ่งหลังจะเป็นผม wink1188)

เมื่อวีดเข้าเกม เพล ไอรีน และเมแพนผู้ขยันขันแข็งก็อยู่ในเกมกันก่อนแล้ว ไม่นานโรมุนะ เซอร์กะ ฮวารยอง เซเฟอ และนักดาบทั้งหลายก็เข้าเกมตามมา
“เอาล่ะ พวกเราจะทำอะไรกันดี”
เพลมองไปที่วีด  วีดในตอนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่ต้องทำเป็นพิเศษ เขาจึงเอ่ยถึงเรื่องทั่ว ๆ ไป
“เราควรจัดเตรียมอุปกรณ์จำเป็นสำหรับทริปที่จะไปเขาโฮรอม เรายังขาดอะไรอีกมั้ย”
“ขนมกินเล่น! พวกเราน่าจะซื้อของกินไปเยอะ ๆ”
นักดาบได้แสดงความเห็น ซึ่งในเวลาไม่นานความเห็นนี้ก็ได้รับมติเอกฉันท์ ไอรีน เซอร์กะ ล้วนคิดถึงทักษะทำอาหารของวีดจับใจ
“มันก็นานแล้วน้าที่เรากินอาหารที่วีดทำให้พวกเราน่ะ”
“จริง เราต้องการอาหารแสนอร่อยของวีด”
“ถ้าไปที่ภูเขาล่ะก็กินเนื้อจะเลิศที่สุดใช่ไหมนะ”
ความอยากอาหารของเซเฟอร์พุ่งขึ้นทันที นักดาบ 3 ได้ตบบ่าของเขา
“ฮุ ฮุ ดูเหมือนว่าเธอเองก็รู้ถึงรสชาติของเนื้อว่ามันเป็นยังไงสินะ”
“แน่นอน เนื้อจะยิ่งอร่อยขึ้นถ้าได้กินในพื้นที่เปิดโล่ง มากกว่าจะกินอยู่คนเดียวที่บ้านไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ ใช่เลย นั่นล่ะถูกต้อง”
เซเฟอร์ กับนักดาบมีความเห็นเหมือนกันในเรื่องกิน
นักตกปลาของแท้และดั้งเดิมเซเฟอร์!  ที่จริงแล้ว ไม่มีทางเลยที่คุณจะเป็นนักตกปลาได้ถ้าคุณขี้เกียจ
คุณจะต้องนั่งอยู่ในที่แห่งนึงตกปลาอย่างรื่นรมไปพร้อมกับ ๆ การกินอาหารที่ทำขึ้นมาจากปลา
เซเฟอร์ยังคงจำอาหารทุกจานที่วีดทำได้
วีดตัดสินใจตามน้ำไปกับความเห็นที่กำลังจู่โจมเข้ามาจากทั้งปาร์ตี้
“งั้นผมจะไปซื้อเครื่องปรุงกับอุปกรณ์ทำอาหารนะ”
“ผมจะนำทางคุณไปเอง”
แมเพน จำร้านในปราการของดาร์คเอลฟ์ได้อย่างแม่นยำ ในฐานะที่เป็นพ่อค้าคนหนึ่งนี่เป็นความสามารถที่จำเป็นต้องมี วีดและเมเพน เดินรอบปราสาทของดาร์คเอลฟ์รอบหนึ่ง สินค้าที่ซื้อเป็นเครื่องเทศเครื่องปรุง ในปริมาณ 2 เท่าของที่ต้องใช้ใน 1 วัน
 “เราไปหาเนื้อกันที่นั่นก็ได้ ไม่ต้องซื้อไปทุกอย่างหรอก เนื้อสด ๆ อร่อยนะ”
เป็นความเห็นจากนักดาบ แต่ตัววีดเองก็ไม่ค่อยได้ซื้อวัตถุดิบจากร้านเป็นประจำอยู่แล้ว
“งั้นพวกเราก็พร้อมละนะ”
ปาร์ตี้ของวีดออกเดินทางจากปราสาทของดาร์คเอลฟ์เหมือนจะไปปิกนิกกัน
“เอาล่ะ ออกเดินทางได้”
“ฮ้า ปีนเขาล่ะ! ปีนเขา”
“ไปกันเลย ไปกินเนื้อย่างกัน!”
ปาร์ตี้มุ่งหน้าไปทางเขาโฮรอมอย่างกระตือรือร้น
การไต่เขานั้นเป็นเรื่องที่เพลิดเพลินยิ่ง สายลมเย็นที่โชยพัดผ่าน มวลดอกไม้ล้วนเบ่งบานอยู่รอบกาย
ผีเสื้อบินผ่าน วิหคขับขาน
“รู้สึกเหมือนพวกเรามาเล่นกันเลยเนอะ”
ฮวารยองมีความสุขมาก ความรู้สึกที่ได้เดินเล่นไปบนภูเขานั้นเป็นอะไรที่สุดยอด!
เดินทอดไปตามทางที่สร้างขึ้นระหว่างต้นไม้อย่างระมัดระวัง เดินเรียงตามกันไป พร้อมกับเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในระหว่างเดิน นี่น่าจะกลายเป็นความทรงจำที่ดีสำหรับเธอ
ทุก ๆ คนต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
‘ใครเล่าจะรู้ว่ามีที่ที่แสนจะสงบสุขแบบนี้’
‘พวกเราเอาแต่พยายามเพิ่มระดับกันจนใช้ชีวิตโดดเดี่ยวเกินไป’
‘เราควรจะมีเวลาแบบนี้’
‘เดินไปพร้อม ๆ กับการได้ค่าชื่อเสียงและก็ข้อมูลข่าวสารก็ไม่เลวนะ’ [tlnote; นี่มันความคิดใครรู้กันอยู่แล้วใช่มะ?]
ตอนนั้นเองเซอร์กะก็ประทับใจที่ได้เห็นหลุมลึกอยู่บนพื้น
“ว้าว เจ๋งอะ! หลุมใหญ่ขนาดนี้บนภูเขาเนี่ยนะ”
วีดตอบกลับมาด้วยเสียงเรื่อยๆ ว่า
“มันเป็นรอยเท้าของมอนสเตอร์”
“นะ นี่ คือรอยเท้าเหรอ”
“ใช่”
พอพวกเขาเดินทางไปได้อีกหน่อย ต้นไม้ล้วนกระจัดกระจายไปทั่ว
“นี่คือความลึกลับของธรรมชาติสินะ มันมีพายุเพิ่งพัดผ่านไปรึไงน้า”
วีดกวาดตามองไปประเมินสถานการณ์ มันเป็นลักษณะที่เขาคุ้นเคย
“มีมอนสเตอร์ต่อสู้กันที่นี่”
“มอนสเตอร์เนี่ยนะ”
“ดูจากความเสียหายแล้วเป็นการต่อสู้ระหว่างมอนสเตอร์ระดับกลาง”
“อึ้ก”
ปาร์ตี้ของวีดเริ่มจะมองเห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้เริ่มร้ายแรงแล้ว
‘พวกเราอยู่ในเขตเขายุโรกิ’
ที่อาณาจักรโรเซนไฮม์ค่อนข้างจะเป็นพื้นที่ปลอดภัย อย่างน้อย ๆ โอกาสตายที่นั่นก็ต่ำมาก แต่ในเขตของเขายุโรกินั้น แค่อยู่เฉย ๆ คุณก็จัดว่าเสี่ยงชีวิตแล้ว
“ผมจะไปสำรวจรอบ ๆ”
เพลออกนำไปก่อน เซเฟอร์กับเซอร์กะตามออกไปด้วยโดยยังอยู่ในระยะแวดล้อม เพื่อให้เมื่อมอนสเตอร์ปรากฏ พวกเขาก็จะจัดเต็มได้ทันที นักดาบทั้งหลายก็หยิบดาบออกมาเตรียมพร้อม
วีดไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามสิ่งที่ปาร์ตี้กำลังทำอยู่แต่อย่างใด ในเขตแดนของดาร์คเอลฟ์กับออร์คนั้น ไม่ค่อยมีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมากนัก มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งจริง ๆ จะปรากฏออกมาห่าง ๆ ในพื้นที่ห่างไกลจากระยะภูเขา
พวกที่อันตรายจริง ๆ เองก็อาศัยอยู่ในป่าแดงหรือไม่ก็ตามแถบช่องเขา
ระหว่างที่ออกล่ากับพวกออร์ค วีดได้รู้เกี่ยวกับอันตรายทั้งหลายในเขตเขายุโรกิ ถึงจะมีที่ที่เขาไม่ได้ไปอยู่หลายที่แต่เขาเองก็จำได้ว่ามอนสเตอร์ประเภทไหนที่อยู่ในแถบนั้น
‘เขาบอกกันว่าเยติอาศัยอยู่ในเขาโฮรอม ก่อนนี้พวกเราเองก็เคยสู้กับเยติที่นั่น’
ออร์คอาวุโสไม่เคยพูดถึงเขาโฮรอมเลย พวกเขาบอกว่าทางที่นี่เดินยากลำบากแถมยังมีมอนสเตอร์น้อยด้วย
‘ก็นะ เยติเองก็ไม่ได้ล่าลำบากอะไรนัก’
วีดสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างอิสระเพราะเขาเองได้ข้อมูลเกี่ยวกับเขาโฮรอมมาอยู่แล้ว
คุณจะพบเขาโฮรอมได้ง่ายมากจากการที่มันมีต้นไม้ประหลาดๆ และก็หินจำนวนมาก
การเคลื่อนตัวของปาร์ตี้ดูไม่ต่างไปจากการมาเดินเล่น!
พวกเขาเคยคิดว่าเขาโฮรอมไม่ต่างไปจากเนินข้างบ้านแต่เมื่อได้เห็นภูเขานี้จริง ๆ แล้ว ความสูงของมันช่างยิ่งใหญ่เหลือคณา
ขนาดแหงนคอมองขึ้นไปแล้วก็ยังมองไม่เห็นยอด มันถูกเมฆหมอกโอบล้อมไว้
“สูงน่าดูเลยนะเนี่ย”
ความชันเองก็จัดได้ว่าชันจนดูอันตราย มันเหมือนกับว่าพวกเขาพยายามปีนบันไดขึ้นไปเลย มันเป็นเขาที่เต็มไปด้วยหินมากกว่าต้นไม้เสียอีก
“ว้าว! ถ้าพวกเราปีนไปถึงยอดได้ล่ะก็ วิวมันต้องสุดยอดแน่ ๆ”
ทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดของฮวารยอง
‘เราจะมองเห็นวิวไปตลอดทางขึ้นเขา’
‘ถึงแสงอาทิตย์จะร้อนมากแต่ลมเย็นสดชื่น เป็นสภาพอากาศชั้นยอดสำหรับการปีนเขา’
ปาร์ตี้ของวีดเริ่มการไต่เขา
ตอนนี้ผ่านไป 2 ชั่วโมงแล้วนับจากที่พวกเขาเข้าเขตภูเขามา
ไม่พบเห็นมอนสเตอร์เลยไม่ว่าตรงไหน พวกเขาจึงได้แต่ปีนขึ้นไปเรื่อย ๆ
นักดาบยืดตัวแล้วก็พูดออกมาอย่างเบื่อ ๆ
“วีด”
“ครับ”
“พวกเราควรจะเริ่มกินอะไรกันได้แล้วล่ะพวกเราปีนกันมาไกลมากแล้วนี่ หรือเราควรจะไปกินที่ยอด...”
“งั้นหรือครับ”
วีดมองไปรอบๆ ทุกคนต่างดูหิวโหยทันทีที่ได้ยินนักดาบพูดจึงพากันทิ้งตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง
“งั้นเราก็ควรกินกันที่นี่ครับ”
“ไอรีน ฮวารยอง ช่วยกันเตรียมย่างเนื้อหน่อย เมแพนช่วยไปหาไม้ฟืนให้ทีครับ เซเฟอร์เตรียมจาน แล้วถ้าเพลช่วยจุดไฟด้วยล่ะก็จะดีมากเลย”
“โอ้!”
ทุกคนต่างรีบเตรียมการเพื่อที่จะได้กินอาหาร
กองไฟถูกก่อขึ้น เนื้อจากปราสาทดาร์คเอล์ฟก็ถูกจัดเตรียมอย่างว่องไว เซอร์กะพูดถึงบางอย่างที่ขาดหายไป ในขณะที่ทุกคนต่างรีบร้อนเตรียมจะกิน!
“ว่าแต่ เราจะกินแต่เนื้อเหรอ”
“ไม่ ในเมื่อเรามาไกลถึงภูเขาอย่างนี้เราก็ต้องกินก๋วยเตี๋ยว!”
“ก๋วยเตี๋ยวเนี่ยนะ เราจะไปหามันจากที่ไหนได้”
“รอแป๊บนะ ผมจะทำมันขึ้นมาอย่างไวเลย”
วีดใส่ผักที่เก็บได้จากภูเขาและเนื้อลงไปต้มในหม้อ เขากำลังทำน้ำซุป
จากนั้นก็นวดแป้งอย่างไม่หยุดหย่อน
*ทะทะ ทั่ก!*
สัมผัสของวีดที่นวดแป้ง!
แป้งที่ผสมกับน้ำถูกนวด และเมื่อนวดจนเริ่มได้ที่วีดก็จัดการปั่นมัน แล้วยืดมันออกให้เส้นยาวขึ้น
เขาทำเส้นราเม็ง
เส้นสดที่ทำนั้นมีรสเปรี้ยวและอุดมไปด้วยพลังแห่งธรรมชาติ วีดใส่เส้นลงไปในน้ำเดือดแล้วรออีกสักพัก
“เอาล่ะ กินซะก่อนมันจะอืด”
“ว้าว น่าอร่อยมากเลย”
ในจังหวะที่เซอร์กะกำลังจะยื่นตะเกียบของตนออกไปคีบอย่างไวนั้น... เหล่านักดาบได้จ้วงชามทั้งใบลงไป...
“นี่มันช่างยอดจริง ๆ”
“เราได้กินราเมนในภูเขา”
“ใช่เลยครับท่านอาจารย์! มันยังจะมีอะไรที่ดีไปกว่าการได้กินเนื้อย่าง กับราเมนในภูเขาอีก”
“สดชื่นจริงๆ  เจ๋งไปเลย!”
อาหารของวีดช่างเป็นที่นิยม!
ในภูเขา ราเมนกับเนื้อและซุปสดใหม่นั้นเจ๋งที่สุด
“หยับ หยับ แต่ว่าท่านอาจารย์”
“มีอะไรหรือ นักดาบ2”
“ถ้ายังกินกันแบบนี้พวกเราจะกินอาหารทั้งหมดที่มีนะครับ”
สำหรับเหล่านักดาบผู้ซึ่งเคยกินเพียงขนมปังบาเล่ และอดตายนั้น พวกเขาล้วนอ่อนไหวต่อปริมาณอาหารที่เหลือ
“ไม่เป็นไร พวกเรามีวีด”[จารย์]
“ใช่เลย”
“กินให้เต็มที่ไม่ต้องห่วงอะไร”[จารย์]
“ครับ อาจารย์”
ปราศจากความละอายใด เหล่านักดาบกินอาหารจนไม่เหลือหลอ
คนที่เหลือก็กินมากเป็น 2-3 เท่าของปกติ พวกเขาออกมาปิกนิกก็เลยกินมากกว่าเดิม
“ฉันกินได้เยอะมากเบย คุคุ”
ด้วยพุงที่ป่องออกมา ปาร์ตี้ต่างมีความสุข
“งั้นเราก็ไปปีนเขากันต่อเนอะ”
เหล่านักดาบยืนขึ้นและออกนำ
คราวนี้ บรรยากาศเคร่งเครียดรอบตัวทุกคนก็เบาบางลง ก็นี่มันเป็นแค่ภูเขานี่นะ ไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ ทีละก้าว ทีละก้าว พวกเราก็จะถึงยอดโดยปลอดภัย
แต่ทันใดนั้นเองหมอกหนาก็ปกคลุมไปทั่ว และไม่นานนักเมฆก็เข้ามาอยู่ในระยะสายตา
“ชื้นจัง”
ฮวารยองเหยียดแขนทั้งสองข้างของเธอออกไป
“สดชื่นดีจริง”
เซเฟอร์เองก็ปาดหน้าผากของเขาแต่มันไม่ใช่เหงื่อ มันคือความชื้นระดับสูงในบรรยากาศ
“น้ำนี่เย็นแล้วก็สดชื่นจริง ๆ ถ้าเมลอนมาที่นี่กับผมล่ะก็ มันจะยอดมากแน่นอน”
เพลเอ่ยออกมาอย่างแสนเสียดาย
พื้นที่หมอกนี่ให้ความรู้สึกเหมือนมีมนต์ขลัง ถ้าคุณมากับคู่รักล่ะก็ มันจะกลายเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุดแน่นอน พอพวกเขาผ่านพ้นพื้นที่หมอกมาได้ สภาพโดยรอบก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง
วีดมองไปที่ยอด
“พวกเราคงใกล้ถึงยอดแล้วล่ะ... เฮ้ย!”
ทุกคนต่างคิดว่าตัวเองใกล้ถึงยอดเขาแล้วแต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ยังไม่เห็นยอดอยู่ดี
เมฆหมอกล้วนบังตา!
ทุกคนต่างได้เห็นภาพอันสวยงามของภูเขาที่ตั้งอยู่บนก้อนเมฆ
แม้ว่าพวกเขาจะคิดว่าตัวเองเดินมานานแล้ว แต่ก็คงจะกล่าวได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึงยอด ในจุดที่หิมะปกคลุมนั้น มีเยติอยู่ที่นั่น
ผาสูงชัน!
ความชันของภูเขาแทบจะตั้งฉากสูงขึ้นไป!
และในระหว่างทางนั้นเยติก็อาศัยอยู่ที่นั่น เพราะว่ามีเยติอยู่นั่นเอง พวกเขาจึงไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
‘เพราะอย่างนี้นี่เองมาจนถึงนี่ถึงไม่เห็นมอนสเตอร์เลย’
เยติยักษ์ขนสีขาวพร้อมจะเผชิญหน้ากับผู้บุกรุกแล้ว
“จากตรงนี้ไป เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ด้วยครับ”
วีดรับอุปกรณ์ของทั้งปาร์ตี้มา
ลับดาบ ขัดชุดเกราะ และรีดผ้า
สกิลหัตถกรรมช่วยเพิ่มผลลัพธ์ให้ทุกความสามารถของวีด
และเนื่องมาจากทุกคนกินอาหารกันมาแล้ว ทั้งค่าความแข็งแกร่ง ความอึด ล้วนมีค่าเต็ม เหมาะกับการลุย
“เอาล่ะ ไอรีน ช่วยแจกเบลส ให้พวกเราด้วย เพลดึงพวกมันมาด้วยธนู จากนั้นพวกเราก็สู้ให้สอดคล้องกัน”
การต่อสู้จะเริ่มขึ้นแล้ว!
เพลยิงธนูออกไป เยติ 3 ตัวก็ถูกยั่วยุ
“คุวุวุวุ”
“คุลุคคุลุค”
เยติระดับ 340!
แต่มันต่างมอนสเตอร์ที่เขาออกล่ากับซอยูน
“กาโอกาโอ”
ด้วยดาบของเขา วีดป้องกันการโจมตีของเยติขนขาว แต่ความเย็นกลับส่งผ่านมาที่ตัวเขา
ร่างกายของคุณถูกแช่เข็ง
ความแข็งแกร่งลดลง
ความเร็วในการโจมตีและเคลื่อนที่ลดลง
ผลลัพธ์เพิ่มเติม
:คุณจะจับไข้ได้ง่ายขึ้น
:ในกรณีร้ายแรงคุณจะแข็งตาย

เยติระดับสูงแต่ละตัวมีความสามารถในการส่งผ่านความเย็น   แม้อากาศช่วงนี้นั้นอบอุ่น   แต่เมื่อขึ้นไปสูงขึ้นบนเขา  ความสามารถของเยติก็ดูจะรุนแรงขึ้น   ซึ่งก็แน่นอน เพราะว่าที่นี่รังของเยตินั่นเอง!

*จึ๊ก จึ๊ก*
ดาบของวีดที่ปะทะเข้ากับกรงเล็บของเยติกลายเป็นน้ำแข็ง
“ระวังกรงเล็บของเยติด้วย!”
ต่อให้ไม่ต้องร้องเตือน  สมาชิกปาร์ตี้ที่เหลือตอนนี้ก็สู้กันอย่างลำบากแล้ว ทุกครั้งที่เยติโจมตีใส่ พวกเขาก็จะรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็น การโจมตีที่ผสานความเสียหายจากความเย็นนั้น ช่างน่าหวั่นกลัว   มันสร้างความเสียหายให้กับความแข็งแกร่ง พลังชีวิตในทันที  และยังทำให้คุณขยับตัวช้าลงด้วย
“เบลส!”
“ทำไมมันหนาวแบบนี้เนี่ย”
“เห แต่มันสดชื่นออกนะ”
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะหนาว แต่เหล่านักดาบกลับยินดีกับเรื่องนี้
อีกฝั่งของทวีปเวอร์เซลล์ ข้ามทุ่งหญ้าแห่งความสิ้นหวังไปผู้คนต่างต้องทนกับสภาพอากาศที่แผดเผาทำลาย แต่สำหรับคนบางคนที่โจมตีโดยมีเหงื่อท่วมตัว ก็อาจจะรู้สึกดีขึ้นมาได้เหมือนกัน
*แสยะ!*
นักดาบ 3 กับ 5 สบตากัน  หลังจากคบหากันมาหลายปี   พวกเขาก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายได้ทันที
‘ตูด้านหน้า’
‘งั้นตูเข้าข้างหลังเอง’
นักดาบ 3 กับ 5 รุมเยติ 1 ตัว
คนนึงกระโดดไปอยู่ข้างหน้า อีกคนไปด้านหลัง   ทั้งสองคนหลบเลี่ยงกรงเล็บของเยติ และโจมตีเยติอย่างไร้ปรานีจนเยติตัวนั้นตกตายไป

ช่างเป็นวิธีการต่อสู้ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน!
นักดาบ 3 เข้าเผชิญหน้ากับเยติโดยตรง  เขาโจมตีร่างกายอันใหญ่โตของมันไปพร้อมกับหลบกรงเล็บ
เขาถูกบังคับให้ใช้ดาบโจมตีมุมต่าง ๆ ของเยติ ไปพร้อมๆกับพยายามลดความเสียหายที่จะได้รับจากมัน
หากได้เห็นฉากนี้  ไม่ว่าใครก็ต้องประทับใจ

ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โตของเยติ นักดาบ 3 จำต้องหลบการโจมตีของมันและอาศัยโอกาสในเสี้ยววินาทีสวนกลับไป!
การโจมตีอย่างรุนแรงแค่เพียงครั้งเดียวของเยติ  ถ้าโดนเขาก็ตายแล้ว มันเป็นการกระทำที่อันตรายพอ ๆ กับเดินไต่เชือก
แต่ถึงอย่างนั้น  ทุกครั้งที่นักดาบ 3 โจมตีกลับได้สำเร็จ  ทุกคนต่างก็รู้สึกชื่นชม
“ว้าว เท่สุด ๆ เลย”
นักดาบกลายเป็นคนที่ทนทานและต่อต้านความเจ็บปวดได้!

ถ้าคุณได้รับการโจมตีตรง ๆ ในรอยัลโรดคุณก็จะรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด ถึงแม้ว่าความเจ็บที่ได้รับจะมีแค่ 20% ของของจริง แต่มันก็มากพอจะทำให้คนรู้สึกเหมือนโดนต่อยและเจ็บปวด
แต่ในโลกจริงนั้น นักดาบ 3 เคยมีประสบการณ์โดนอัดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน  ดังนั้นเขาจึงสามารถหัวเราะให้กับความเจ็บปวดเพียงเช่นนี้
นักดาบโจมตีเยติอย่างไม่หยุดยั้ง
“ฟัน ฟัน แทง”
เขาเล็งแต่จุดตาย เช่นกระดูกสันหลัง ไม่ก็ท้ายทอย!
นักดาบฟาดฟันลงไปอย่างกระตือรือร้น   พลังโจมตีของเขาเองก็ดูจะรุนแรงขึ้น
“สนุกจริง ๆ”
“เราก็ควรจะสู้ด้วย”

หลังจากเห็นฉากนั้น   นักดาบ  2  และ 4   ก็ย่องไปเข้าข้างหลังเยติ
นักดาบ 3 เห็นดังนั้นก็ร้องค้านออกมาตาขวาง
“ถ้าจะมาช่วยล่ะก็ มาด้านหน้าสิว้อย!”
“โทษที พอดีโจมตีจากด้านหลังมันดูน่าสนุกกว่าอ่ะ” [tlnote: พวกแกเป็นนักดาบหรืออะไรฟะเข้าข้างหลังเนี่ย]
“นายสู้ได้ดีอยู่แล้วนะ พวกเราก็เลยคิดว่านายคงไม่ต้องการให้พวกเราไปช่วยหรอก พวกเรารู้ว่านายชนะมอนสเตอร์นั่นได้แน่ ๆ”
“ใช่เลยเพื่อน”
นักดาบ 2 4 5  โจมตีหลังของเยติอย่างรุนแรง เยติที่กำลังโกรธเคืองเปลี่ยนแผนของมัน พอโดนโจมตีอีกทีมันก็หันหลังไป
นักดาบ 3 ดึงความสนใจของเยติและเปลี่ยนไปอยู่ในท่าป้องกัน   การทำเช่นนี้ทำให้พลังชีวิตของเขาลดลงเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ ดาบและเท้าของเขาแข็งไปแล้ว    ตอนนี้ความเสียหายแค่เล็กน้อยก็อาจจะกลายเป็นแผลร้ายแรงได้

ถ้าไม่ใช่เพราะ ได้รับเบลสมาจากไอรีนและวีดช่วยขัดเกราะให้ เขาคงตายไปนานแล้ว
นักดาบ 3 สู้กับเยติบนเส้นแบ่งความเป็นกับความตาย!

พลังอันน่าเหลือเชื่อของนักดาบ 2 4 5 ที่โจมตีซ้ำไปซ้ำมาที่เดิมในเวลาเดียวกันได้ฆ่าเยติลง
*ตึง!*
ร่างอันไร้ชีวิตของเยติก็ร่วงหล่นสู้พื้น
“ว้าว พวกเราชนะ!”
สภาพของนักดาบ 3 ตอนนี้น้ำแข็งจับไปยันฝักดาบ แถมแข็งไปทั้งขา ขยับตัวก็ไม่ได้
ในขณะที่พวกเขาสู้กับ เยติ หนึ่งตัว วีดกับท่านอาจารย์เองก็สู้เหมือนกัน ด้วยแทคติกเดียวกัน กับที่พวกนักดาบใช้
“ผมจะจัดการด้านหน้าเองครับ”
“เอาเลย ทำตามที่ต้องการเถอะ”
ความทนทานของวีดทะลุ 400 ไปแล้ว มันเป็นตัวเลขที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้ ถึงเยติจะตบวีดไปหลายที แต่วีดก็ทนได้ มันทำได้แค่สะกิดวีดเท่านั้นเอง

วีดเห็นรูปแบบการโจมตีของเยติมาแล้วเมื่อตอนที่เดินทางกับซอยูน มันอันตราย   แต่เขาก็สามารถ 1 : 1 กับเยติได้        สิ่งที่เขาต้องทำก็แค่รับมือกับความเย็น และที่เหลือจากนั้นก็เป็นงานง่ายแล้ว
เมื่อวีดเข้าโจมตีเยติ ท่านอาจารย์นักดาบ ก็จะชักดาบออกมาและฟาดดาบลงไปที่เดียวกัน แต่แทนที่เยติจะโจมตีเบา ๆ อย่างต่อเนื่อง   มันกลับโจมตีวีดด้วยท่าใหญ่ ๆ แรง ๆ   ซึ่งในจังหวะนั้นเองนักดาบก็ฟันเข้าไปที่หัวของมัน แล้วเยติตัวนั้นก็ตายลง
วีดเองก็ป้องกันไปพร้อมกับการสวนกลับ ดังนั้นแค่ 2 คนก็ปราบเยติได้แบบราบลื่น
ส่วนเยติตัวสุดท้าย เซเฟอร์รับดาเมจไว้ในขณะที่เพล โรมุนะ ฮวารยองและเซอร์กะ ต่างจู่โจม
เยติเป็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมากพอที่จะรับความเสียหายทั้งหมดนั้นไว้ได้ การเต้นของฮวารยองก็ไม่ได้มีผลกับมัน การฆ่าเยติจึงใช้เวลามากพอตัว
แต่เยติก็ค่อย ๆ สิ้นพลังชีวิตอย่างช้าๆ และในที่สุดมันก็ตาย     เยติ ทั้ง 3 ถูกล้มลงแล้ว!
พวกเรา ชนะแล้ว!

การพิชิตมอนสเตอร์ที่ยากลำบาก!
มอนสเตอร์ที่ทรงพลังได้ถูกล่าแล้ว!
เป็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งขนาดที่ว่าถ้าพวกเขาไม่ร่วมพลังกัน คงเป็นไม่ได้เลยที่จะฆ่าเยติพวกนี้ได้
เมแพนเงยหัวขึ้นมา
‘แน่นอนว่าในฐานะพ่อค้าผมก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากหลบ’
ถ้าได้มองวีดสู้ล่ะก็ เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะไม่หลงใหลมัน
ภาพที่เขารับมือเยติพร้อมกัน 3 ตัวมันยิ่งกว่าคำว่าสุดยอด

ต่อให้เป็นวีดที่แม้จะได้รับเบลสซิ่งมาจากไอรีนก็ตาม  การต่อสู้กับเยติก็ยังเป็นงานที่ยากลำบากอยู่ดี   แถบ hp ของวีดค่อย ๆ ลดลง   แต่ของเยตินั้นลดเร็วกว่าและมันตายก่อน

ถ้าหากเยติตัวอื่นเข้ามาโจมตีวีดตอนที่เขากำลังสู้อยู่   ฮวารยองกับเพลจะเข้าจัดการมัน
อย่างไรก็ตาม   นักดาบ 3 วีดและเซเฟอร์แยกเยติ 3 ตัวออกจากกัน และพวกเขาก็แยกกันสู้กับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งนั้น

ด้วยความอึดกับความเร็วที่คนอื่นไม่มี   ถ้าคุณไม่มีศรัทธามั่นคงในตัวเองล่ะก็  การสู้กับเยติก็เป็นงานที่เป็นไปไม่ได้เลย

ในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ ความสามารถที่แท้จริงของปาร์ตี้ จะวัดได้โดยดูว่าพวกเขาสามารถรับมือกับสถานการณ์พวกนี้ได้ดีขนาดไหน
“ประสบการณ์ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ”
ไอรีน เรียกหน้าต่างตัวละครของเธอออกมาแล้วก็ยิ้ม ถึงการฆ่าเยติจะยากมาก แต่ว่ามันให้ค่าประสพการณ์มหาศาล  พวกเขาได้ไม้เท้าขนาดใหญ่แล้วก็แร่บางอย่างจากศพเยติ
เมแพนเข้าไปเก็บเป็นคนแรกแล้วก็หยิบมันลงกระเป๋าไป

“เอาล่ะ ทีนี้ก็ไปหาเยติตัวต่อไปได้แล้ว
พอเพลเสนอขึ้นมา    วีดก็หยุดความคิดนั้นไว้
“แป๊ปนึงเพล มีบางอย่างที่ผมต้องทำก่อน”
“ต้องทำอะไรเหรอ?”
วีดหยิบมีดแกะสลักออกมา
*แซก แซก*
วีดดึงเอาหนังกับเนื้อออกมา จากซากของเยติ เขาแยกกระดูกออกมา และแบ่งมาเก็บไว้ตามประเภท
มันต้องใช้ดวงถ้าจะหวังให้เนื้อหรือหนังดรอปออกมา แต่ด้วยพลังของสกิลตัดเย็บระดับกลาง และสกิลทำอาหาร วีดสามารถเก็บเกี่ยวพวกมันออกมาได้โดยตรง
ค่าความคล่องแคล่วชำนาญของสกิลเป็นตัวกำหนดว่าเขาจะลูทของมาได้มากแค่ไหน
“ฉันเข้าใจที่วีดเก็บเนื้อไปนะ แต่หนังนี่?”
ฮวารยองถาม ขณะที่เดินไปนั่งข้าง ๆ วีด [tlnote:นางเอกของผมรุกแล้ว]
แต่วีดไม่ได้หยุดมือ
“ที่นี่มันหนาวน่ะ คุณไม่มีวันรู้หรอกว่าอะไรบ้างที่จะกลายเป็นประโยชน์และกระดูกของมันก็เอาไปทำยาบำรุงได้ด้วย”
วีดยังคง เก็บเนื้อ หนัง และกระดูกต่อไป [tlnote: ตายด้วยมือวีดนี่มัน....]  [editornote: บอกลางานศพได้เลย.....หาซากไม่เจอ!!]
ไม่มีอะไรที่ถูกทิ้งขว้างเลยแม้แต่อย่างเดียวจากซากของเยติ แค่พริบตาเท่านั้นซากยักษ์ของเยติก็หายไปไม่เหลือ
เมื่อไหร่ก็ตามที่สู้กับเยติ วีดจะเก็บหนังพวกมันมาเสมอ
ช่างเป็นการล่าที่อกสั่น ขวัญผวา!
พลาดแค่นิดเดียวรับรองได้ว่าตายยกปาร์ตี้ ดังนั้นพวกเขาจึงทุ่มสมาธิทั้งหมดลงไปกับการล่า
เพลจะพยายามล่อเยติมาประมาณ 4-5 ตัวต่อครั้งถ้าทำได้  แต่บางครั้งพวกมันเองก็พยายามโจมตีเพล ถ้าหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นฮวารยองจะเข้าไปช่วยทันที โดยเธอจะใช้สกิลสับสนขั้นพิเศษของเธอ  สกิลที่สามารถทำให้เยติหลับได้
“ระบำมนตรา!”

การโจมตีที่มโหฬาร!   [tlnote:ผมล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าอะไรที่มโหฬาร xxx ของฮวารยอง???]
มันดูออกจะโง่งมที่ไปเต้นอยู่หน้าเยติทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเสี่ยงแค่ไหนที่เธอจะเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ
ตาของนักดาบ 1 โชนแสงขึ้น
“คุณหนูคนนั้นยอดจริง ๆ การเคลื่อนไหวของเธอลื่นไหลมาก”

 “ท่านอาจารย์ก็คิดเช่นนั้นหรือครับ การเคลื่อนไหวของเอวและข้อเท้าเธอมันไม่มีสูญเปล่าเลย”  นักดาบ 2 กล่าว
 “เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง มันเป็นการเต้นที่เยี่ยมสุด ๆ ดูเหมือนว่านี่สมควรจะเป็นขั้นแอดวานซ์ไปแล้ว มันไม่ใช่อะไรที่จะเรียนได้ในเวลา วันหรือสองวัน”
นักดาบทั้งหลายต่างวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของฮวารยอง สำหรับพวกนักดาบแล้ว ร่างกายต้องไม่เป็นสองรองใคร!
แต่พวกเขาคร่ำเคร่งได้แค่สิบวินาทีเท่านั้น
ระหว่างที่มองฮวารยองเต้นอยู่ ปากของนักดาบทั้งหลายก็อ้ากว้างขึ้นทีละนิด ทีละหน่อยจนสุดท้ายก็น้ำลายหก [tlnote:หมดกันอยู่ได้สิบวิเนี่ยนะ]
“เฮะๆ”
“นี่มันเจ๋งไปเลย!”
นักดาบเลิกสนใจในการต่อสู้แล้ว   แต่สนใจการเต้นของฮวารยองมากกว่า!
โชคดียิ่งนักที่สถานการณ์คับขันของปาร์ตี้สิ้นสุดลงพอดีด้วยการเต้นของเธอ
เยติที่มองการเต้นของเธอล้มตัวลงนอนทั้ง ๆ ที่หน้าแดงไปหมด

 “คุโฮ ฮูม!”
พวกนักดาบฆ่าเยติที่เหลือที่ไม่ได้รับของสกิลจากฮวารยอง
ถึงแม้นักดาบ 5 จะคิดเหมือนกับนักดาบคนอื่นๆ  แต่เขาไม่แสดงออกแบบเดียวกับนักดาบ 2 3 4 และอาจารย์

“จงรู้สึกเป็นเกียรติเถอะที่ได้ตายด้วยดาบข้า”
“แต่งงานกันเถอะ!”
“นายอย่าโลภมาก      เอาเป็นว่า   คุณหนูลองมาเป็นแฟนผมสักครั้งดูไหมครับ!”

นักดาบ และ นักดาบ 2 3 4 ต่างคึกคักและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของ ปาร์ตี้ก็เลยยังล่าเยติต่อไปได้อย่างปลอดภัย

วีดก็เก็บเกี่ยวเนื้อ หนังเหมือนเคย  ส่วนนักดาบ, นักดาบ 2 และ 3 ตรงเข้าไปหาเพล
“คุณเพล”
“ค.. ครับ!”
เพลหันความสนใจมาทันที
นักดาบ 2-3 นั้นดูไปก็คล้ายกับนักเลง หรืออาชญากรด้วยซ้ำ เพราะหน้าและร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้าม
ไม่สามารถมองหาความอ่อนโยนได้เลยไม่ว่าจะมองจากมุมใด สีตาของพวกเขาเองก็ดูแตกต่าง
มันดูราวกับเป็นปราการที่ไม่อาจจะทะลวงผ่านไปได้ และน่าข่มขวัญจนทำให้ความกระหายการต่อสู้ของคนอื่นหายวับไปเลยทีเดียว  สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พบได้จากคนที่ผ่านการฝึกฝนที่ยากเกินจะคาดเดาได้เท่านั้น
นักดาบ 2 3 เข้ามาใกล้ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
นักดาบ 5 เองก็ดูหน้าแดงฉาน
“รอบหน้า ขอเยติ 5 ตัวเลยได้ไหม?”

นักดาบ 3 มองไปที่ฮวารยองแล้วก็ยืดอกบอกว่า
“6 ก็สบาย ๆ”

นักดาบ 2 เอามือมาบังหน้าตัวเองเหมือนเด็กผู้ชายขี้อาย
“ไม่  ๆ คุณควรจะเรียกมาสัก 7 ตัว   ไม่ใช่ว่าพวกเราอยากจะเห็นฮวารยองเต้นหรืออะไรหรอกนะ”
“..........” [เพล]

***

พวกเขาไต่เขาโฮรอมสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ตอนนี้ทั้งปาตี้รู้สึกหนาวเหน็บแล้ว
พื้นดินตอนนี้ปกคลุมไปด้วยหิมะ จนถึงเข่า สายลมแรงพัดมา และความเหน็บก็แทรกซึมถึงคอ
“ลมหนาวมากเลยอ่ะ”
เซอร์กะพูดพลางสั่นเพราะความหนาว
“ลมแบบนี้นี่ทำให้พวกเราไม่สบายกันได้เลยนะ”
เพลคู้ตัวไประหว่างเดิน

ความหนาวเย็นนี้ หากให้เทียบกับพื้นที่อื่นของทวีปเวอร์เซลล์แล้วนี่มันคนละมิติกันชัด ๆ ! โคตรหนาว จนถ้ายืนเฉย ๆ คุณกลายเป็นก้อนน้ำแข็งแน่นอน
พลังเย็นของเยติก็หนาวเหน็บกว่าเดิม
เพลตอนนี้ดึงเยติมาทีละ 3 ตัว    
 2 ตัวถูกฮวารยองเต้นให้หลับ และ 1 ตัวที่เหลือถูกจัดการอย่างปลอดภัย
“มันหนาวจริง ๆ”
“ขอไปที่ ที่อุ่นกว่านี้ได้ไหม?”

ตอนนี้ทั้งปาร์ตี้เหนื่อยกับความหนาวเย็นจนอยากไปจากที่นี่
นักดาบมองหายอดเขา  พวกเขาเดินมานานแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นยอดเขาเสียที มันยิ่งหนาวขึ้นเรื่อยๆ และ ทุกย่างก้าวก็ยิ่งชันขึ้นไปอีก
“มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริง ๆ ที่ภูเขามันจะสูงได้ขนาดนี้”
นักดาบเคยเดินทางไปยังภูเขามากมายทั่วประเทศ
ในบรรดาผู้ที่ฝึกฝนบนเส้นทางแห่งศิลปะการต่อสู้ มีหลายคนที่แยกตัวออกไปอยู่บนเขาสูง จากประสบการณ์ของเขาแล้ว เขาโฮรอมนี่น่าเกรงขามจนยากจะจัดการได้จริง ๆ
คุณจะรู้สึกได้ถึงความหนาวที่รุนแรงเกินต้านทาน  และในกรณีที่รุนแรงขึ้นไปอีก ค่าสเตตัสที่เกี่ยวกับการต่อสู้เช่น ความอึด พลังชีวิต ความแข็งแกร่ง ค่าการเคลื่อนไหวล้วนตกลงทั้งสิ้น

“ฮัดเช่ย!”
เซอร์กะจามออกมา
ในที่สุดอาการขั้นต้นของหวัดก็ปรากฎ




คุณเป็นหวัด
ความแข็งแกร่งของร่างกายลดลง 20%
ประสิทธิภาพของทักษะลดลง 30%
หวัดเป็นอาการขั้นต้นที่นำไปสู่อาการอื่น ๆ
เลือดและมานาสูงสุดถูกลด
สกิลต่อสู้ที่ใช้จะล้มเหลวมากขึ้นเพราะความหวัด

 “หน้าร้อนแท้ ๆ แต่หนูดันเป็นหวัดอะ *ฟืดดดด*!”
ในขณะที่จาม  เซอร์กะเองก็เริ่มทรมานมากขึ้น
ปาร์ตี้ไม่สามารถไปต่อได้แล้ว
เพราะความหนาวเย็นเช่นนี้  ยิ่งทำให้เยติกลายเป็นศัตรูที่ยากจะรับมือ  คุณจะเป็นหวัดจับไข้แถมยังจะสูญเสียขีดความสามารถในการต่อสู้ทั้งมวลไป

ตอนนี้ วีดหยิบเข็มกับด้ายออกมาแล้ว และเขาก็เริ่มลงมือ
เขาหยิบหนังเยติที่เขาเก็บรวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ออกมาพร้อมทั้งเริ่มตัดมันเพื่อทำเสื้อผ้า
“ไม่จำเป็นต้องมีลวดลายอะไรมากก็ได้ ขอแค่ให้มันเพิ่มความอบอุ่นให้เราก็พอ”
นี่เป็นคำขอจากฮวารยองผู้ที่ปกติแล้วไม่ค่อยแสดงตัวเรื่องการแต่งตัวเท่าไร  ส่วนไอรีนกับโรมูนะก็แค่ต้องการอะไรสักอย่างที่ช่วยใส่เพิ่มความอบอุ่น
“รอแป๊ปนึงนะ”
เสื้อชุดแรกที่วีดทำออกมาถูกนำไปมอบให้เซอร์กะ  หนังของเยตินั้นใหญ่และทนทานอย่างไม่น่าเชื่อ  หนังส่วนแรกนั้นโดนตัดทิ้งไปทั้งหมดเพราะมันแข็งและหนาเกินไป  ดังนั้นมันจึงเป็นวัสดุที่ไม่เหมาะสมกับการนำมาตัดชุดสักเท่าไหร่
สำหรับการเย็บนั้น ยิ่งหนังเบาบางเท่าไรก็ยิ่งทำให้ชุดนั้นมีคุณค่ามากขึ้น  ดังนั้นการตัดเย็บจากหนังกระต่ายหนังกวางจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเป็นอย่างมาก
วีดยังคงมีความเชี่ยวชาญในทักษะการเย็บที่ไม่เพียงพอในการเย็บผ้าจากหนังของสัตว์ที่หยาบและแข็งแบบนี้
‘ถึงมันจะดูโกโรโกโสก็เหอะ มันก็ยังช่วยเพิ่มความอบอุ่นได้อ่ะนะ’
ชุดที่วีดตัดจากหนังของเยติมีรูปแบบธรรมดาๆ  โดยมีทั้งหมด  3 ชั้น มันแข็งและทนทานและถูกทำขึ้นเพื่อต่อต้านอากาศหนาวภายนอก
ขนของเยติถูกนำมาติดแยกต่างหากเพื่อเป็นการขึ้นรูปขั้นสุดท้าย  มันดูเหมือนเสื้อขนสัตว์สีขาวที่ตัดมาเพื่อต้านทานอากาศหนาวจากขั้วโลกเหนือ
‘เสื้อขนสัตว์มันดีต่อสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็น’
วีดตัดชุดได้สำเร็จ
* ตริ๊งง!*
ชุดที่ทำจากขนเยติ:
ความคงทน: 60/60
พลังป้องกัน: 25
หนังเยติถูกนำมาตัดและเย็บประกอบกันเข้าเป็นชุด
เป็นชุดที่ถูกตัดออกมาอย่างตั้งใจ
มันช่วยป้องกันความหนาวเย็นและลมยะเยือกเล็ดรอดเข้ามา
ขนสีขาวที่นำมาติดจะช่วยรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกาย
เงื่อนไขการใช้งาน:
เลเวล 150.
ความแข็งแกร่ง 600
คุณสมบัติเสริม:
ความต้านทานความหนาวเย็น 40%
เมื่อใส่ชุดนี้จะเป็นศัตรูกับเยติทั้งหมด
เนื่องด้วยน้ำหนักของมัน กำลังกายจึงลดลง
ความว่องไวลดลง 80
ถ้ามองไปที่ค่าพลังป้องกันหรือคุณสมบัติเสริมของชุด มันดูไร้ประโยชน์ แต่มันก็ยังเพียงพอที่ใช้เพิ่มความอบอุ่นแก่ร่างกาย
วีด สร้างรองเท้าหนังเยติ, ถุงมือเยติ, หมวกเยติพร้อมทั้งส่งมันไปให้แก่สมาชิกในปาร์ตี้
“ขอบคุณค่ะ คุณ วีด!”
เซอร์กะโค้งให้พร้อมกับพยักหน้ารับ
ไอรีนและฮวารยองกล่าวคำขอบคุณและส่งความซาบซึ้งผ่านทางรอยยิ้มอันเบิกบานใจบนใบหน้าของพวกเธอ
“ว้าว! ขอบคุณมากเลยค่ะ แค่นี้ชั้นก็คงเอาตัวรอดได้แล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นธรรมชาติของผมอยู่แล้วที่จะทำแบบนี้”
วีดกล่าวอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน, แต่ลึกๆลงไปในใจ เขาคิดต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
เขาเคยมีประสบการณ์เป็นไข้อันเลวร้ายจากเมืองโมราต้าและมันทำให้เขาลำบากเป็นอย่างมาก  เป็นไข้จากอุณหภูมิที่หนาวเย็น, ลมเย็นเยือกที่พัดตลอดทั้งคืน และยามเมื่อพายุหิมะมาเยือน สิ่งที่เขาทำได้เพียงอย่างเดียวก็คือครางและหอบหายใจจากอาการป่วย!
วีด ใช้วิธีที่เรียบง่ายในการเอาชนะความหนาวเย็นด้วยการสร้างรูปแกะสลัก  เขาโชคดีในบางครั้ง   ซึ่งต้องขอบคุณทักษะการตัดเย็บของเขา  ถ้าไม่มีมันเขาคงแข็งตายไปหลายครั้งแล้ว
ซึ่งหากเขาแข็งตายไปในครั้งนั้นล่ะก็   เขาก็คงไม่มีโอกาสในการชนะศึกกับพวกแวมไพร์
และเพราะเขาเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาก่อน เขาจึงรู้ว่าอากาศหนาวเย็นในเทือกเขาโฮรอมจะเลวร้ายไปกว่านี้อีก ทีละน้อย ทีละน้อย
เมื่อเขาจัดสร้างเสื้อผ้าที่ถูกต้องให้แล้ว พวกเหล่าสมาชิกจะได้ไม่ต้องรู้สึกทรมานจากความหนาวเย็นอีกต่อไป
อุณหภูมิเย็นเยือกที่แสนเลวร้าย!
ไม่มีความจำเป็นจะต้องหวาดกลัวต่อลมหนาวหรือการเป็นไข้อีกต่อไป!
วีดใช้เหตุผลข้อนี้ในการตัดชุดออกมาอย่างรอบคอบ

ถ้าหากวีดตัดชุดนี้ให้ตอนที่เพิ่งขึ้นเขาโฮรอมใหม่ๆ ล่ะก็   ทั้งสมาชิกปาร์ตี้คงไม่ได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่จะได้จากชุดนี้สักเท่าไหร่   อีกทั้งถ้ามันสวมใส่ไม่สบายแม้เพียงเล็กน้อย  เขาก็คงจะโดนกล่าวโทษในเรื่องของทักษะการตัดเย็บที่ไม่เพียงพอ

ก็เหมือนตอนที่เราหิว  ไม่ว่าจะเสิร์ฟด้วยอาหารอะไรมันก็จะอร่อยไปซะทุกอย่าง
“ฉันจะสวมมันเป็นอย่างดี”
วีด แบ่งชุดที่เขาทำให้แก่ปาร์ตี้อย่างเท่าเทียมกัน
นักดาบ3 และ นักดาบ4 สวมชุดที่ทำจากหนังเยติพร้อมทั้งประหลาดใจในคุณภาพของมัน
“พอใส่ปุ๊ป ก็หายหนาวเลยอ่ะ”
“ท่านอาจารย์ มันช่างอบอุ่นดีจริงๆ!”
เหล่านักดาบต่างก็สวมชุดขนสัตว์สีขาว
วีด และสมาชิกปาร์ตี้ทั้งหมดสวมชุดหนังขาวโพลนทุกคน  ซึ่งถ้ามองผ่านๆแว่บแรกแล้วล่ะก็ อาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นหมีขาวขั้วโลกเหนือได้
ร่างกายของเหล่านักดาบฟื้นฟูจากอาการไข้และพละกำลังเริ่มกลับคืนมาแล้ว
“งั้นพวกเราก็ปีนต่อกันเถอะ”
นักดาบ2 ตอบสนองอย่างกระฉับกระเฉง
"ท่านอาจารย์ เราจะไม่มาต่อสู้ก่อนค่อยปีนหรือครับ?”
“ดี เริ่มต้นกันได้เลย”
เหล่านักดาบวิ่งขึ้นเขาอย่างกระตือรือล้น  ซึ่งมันก็เป็นได้หากปราศจากเยติรอบๆ
วีดและสมาชิกที่เหลือยังคงลังเลที่จะตามพวกนักดาบไป  แต่พวกเขาก็ตามขึ้นไปหลังจากผ่านไปพักหนึ่ง
ทันใดนั้นนักดาบ5 ก็มองลงไปยังด้านล่างของภูเขา
‘โลกถูกปกคลุมไปด้วยเมฆ’
เมฆเคลื่อนตัวไปตามกระแสลม
พวกเขาอยู่ ณ จุดที่สูงกว่าป้อมปราการของดาร์ค เอล์ฟขึ้นมามาก  ผืนดินและเมฆครามยืดขยายออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา
นักดาบ5 เปี่ยมไปด้วยกำลังใจอย่างเต็มอก  ดังนั้นในระหว่างที่วิงตะบึงไปเขาก็ร้องออกมาอย่างไม่มีสติ
“ยะฮู้! ทำได้แล้ว!”
จากตะโกนโหวกเหวกดังสนั่นดังมาจากยอดเขา!
“ย่า ย่า ย่า ย่า !”
“โฮ่ โฮ่ โฮ่ โฮ่ โฮ่!”
เสียงสะท้อนนั้นได้ยินก้องไปทั่ว
นี่นับได้ว่าตรงกับที่นักดาบ 5 คาดเอาไว้เป๊ะๆ  เสียงจากการสะท้อนยิ่งดังขึ้นไปอีก
และ จากนั้นก็เป็น.....
*ครืน ครืน ครืน ครืนนนนนนน!*
*โครม คราม ตูม!* *ควั่บ ควั่บ!*
ทันใดนั้น ก็ปรากฎเสียงคำรามแผดก้องไปทั่ว
นักดาบ5 หมุนตัวไปรอบๆและมองไปยังยอดเขาพร้อมด้วยสีหน้าซีดเผือด
ไม่ไกลออกไปนัก หิมะที่กองทับกันได้พังทลายลง กลายเป็นหิมะถล่มลงมาทางด้านล่าง
หิมะปริมาณมหาศาลถูกกวาดลงมาพร้อมกับหิมะถล่มระลอกนี้
วีดกับเพลหลบไปซ่อนหลังก้อนหินอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงมัน
ผืนดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น พวกเขารู้สึกราวกับมีพลังบางอย่างยื้อยุดพวกเขาไว้จนเคลื่อนไหวอย่างงุ่มง่าม
หลังจากที่หิมะถล่มสิ้นสุดไปซักพักก็ไม่มีใครพบเห็นพวกนักดาบแล้ว     พวกเขาสูญเสียชีวิตไปกับหิมะถล่ม

วีดและสมาชิกที่เหลือจำต้องต่อและล่าเยติแถวนั้นอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
เนื่องจากสภาวะอากาศที่หนาวเย็นของเทือกเขาโฮรอม พวกเขาจึงต้องหาสถานที่ที่เหมาะสมในการออกล่า
 แต่พวกเขายังทำอะไรไม่ได้จนกว่าพวกนักดาบจะกลับมา
โดยปกติแล้วทุกๆคนจะไม่แตะต้องอะไรและรอคอยคำสั่งจากวีด  แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป
'หนึ่งคนที่รอดชีวิต ก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งชีวิตที่ได้รับการช่วยเหลือ...'
นักดาบ5 อาจจะโมเมเฉไฉทำเป็นมองในแง่ดีสุดขีดกับสถานการณ์เลวร้ายนี้  แต่กลายเป็นคนที่เหลืออยู่ตอนนี้ที่ต้องรับเคราะห์จากสิ่งที่เขาทำ


*********************************


วีดอาศัยเวลาที่ต้องรอพวกนักดาบกลับมา  ไปกับการล่าเยติแบบสบายๆ
สำหรับพวกนักดาบนั้น การล่าเยติค่อนข้างลำบาก   แต่มันก็ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าแก่พวกเขา

ตลอดการสู้กับเยตินี้ วีดเก็บค่าประสบการณ์ไปได้แค่ 30% ของหลอดประสบการณ์ของเขา เพราะที่ระดับเลเวล 306 ค่าประสบการณ์ก็เริ่มขึ้นช้าแล้ว    ถึงแม้การล่าเป็นปาร์ตี้นี้จะทำให้ล่าได้อย่างราบลื่นก็ตาม   แต่ค่าประสบการณ์ที่วีดได้นั้น น้อยกว่าการล่าเพียงลำพังโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับตอนที่เขาตะลุยเก็บเลเวลอย่างหนักเมื่อครั้งไปทำเควสแวมไพร์ลอร์ดโทริ

แล้วก็แวมไพร์ลอร์ดโทริ
ถึงแม้วีดจะสร้างข้ารับใช้จากรูปสลักด้วยการมอบชีวิตให้ได้ก็ตาม  แต่เขาก็ไม่อยากจะให้ใครรู้ เพราะมันต้องแลกกับค่าประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมา   ดังนี้ตอนนี้จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้พวกมัน

ส่วนแวมไพร์โทรินั้น ยิ่งไม่ควรอัญเชิญอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า  เพราะมันต้องอาศัยเลือดจากสิ่งมีชีวิตเพื่อฟื้นฟูร่างกายอยู่เสมอๆ
แต่ถ้าถึงคราวจำเป็น  เขาก็ไม่ลังเลที่จะเรียกมันออกมา
‘ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าสองตัวนี้ (แวนฮอร์คกับโทริ)  ต้องมีความเกี่ยวข้องกับเควสของเราแน่ๆ’
เนื่องจากภารกิจมงกุฎแห่งฟาร์โก้กับภารกิจจอกศักดิ์สิทธิ์แห่งเฟรย่าที่เขาทำสำเร็จ  เป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ภารกิจกองทัพอมตะ!  ดังนั้นเขารู้จึงโดยสัญชาติญาณว่าแวมไพร์ลอร์ดโทริและเดธไนท์แวนฮอว์คจะต้องเข้ามามีบทบาทในการจบภารกิจนั้นแน่นอน

**********************************

[editor note : ขอพื้นที่อธิบายนะครับ  เผื่อรีดเดอร์งง  ว่าทำไมวีดถึงคิดแบบนั้น  ซึ่งก็คือว่า
เล่ม 2 ตอน 3 แกนดิลวา ผู้อาวุโสหมู่บ้านบารันให้เบาะแสวีดเรื่อง สมบัติที่สาบสูญของวิหารเฟรย่า (ให้ตามหาคนชื่อซีกัล)
เล่ม 2 ตอน 7  บนนครลอยฟ้าลาเวียส ในดันเจี้ยน “หลุมศพของบัลข่าน”   วีดเจอซีกัล ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่จึงช่วยรักษา และได้รับเควสตามหาสมบัติที่สาบสูญของเฟรย่า (จอกศักดิ์สิทธิ์)    ซึ่งเดธไนท์แวนฮอว์ค ปกป้องไว้อยู่  พอวีดจะไปเอา จอกก็ปะทะกับแวนฮอว์ค  พอวีดฆ่ามันได้ ก็ได้ทั้งจอกศักดิ์สิทธิ์ กับ สร้อยแห่งชีวิตสีชาด ไอเทมที่แวนฮอว์คโดนผนึกติดอยู่
เล่ม 3 ตอน 5 พอวีดเอาจอกไปคืนวิหารแห่งเฟรย่า   ก็ได้รับเควสตามหามงกุฏแห่งฟาร์โก้   ที่อยู่ในความครอบครองของแวมไพร์ลอร์ดโทริ ที่เมืองโมราต้า
เล่ม 3 ตอน 10  พอวีดฆ่าโทริได้    วีดก็ได้รับทั้งมงกุฎแห่งฟาร์โก้และ สร้อยแห่งชีวิตสีนิล ไอเทมที่โทริโดนผนึกติดไว้อยู่
เล่ม 4 ตอน 1  พอวีดเอามงกุฎแห่งฟาร์โก้มาคืนวิหารแห่งเฟรย่า  วีดก็ได้รับข้อมูลเบาะแส ภารกิจกองทัพอมตะ]


**********************************


หลังจากผ่านไป 6 วัน พวกนักดาบก็กลับเข้ามายังทวีปเวอร์เซลล์
พวกเขาล็อกอินเข้ามาเมื่อเวลาผ่านไป 24 ชั่วโมงเป๊ะนับจากเวลาที่พวกเขาตายในเกม
นักดาบ 5 ค้อมศีรษะลงขอขมาพร้อมทั้งกล่าวว่า
“ผมขอโทษจริงๆ  เป็นความผิดของผมเองที่ทำให้พวกเราเสียเวลาไป”
 “ไม่เป็นไรหรอก คุณไม่จำเป็นต้องเสียใจขนาดนั้น แค่คุณออกมาขอโทษก็ถือว่าเป็นลูกผู้ชายมากแล้วค่ะ”
“ครับ?”
“มันเป็นคำขอโทษจากลูกผู้ชาย  การที่คุณกล้าขอขมาด้วยใจจริงต่อเรื่องที่เกิด  ถือว่าคุณเยี่ยมมากค่ะ”
“คุณ ฮวารยอง”
ดวงตาของนักดาบ 5 นั้นแดงก่ำ
ด้วยรูปลักษณ์ที่งามสง่าและรูปทรงอันไร้ที่ติของฮวารยอง  มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เชื่อคำพูดของเธอ  ฮวารยองนั้นสวยเกินไปจนทำให้พวกนักดาบไม่กล้าคุยกับเธอ
นักดาบ 2 รีบค้อมตัวลงบ้างอ
“ผมขอโทษ เป็นเพราะผมชอบกินเลยทำให้จนถึงตอนนี้ผมกินมากไปกว่าทุกๆคน”
นักดาบ 3 ค้อมศีรษะลงด้วยความเคารพ
“ได้โปรดรับการขอขมาจากใจจริงของผมด้วย  ตอนที่พวกคุณกำลังทำอาหาร ผมกลับอยู่เฉยๆ และขี้เกียจ”
นักดาบ 3 กำลังแสดงการขอโทษอย่างลูกผู้ชายต่อ นักดาบ 2!
สายตาของหนุ่มน้อยอย่างเพลและเซเฟอร์มองเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่น่าพิศมัยเท่าไร พวกเขาดูสิ้นคิด
‘เป็นการพยายามที่จับมือหญิงสาวในโลกเสมือนจริงสินะ’
‘เราควรจะบอกพวกเขามั๊ยนะว่ามือของผู้หญิงก็ให้ความรู้สึกเหมือนการจับดาบไม้น่ะแหล่ะ? มันรู้สึกราวกับความรู้สึกของเจ้าของดาบยังไงยังงั้น’
พวกเขาขอโทษอย่างสิ้นคิดด้วยความหวังที่จะหลอกจับมือของฮวารยอง
อย่างไรก็ดี ฮวารยองชอบการกระทำเหล่านี้  อีกทั้งไอรีนและโรมุนะและคนอื่นๆ ต่างก็ชื่นชมเธอ


แต่จากนั้นไม่นาน  ฮวารยองและคนอื่นๆก็ประหลาดใจ  พวกเธอไม่รู้ว่าก่อนเลยว่าพวกนักดาบ และ นักดาบ3 เป็นคนแบบนี้     ยิ่งตอนที่นักดาบ4   ปีนขึ้นถึงบนยอดเขาพร้อมทั้งตะโกนออกมา
“ย้า ฮู้ววววววว์!”


ต้องขอบคุณหิมะถล่มที่เกิดขึ้นที่ทำให้หิมะเกือบทั้งหมดถูกกวาดล้างไป จนกระทั่งสามารถมองเห็นผืนดินได้
พันธุ์ไม้ขั้วโลกเติบโตอยู่ใต้พื้นหิน!
วีดถอนพืชพันธุ์เหล่านั้นขึ้นอย่างขะมักเขม้นและใช้พวกมันเป็นเครื่องปรุงอาหาร  พวกเขาเบื่อกับการกินเนื้อเยติวนไปวนมาแล้ว
ยามที่พวกเขาปีนขึ้นไป มันไม่ง่ายเลยที่จะหาเยติพบ  อาจเป็นเพราะสำหรับเยติแล้ว พื้นที่บริเวณนี้อยู่อาศัยยากจนเกินไป
คนในกลุ่มรู้แค่เพียงว่าพวกมันอาศัยอยู่ในภูเขาสูง
สิ่งเดียวของเทือกเขายุโรกิที่อยู่ในความทรงจำของพวกเขาก็คือ การปีนเขา ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น
ทว่ายิ่งพวกเขาปีนสูงขึ้นไปเท่าไรพวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าขีดจำกัดของพวกเขาได้มาถึงแล้วมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
มนุษย์ที่อยู่ท่ามกลางความยิ่งใหญ่ของพระมารดาแห่งธรรมชาติ!
สายลมกรรโชกรุนแรงจนแทบจะกระชากร่างกายให้ตกไปจากภูเขา แต่พวกเขาก็ยืนหยัดไว้จนกระทั่งมันซาลงไป
ความอึดลดลงจบแทบไม่เหลือหรอ  แถมยังต้องใช้แรงกายมากไปกว่าปกติกว่าจะก้าวไปได้แต่ละก้าว
พวกเขาไต่ขึ้นมาด้วยการเดินเท้า  แต่ ณ ช่วงเวลาที่พวกเขาหันกลับไปมอง  โลกอีกใบนึงก็ได้เผยโฉมออกมา  ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงยอดเขาจนได้
*ตริ้งง!*
คุณเป็นคนแรกที่ปีนขึ้นถึงยอดเขาโฮรอม!  ภูเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขายุโรกิ!
ชื่อเสียง : เพิ่มขึ้น 150
ความสัมพันธ์กับผืนแผ่นดินเพิ่มขึ้น 1 %
โชคเพิ่มขึ้น 3

เนื่องด้วยพวกเขาเหนื่อยล้า  คนในกลุ่มจึงหาก้อนหินในหุบแล้วล้มตัวลงพักผ่อน
“อ่าหหหห์!”
“อ๊า, เจ็บจัง!”
พวกเขาแทบไม่เหลือความอึดอยู่เลย แถมขาของพวกเขายังปวดตุบๆอย่างสิ้นสภาพ  แต่พวกเขาก็อดทนผ่านการเดินทางนี้มาได้
และเป็นที่แน่นอนว่าคนที่เป็นโรคกลัวความสูงอย่างเซอร์กะจะไม่มีทางปีนเขาขึ้นมาได้โดยปราศจากการได้รับความช่วยเหลือ
ยิ่งปีนเขาขึ้นไปได้สูงเท่าไหร่ ความรู้สึกของความสำเร็จก็ยิ่งใหญ่เพิ่มขึ้นไปตามกัน  ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครบ่นอะไรออกมาแม้แต่คนเดียว
เพลกล่าวขึ้นว่า
“ชื่อเสียงของพวกเราเพิ่มขึ้น”
เซอร์กะก็ตรวจสอบสถานะเหมือนกันพร้อมทั้งพยักหน้าของเธอ
“มันเพิ่มขึ้นเยอะเลยทีเดียวนะคะ”
มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะเพิ่มระดับชื่อเสียงซึ่งจะสามารถเพิ่มขึ้นได้จากการทำภารกิจและต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมากๆเท่านั้น
ทว่าภารกิจที่เพิ่มชื่อเสียงได้ก็ช่วยเพิ่มได้เพียงบางส่วนเท่านั้น
เพลพูดออกมาอย่างเหนื่อยล้า
"ตอนแรกพวกเรามาปีนเขาก็เพื่อชื่อเสียงอย่างเดียว   แต่ตอนนี้ผมว่ามันเป็นไอเดียที่เยี่ยมมากเลย  มันเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมาก "
ถึงแม้จะไม่มีใครในกลุ่มส่งเสียงแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมา  แต่พวกเขาต่างก็เห็นด้วยกับเพล
วีดกับกลุ่มของเขาพักผ่อนและนั่งพักอยู่บนยอดเขาเป็นเวลานาน  พวกเขามองดูทิวทัศน์รอบกายของตน
พวกเขามองเห็นภูเขามากมายในเทือกเขายุโรกิแผ่ขยายไปทั่ว
หมู่เมฆและภูเขา หรือ ทุ่งหญ้าที่ไกลออกไป ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่
“สถานที่นี้สุดยอดไปเลย”
ดวงตาของฮวารยองเต็มไปด้วยความปลื้มปิติ
ทิวทัศน์ธรรมชาตินั้นช่างน่าอัศจรรย์
ถึงแม้สภาพอากาศของทวีปเวอร์เซลล์นั้นจะแปรปรวน! แต่เมื่อได้พบเห็นทิวทัศน์ที่มหัศจรรย์เหล่านี้แล้ว ไม่มีใครกล้าบ่นแม้เพียงครึ่งคำ
การเดินทางมาถึงที่นี่นั้นส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกมากกว่าการมองดูภูเขาอยู่ห่างๆ
พวกนักดาบ นำดาบของพวกเขาออกมา พวกเขาเริ่มต้นขีดเขียนหินที่อยู่ใกล้กับพวกเขา
นักดาบได้มาเยือนที่นี่

นักดาบ2, นักดาบ3, นักดาบ4, และ นักดาบ5 ต่างก็ไม่พลาดที่จะเขียนข้อความลงไปบนหิน  มันเป็นธรรมเนียมของคนเกาหลีที่จะบันทึกความสำเร็จของตนเองในทุกครั้งที่เขาเลื่อนไปสู่อีกระดับหนึ่ง
“นี่ดูน่าสนุกดีนี่”
“พวกเราเอามั่งมั๊ย?”
เพลและเซอร์กะหัวเราะและเขียนข้อความบ้าง
ผมอยากให้เมลอนได้มาเห็นที่นี่  ครั้งหน้าเรามาด้วยกันนะ แบบสองต่อสอง

เซอร์กะมาเยือนและจากไป!

ทางกลุ่มได้ตระหนักว่าพวกเขาใช้เวลาไปอย่างสูญเปล่าจึงได้ลงจากยอดเขามา
เมื่อเปรียบเทียบพละกำลังที่ใช้แล้ว การลงเขาง่ายกว่าการปีนขึ้นมาเป็นอย่างมาก  จากนั้นสมาชิกปาร์ตี้ก็ได้ล็อกเอาท์ออกไปทีละคนเพื่อพักผ่อน
สภาวะจิตใจของพวกเขาทุกคนอ่อนล้าอย่างที่สุดจากการปีนภูเขาโฮรอม
*ซู่สสสสสส์ *
สายลมพัดผ่านราวกับมีดเฉือนในภูเขาโฮรอม!
วีด สวมเสื้อหนังเยติพร้อมกับกลับขึ้นไปบนนั้นอีกครั้ง  เขามีจุดมุ่งหมายของเขา
‘การได้แกะสลักท่ามกลางธรรมชาติที่นี่จะช่วยเพิ่มทักษะให้ชั้นอย่างมาก’
มันเป็นสัญชาตญาณในการสร้างสรรค์ผลงานศิลป์ในสถานที่อันเปลี่ยวเหงา
เนื่องด้วยอากาศที่หนาวเย็นและสายลมที่กรรโชกแรงทำให้มันเป็นเรื่องยากที่จะหายใจบนยอดเขาโฮรอมแห่งนี้  หากสามารถพิชิตปัญหาเหล่านั้นได้ สถานที่แห่งนี้ก็จะเป็นสถานที่อันมีทิวทัศน์ตระการตาอย่างมิอาจสรรหาอันใดมาบรรยายได้
วีด นำมีดแกะสลักของซาฮัปออกมา
'ถ้าหากชั้นสร้างผลงานแกะสลัก ณ ที่แห่งนี้ บางทีมันอาจจะได้เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีชก็ได้ '
วีด ออกไปหาหินก้อนใหญ่จากบนยอดเขา
ตอนนี้เป็นยามราตรี  พร้อมกับท้องนภาที่ไร้มลพิษ ช่วยส่งเสริมให้ดวงดาราเปล่งประกายสุกสกาว
เขาต้องแกะสลักโดยพึ่งพาอาศัยแสงจากดวงดาวเป็นตัวช่วย
สายลมพัดอย่างรุนแรงเกินกว่าที่จะจุดคบไฟได้  ปัญหาที่แท้จริงเกิดจากความมืดมิด ไม่ใช่สายลมหนาวที่พัดกรรโชกอย่างรุนแรง
สายลมแรงจนกระทั่งสามารถพัดตัวปลิวและทำให้ผลงานประติมากรรมแข็งตัว
อย่างไรก็ดี วีดมั่นใจว่าเขาสามารถแกะสลักมันออกมาได้
‘ถ้าชั้นแกะสลักรูปซอยูน มันจะต้องเป็นระดับมาสเตอร์พีชชัวร์ๆ’
แต่วีดตัดสินใจว่าเขาจะไม่แกะสลักรูปซอยูนที่นี่
ไม่ใช่ว่าเขาจะเสียใจต่อซอยูนหากเขาได้พบกับเธอโดยบังเอิญอีก และไม่ใช่ว่าเขา กลัวซอยูนหลอกหลอน
แต่เขาอยากที่จะสร้างสรรค์งานแกะสลักอื่นบ้างในครั้งนี้
“ย่า, ฮายัน แล้วก็ตัวเราเอง  ชั้นอยากจะสร้างผลงานประติมากรรมของครอบครัวของชั้น”
ข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่เคยแกะสลักงานประเภทนี้ยังคงติดตรึงอยู่ในใจของเขา  แม้ว่าเขาจะเคยปฏิญาณไว้ว่าเขาจะไม่แกะสลักครอบครัวของเขาจนกว่าเขาจะเลื่อนระดับเลเวลการแกะสลักก็ตามที

วีดเริ่มเฉือนก้อนหินและทำการแกะสลัก
ในอดีต หลังจากที่พ่อแม่เสียชีวิตไป วีดก็มีชีวิตที่ยากลำบาก  เขาต้องเลี้ยงน้องสาวที่ยังเล็กและมันก็จำเป็นต้องใช้เงิน  แม้จะไม่มีอะไรเลยก็ตาม เขาก็สัญญากับตัวเองอยู่เสมอว่าเขาจะคอยดูแลน้องสาวของเขา
พวกเขาต้องเผชิญกับฟ้าฝ่าที่น่าหวาดหวั่นและอากาศที่เหม็นอับในห้องใต้ดินที่อับชื้น
ความฝันอันยิ่งใหญ่ของวีดเรื่องหนึ่งก็คือได้อาศัยในบ้านดีๆ มีระดับ

การวาดฝันถึงชีวิตนั้นยากเย็น แต่วีดก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่คิดถึงเรื่องเก่าๆ
ภายใต้มือที่เป็นริ้วรอยนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความห่วงใย
วีดมองไปข้างหน้าและเริ่มที่จะรำลึกถึงความทรงจำครั้งก่อนพร้อมกับขยับมีดแกะสลักของเขาไปพร้อมๆกัน
ยามเมื่อเขาแกะสลักดวงตาของย่า เขาหยุดไปชั่วขณะหนึ่ง  อารมณ์ความรู้สึกมันถาโถมเข้ามาไม่หยุดโดยที่เขาไม่รู้เลยว่ามันเริ่มขึ้นได้อย่างไร
“แต่ว่าชั้นต้องทำมันก่อนที่จะสายเกินไป”
วีดเคลื่อนไหวมีดแกะสลักของเขาอย่างมุมานะ
ในที่สุด หลังจากที่ทำการตัดโน่นตัดนี่ รูปแกะสลักก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
ดวงตะวันเริ่มทอแสงมาแต่ไกล
แสงอาทิตย์สาดส่องมายังรูปแกะสลักและบริเวณรอบๆ
หมอกหนาเริ่มที่จะจางหายไปพร้อมๆกับความมืดมิดที่ค่อยๆเลือนหายไป  ท้องฟ้าเริ่มที่จะทอแสง  มันเป็นความลึกลับอีกอย่างหนึ่งของธรรมชาติ
วีด มุ่งมันกับการทำรูปสลักของเขาให้สำเร็จเสียจนไม่รู้ว่าพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว  ครั้งนี้มันต่างจากตอนที่เขาแกะสลักไวเวิร์นที่เขาทำไปอย่างสบายๆ  แต่เมื่อมันเสร็จลง ผลของการแกะสลักขั้นสูงควรที่จะให้รางวัลที่ใกล้เคียงกัน
‘ไปมองดูพระอาทิตย์ขึ้นก็ไม่ได้ช่วยให้เราได้เงินเพิ่มขึ้นซักกะทองแดงเดียว’
มันเป็นสัญชาตญาณของคนแร้นแค้นที่สมบูรณ์แบบ!
ตอนที่วีดแกะสลัก เขาพยายามที่จะไม่คิดถึงเรื่องของเวลาเพื่อที่เขาจะได้จดจ่อกับงาน
เพื่อที่จะแกะสลัก วีดจำเป็นที่จะต้องไปเก็บรวบรวมก้อนหินซึ่งต้องใช้เวลานาน
และในขณะที่กำลังแกะสลักอยู่เขาก็ต้องคอยมองดูก้อนหินทั้งหมดที่เขาแกะมันด้วยมีดพร้อมทั้งคิดไปถึงผลงานประติมากรรม  ผลงานแบบไหนที่เขาจะสร้างเพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึก
รูปแกะสลักของย่า ได้ถูกขึ้นรูปไว้โดยไม่มีการหยุดพัก
เขาไม่ได้คิดเรื่องรายละเอียดของรูปแกะสลักมากนักว่าจะนำไปเป็นตัวแทนของอะไร  ซึ่งนับได้ว่าไม่มีประสิทธิภาพที่เพียงพอหากนำไปเปรียบเทียบกับประติมากรมืออาชีพ
วีด เอามันรวมเข้าไปไว้ในความคิดของเขา  และแกะสลักมันจนกระทั่งสามารถจับอารมณ์ความรู้สึกได้  ในขณะที่เขาสลักอยู่เขาก็เริ่มจินตนาการภาพขึ้นมาในความคิดอย่างช้าๆ  และท้ายที่สุด ประติมากรรมที่สมบูรณ์แบบก็ได้รับการเผยโฉม
รูปแกะสลักแห่งรอยัลโรด!


********************************


อาชีพประติมากรมีความแตกต่างจากอาชีพที่เกี่ยวข้องกับศิลปะแขนงอื่นๆ
ช่างตีเหล็กจะหลอมแร่อย่างพวกแร่เหล็กไว้ในเตาหลอม  จากนั้นก็ใช้โลหะที่หลอมมาทำเป็นอาวุธและชุดเกราะ
เชฟก็จะรู้สูตรปรุงอาหาร และหากทักษะประกอบอาหารของพวกเขาได้รับการขัดเกลา  พวกเขาก็พอที่จะมีไอเดียคร่าวๆว่าจะประกอบอาหารอะไรได้บ้างจากส่วนผสมที่มี
สำหรับการตัดเย็บนั้น สิ่งที่คุณต้องรู้ก็แค่เรื่องพื้นฐานอย่างการตัดและการเย็บผ้า ซึ่งก็ไม่ได้ยากมาก
บรรดาผู้คนในเส้นทางอาชีพศิลปะต่างก็เริ่มด้วยการทำงานเป็นอย่างแรก
แต่สำหรับศิลปินแล้วมีเพียงแค่การสร้างผลงานยอดเยี่ยมหรือมาสเตอร์พีช ที่จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะ ซึ่งช่างไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย  นี่แหละทำให้ศิลปะได้รับการดูหมิ่น
ประติมากรจะต้องวาดแบบขึ้นมาก่อน จากนั้นถึงจะแกะสลักออกมาเป็นผลงานศิลปะ
ช่วงที่วีดเริ่มต้นนั้น เขาใช้ช่วงเวลาเกือบทั้งหมดที่ไม่ได้ต่อสู้ไปกับการแกะสลัก  เขาแกะสลักรูปปั้นพื้นฐานเป็นโหลๆต่อวันพร้อมๆไปกับการเรียนรู้หลักการสำคัญเบื้องต้นของประติมากรรม
เขาได้ทำการแกะสลักรูปสลักที่เป็นที่นิยมอย่างกระต่ายและหมาป่าเพื่อทำการขายมันที่ข้างป้อมเซราบอร์ค  และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้เริ่มแกะสลักมอนสเตอร์ที่หลากหลายมากขึ้นโดยใช้ประเภทไม้ที่แตกต่างกันเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะมีใครอื่นมาเลือกอาชีพประติมากรอีก   เว้นแต่ว่าคนๆนั้นจะบ้าไปแล้ว
*แคร่ก  แคร่ก *
รูปร่างรวมไปถึงใบหน้าของย่าใกล้ที่จะเสร็จแล้ว  แต่มือทั้งสองข้างของเธอถูกนำไปเชื่อมต่อกับหินก้อนอื่นโดยความตั้งใจของวีด
จากนั้นก็เป็นการสร้างรูปแกะสลักของน้องสาวของเขา
'จากตรงนี้ไป ชั้นจะไม่ยอมให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น '
หลังจากรูปปั้นย่าของเขา วีดก็เริ่มลงมือทำรูปปั้นน้องของเขา
ไม่จำเป็นต้องมีรูปถ่ายอะไรทั้งสิ้น  ภาพของครอบครัวที่สมบูรณ์กระจ่างจัดอยู่ในความคิดของเขา!
ยามที่หิว เขาเลือกที่จะกินเนื้อเยติแห้งแทนที่จะใช้เวลาไปหาเนื้ออย่างอื่นที่ดีกว่ามากิน  ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะทำงานของเขาให้เสร็จ
ในตอนที่กำลังสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรม  มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะคงอารมณ์ศิลป์ในขณะนั้นเอาไว้
วีดมุ่งมั่นใช้ทุกอย่างที่เขามีในการสร้างรูปสลักของครอบครัว โดยไม่มีสิ่งอื่นมากวนใจ
รูปแกะสลักของครอบครัวของเขานั้นจับมือกันอย่างแน่นแฟ้น  สำหรับรูปสลักของย่านั้น เธอสวมใส่ชุดอย่างดีซึ่งต้องขอบคุณทักษะการตัดเย็บของเขาที่ทำให้การจัดทำเสื้อผ้าแก่รูปสลักที่เขาสร้างไม่ใช้เรื่องยากจนเกินไป
หลังจากที่เขาแกะสลักรูปปั้นของย่าและน้องสาวเสร็จ  ก็มีออร่าบางๆแผ่ออกมา
นี่เป็นผลจากทักษะการแกะสลักขั้นสูง!
รูปแกะสลักทุกชิ้นที่เกิดจากการแกะสลักขั้นสูงต่างก็มีออร่าของตนเองที่แตกต่างขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของรูปแกะสลักและวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้าง
วีดมีหินอีกก้อนหนึ่งที่เขานำไปวางไว้อีกข้างหนึ่งของย่าของเขา  ได้เวลาแล้วที่เขาจะต้องสร้างรูปแกะสลักของตัวเอง
คุณย่าแสนใจดีและน้องสาวแสนงามนั้นช่างงามสง่า!
แล้วก็ยังมีรูปแกะสลักของตัวเขาเอง, วีด!
การต้องแกะสลักรูปสลักของตัวเองเป็นอะไรที่เขาไม่ค่อยชอบนัก
'จริงๆแล้วตาของชั้นมันไม่ตี่ขนาดนี้นี่นา '
รูปสลักของวีด มีดวงตาที่กลมโตเด่นเป็นสง่า
'แล้วก็ จมูกก็ควรจะโด่งเป็นสันกว่านี้  อ้อหน้าผากนี่อีก เอาให้กว้างไปด้านนี้อีกนิดดีมั๊ยหว่า?  ใช่แล้ว นั่นแหละใช่เลย  อืม แล้วก็ต้องสูงกว่านี้อีก!'
วีด มีส่วนสูงระดับมาตรฐานทั่วไปของคนเกาหลีและเขาก็มีหน้าตาธรรมดาๆ  อย่างไรก็ดีความชอบส่วนบุคคลในหลายๆเรื่องได้ถูกเขานำไปใส่รูปแกะสลักของตัวเขา
รูปลักษณ์โดยรวมของรูปแกะสลักของเขานั้นเลิศหรูอลังการงานสร้างสุดๆ  สามารถนำไปเทียบเคียงได้กับพวกดาราเลยที่เดียว
ชายหนุ่มผู้ร้อนแรง!

“เย้ นี่แหละตัวเรา แจ๋วเลย! หล่อจริงๆ เลยเรา  ฮุฮุฮุ”
วีดหัวเราะอย่างพึงพอใจเมื่อเขาทำรูปแกะสลักของเขาเสร็จสมบูรณ์
*ตริ๊งง!*
ทันทีที่รูปแกะสลักของเขาสำเร็จลง ก็มีหน้าต่างข้อความปรากฎขึ้นเบื้องหน้าของวีด

ได้โปรดตั้งชื่อให้รูปแกะสลักที่เสร็จสมบูรณ์ชิ้นนี้

เขาต้องระมัดระวังหน่อย  ครั้งที่แล้วตอนที่เขาสร้างรูปแกะสลักของซอยูน มันก็มีข้อความถามเรื่องชื่อเหมือนกัน
มันถือเป็นเกียรติอย่างสูงในยามที่รูปแกะสลักถูกสร้างขึ้นและผู้สร้างได้รับสิทธิ์ในการตั้งชื่อให้กับผลงานของตน  วีดหยุดคิดไปชั่วขณะนึงแล้วกล่าวขึ้นว่า
“ครอบครัวกลมเกลียว (Harmonious Family)”
จะตั้งชื่อว่า ครอบครัวกลมเกลียว ถูกต้องหรือไม่?
“ถูกต้อง”
แกรนด์ มาสเตอร์พีช! คุณสร้าง ‘ครอบครัวกลมเกลียว’ สำเร็จ!
เทือกเขาโฮรอม สามารถเรียกได้ว่าเป็นหลังคาโลก (the world’s roof)!
ที่ความสูงเสียดฟ้านี้, ผลงานอันเจิดจรัสของนักแกะสลักหนุ่มได้ถูกนำมาตั้งไว้
เนื่องด้วยงานชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นทั้งๆที่ต้องฝ่าฝันอุปสรรคนานัปการ อีกทั้งผลงานอันละเอียดอ่อนนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ของนักแกะสลัก จึงยิ่งทำให้คุณค่าของมันสูงขึ้นไปอีก
มูลค่าทางศิลปะ : 9,400
คุณสมบัติเสริมพิเศษ :
ผู้ที่ได้เห็น ครอบครัวกลมเกลียว จะได้รับการเพิ่มขึ้นของอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตและมานา  30% ตลอดทั้งวัน
•     การพักผ่อนใกล้รูปแกะสลักจะช่วยให้ฟื้นความเหนื่อยและพลังชีวิตได้เร็วขึ้น
•     การเดินทางผ่านที่ขรุขระจะใช้ความอึดน้อยลง
•     การต้านทานความเย็นเพิ่มขึ้น 50%
•     ช่วยต้านทานเวทน้ำแข็ง
•     ค่าสถานะทุกค่าเพิ่มขึ้นอย่างละ 25
•     ค่าสถานะ 3 อย่างเพิ่มขึ้น 24%
•     โบนัสจากค่าสถานะทั้ง 3 จะคงอยู่ตลอดทั้งวัน
•     ผลที่ได้ทับซ้อนการการอำนวยพร (blessings) อื่นๆได้
•     ไม่สามารถให้ผลทับซ้อนกับรูปแกะสลักอื่นๆได้
ผลงานระดับ แกรนด์ มาสเตอร์พีช ที่ทำสำเร็จจนกระทั่งปัจจุบัน : 2

•     ทักษะการแกะสลักพัฒนาขึ้น
•     ความเข้าใจในทักษะแกะสลักเพิ่มขึ้น 1
•     ทักษะหัตถกรรมขั้นสูงเพิ่มขึ้นถึงระดับ 3  ประสิทธิภาพในการใช้ทักษะที่เกี่ยวข้องกับการใช้มือเพิ่มขึ้น 8%   ซึ่งจะให้ผลที่แตกต่างกันออกไป (ผู้แปล ตัวอย่างเช่น ถ้ามือไปจับดาบ ก็จะใช้ดาบได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 8%  ถ้าเอามือไปจับคันเบ็ด ก็จะตกปลาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประมาณนี้ครับ)
•     ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 40
•     เนื่องด้วยวัตถุดิบที่ใช้เป็นของดาษๆที่หาได้ทั่วไปอย่างหินและต้นไม้  ดังนั้นเองถึงแม้จะเป็นรูปสลักขั้นสูง ทว่าชื่อเสียงที่ได้รับจึงไม่ได้มากมายเท่าไหร่
•     ค่าสถานะศิลปะเพิ่มขึ้น 34
•     ความทรหดเพิ่มขึ้น 9
•     ความทนทานเพิ่มขึ้น 4
•     สิทธิ์ทุกอย่างของรูปแกะสลักเป็นของวีด ผู้เป็นเจ้านาย  หากรูปสลักถูกมอบชีวิตให้ มันจะจงรักภักดีต่อเขา
•     ค่าสถานะทุกอย่างเพิ่มขึ้นอย่างละ 3 จากการสร้างผลงานระดับ แกรนด์ มาสเตอร์พีชได้สำเร็จ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
วีดระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจออกมาบนยอดเขาโฮรอม
“แกรนด์ มาสเตอร์พีช!”
ถึงแม้เขาจะยังไม่แตกฉานในการสลักแสงจันทร์ เขาก็ยังสามารถสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ออกมาได้  เขารู้สึกดีเป็นอย่างมากที่ทำรูปแกะสลักของครอบครัวออกมาได้สำเร็จ
แต่มันอาจจะมีปัญหาหากเขาทำการมอบชีวิตให้แก่รูปแกะสลักทั้ง 3 รูป
หากรูปแกะสลักทั้งสามได้รับชีวิต พวกมันก็จับมือกันไว้และทำให้ระดับประสิทธิภาพการใช้งานด้อยลง
เขาได้ทำการตัดสินใจที่จะไม่มอบชีวิตให้กับรูปแกะสลัก  เขาจะมอบชีวิตให้รูปแกะสลักก็ต่อเมื่อมันจะช่วยให้เขาบรรลุวัตถุประสงค์เท่านั้น  สำหรับงานแกะสลักชิ้นนี้ เขาสร้างมันขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำเท่านั้น
‘ชั้นได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น, พระอาทิตย์ตก และเมฆเคลื่อนผ่านภูเขาไป'


****************************


ฮวารยอง เข้าเกมมาเร็วกว่าปกติและรอเพื่อนคนอื่นๆในปาร์ตี้ที่ยังไม่ได้เข้ามา  เธอมีความปรารถนาที่จะได้เห็นทิวทัศน์จากบนยอดเขาของภูเขาโฮรอม
“ชั้นจะกลับลงมายังไงล่ะเนี่ย? ดูแล้วมันคงจะยากในการกลับลงมา”
ฮวารยองปีนขึ้นเขาไปตามลำพัง
ไม่นานนัก เธอก็อยู่ไม่ไกลไปจากบริเวณที่หิมะถล่มลงมา  เนื่องด้วยเธอมีประสบการณ์การปีนเขามาก่อน  เธอจึงรู้ดีว่ามันจึงเป็นเรื่องยากปีนที่จะปีนขึ้นโดยมีสิ่งกีดขวาง
ฮวารยองมาถึงยอดเขาและได้พบกับรูปแกะสลักซึ่งไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน
“มันช่างสวยงามเหลือเกิน!”
ฮวารยองไม่อาจหยุดยั้งความประทับใจที่ออกมาจากใจจริงของเธอได้
รูปแกะสลักยืนหยัดอย่างมั่นคงและเงียบสงบบนยอดเขาโฮรอม
มันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ปกคลุมอยู่โดยรอบของจุดสูงสุดบนยอดเขา  แสงที่รายล้อมยิ่งเพิ่มความมหัศจรรย์ให้กับรูปแกะสลัก  แน่นอนว่าแสงที่ว่านั้นมาจากผลของการแกะสลักขั้นสูง
รูปแกะสลักที่สร้างขึ้นจากก้อนหินธรรมดาๆกลับดูสวยงามราวกับอัญมณี
“ยอดไปเลย”
ฮวารยอง คาดว่าคนที่สร้างรูปแกะสลักพวกนี้น่าจะเป็นวีด
"รูปแกะสลักนี้ดูราวกับมีชีวิตเลย"
นอกเหนือไปจากพีรามิดและรูปแกะสลักราชสีห์แล้ว นี่เป็นผลงานแกะสลักของวีดชิ้นแรกที่ฮวารยองได้เห็น
“ช่างเป็นรูปแกะสลักที่มหัศจรรย์จริงๆ”
ฮวารยองชมดูรูปแกะสลักอย่างช้าๆ
รูปแกะสลักย่าและน้องสาวต่างเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา
“ผู้ชายคนนี้หล่อจัง”
ฮวารยองตาเป็นประกายเมื่อเธอเห็นรูปแกะสลักของชายร่างสูง
และก็เพราะเธอเห็นพวกดาราหรือคนดังมาบ่อยๆ  เธอจึงให้การประเมินว่ารูปร่างแบบนี้ก็ถือได้ว่าสอบผ่านมาตรฐานอ่ะนะ  แต่แน่นอนว่าในยามที่เธอมองไปยังรูปแกะสลัก เธอจะจินตนาการไปว่านั่นคือ วีด

เล่มที่ 7 ตอนที่ 8 : จบ




****************************



<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

2 ความคิดเห็น: