วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 8 ตอนที่ 1 โรเดียม เมืองแห่งศิลปะ (Rhodium)

เล่มที่ 8 ตอนที่ 1 โรเดียม เมืองแห่งศิลปะ  (Rhodium)

(เนื้อหาหลักๆในตอนนี้แปลโดยคุณ คนอ่าน ที่ได้เคยนำมาลงไว้มาซักระยะนึงแล้ว  โดยที่ผม wink1188 นำมาขัดเกลาสำนวนบางส่วนเพื่อให้สอดคล้องกับที่ทีมแปลของเราได้แปลในภายหลังครับ)
โรเดียม เมืองแห่งศิลป์นั้นเต็มไปด้วยขอทาน กลุ่มขอทานนั้นเต็มไปตั้งแต่ประตู จนถึงลานกว้างกลางเมือง
!!!!
“ได้โปรด ขอเพิ่มอีกเพียงแค่เหรียญเดียว อา แล้วคุณเลือกสีที่จะใช้หรือยัง?”
“คือ ผมอยากวาดสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา แต่คุณรู้ไหมว่าราคาของภาพวาดนั้นไม่ใช่ถูกๆเลย”
“ก็ใช่ มันยากนะที่จะใช้จำนวนสีมากเท่ากับภาพที่คุณวาดออกมา”
“ผมคงจำเป็นต้องใช้เพียงแค่แม่สีเท่าที่มีเท่านั้น”

ความยากจนข้นแค้นของบรรดาชาวเมืองศิลปิน เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปที่โรเดียม แต่ตอนนี้พวกเหล่าพวกยาจกในเมืองกำลังอิจฉาตาร้อน ทั้งนี้เกิดจากคนที่ชื่อ วีด ขอทานที่เพิ่งปรากฏตัวออกมาจากเทเลพอร์ทเกท ตอนแรกพวกขอทานก็ไปเข้าไปรุมเขาเพื่อที่หวังจะได้รับบริจาคทานเป็นเงินซัก เล็กน้อย แต่ทว่าพวกเขากับต้องตกตะลึงกับการขอทานที่เหนือชั้นกว่า

“อา...”.
วีด เบนสายตาจากกลุ่มคนที่กำลังเข้ามายังลานกว้างไปยังฟากฟ้าเหมือนชีวิตนี้ กำลังพังทลาย.... เขายังใส่ชุดที่ทำจากหนังเยติแม้ว่าตอนนี้มันจะร้อนเป็นบ้า!
“………...”

วีด มองไปยังท้องฟ้าด้วยความเศร้าหมอง หดหู่ เจ็บปวด อยากร้องไห้ สิ้นหวัง และเสียดาย! ความรู้สึกทางด้านลบทั้งหลายปรากฎบนใบหน้าของเขา  และในตอนที่เขานั่งลงนั่นเอง  ตึง!
“สู้ๆ”
“บางที พรุ่งนี้อาจดีกว่านี้น่า ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ..... แต่ชีวิตมันไม่ได้มีแต่ความสิ้นหวังเท่านั้น”
“ได้โปรดเอาเงินนี้ไปซื้อเสื้อมาใส่เถอะชุดขนสัตว์ นั่นดูแล้วไม่น่าจะใส่สบาย”

วีด ไม่พูดตอบโต้แม้แต่ประโยคเดียว เพียงเดินผ่านเหล่านักผจญภัยไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้พวกเขาจินตนาการไปต่างๆนานา

“เขาคงเจออะไรที่แย่ๆ มาแหง”
“ทำไมเขามองท้องฟ้าได้ อย่างเศร้าสร้อยได้ถึงขนาดนั้น”
“อา... หัวใจฉันเจ็บปวดเพียงแค่มองไปที่เขา...”

และจากนั้นพวกเขาเหล่านั้นก็โยนเหรียญไปให้

ความสามารถของเขามากพอที่เรียกให้คนมาบริจาคให้เพียงแค่ใช้ความสงสารเท่านั้นแต่ถ้าพวกเขารู้ว่าตอนนั้น วีดกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเขาคงต้อง รำไห้ด้วยความสมเพชตัวเองแทน!!!

“โว้ย ชั้นไปตกลงเข้ามหาลัยไปได้ยังไง ตอนนี้ ชั้นต้องไปจ่ายเล่าเรียน!! แถมยังต้องไป ซื้อหนังสือเรียน นี่มันไม่จริงใช่ไหม.... มันเกิดขึ้นได้ยังไง.....”

เขากำลังคร่ำครวญถึงสิ่งที่คนทั่วไปต้องอิจฉา การได้เข้าไปเรียนมหาลัย แม้ว่าเหล่าศิลปินคงไม่อาจอิจฉาเขาเท่าไหร่ เพราะกริยาที่เขาแสดงออกมันดูสิ้นหวัง

“เฮ้ คนหนุ่มน่ะเขาไม่สิ้นหวังกันหรอก”

วีดได้แต่ถอนหายใจ

ปาโว เดาะลิ้น แล้วพูด “สู้ๆ โลกมันกว้างใหญ่ออก... แต่ว่านายโดนหญิงทิ้งมาหรือไง?

วีดแค่ส่ายหน้า เขาพูดอะไรไม่ออกตั้งแต่สอบผ่าน สำหรับเขานี่มันโศกนาฎกรรมชัดๆ แค่คิดถึงมันเขาก็อยากร้องไห้
แกสตอนกับปาโวนึกไม่ออกเลยว่ามันมีอะไรอย่างอื่นที่ทำให้เขาดูสิ้นหวังได้ขนาดนี้

"นายไม่ควรเอาแต่หดหู่ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่ามันจะแย่แค่ไหนก็ตาม” ปาโวพูดพร้อมกับเดินมาข้างหน้าเขา

ปาโว ตอนนี้เข้ามาใกล้จนสามารถเอื้อมไปยังกองเศษเงินที่อยู่เบื้องหน้า วีด

ฟุบ!

วีดเก็บเหรียญทั้งกองในพริบตา ทั้งที่เขายังแสดงท่าทางที่ยังหดหู่สิ้นหวังซะเต็มประดา แต่การเคลื่อนไหวนั้นกลับรวดเร็วจนไม่มีใครมองทัน! แม้เขาพวกเขาจะจับตาดูอยู่ก็ตาม ไม่ว่าเขาจะเศร้าเสียใจแค่ไหน แต่เขาไม่มีวันลืมที่จะเก็บเงิน!!!!!

“คนที่ขาดแคลนเงินอย่างผม ก็ควรเก็บมันในทุกโอกาสที่มี”

ในนั้นมีเหรียญทองหนึ่งเหรียญ และเหรียญเงินหลายอัน แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นพวกเหรียญทองแดง แต่อย่างอย่างไรดี เมื่อรวมๆ กันแล้ว ก็มีถึงหนึ่งเหรียญทองสี่สิบเหรียญเงิน... ไม่เลวทีเดียวสำหรับโอกาสที่ไม่คาดฝัน

มันเป็นจำนวนไม่มากสำหรับวีด แต่มากสำหรับศิลปินที่อาศัยในโรเดียมเมืองแห่งศิลป์

ปาโวเขามาใกล้ๆ และตบบ่าวีดเพื่อปลอบใจ

“ฮ่า ฮ่า นายอยากได้อะไรก็บอกมา? แต่ว่า นายคงไม่คิดจะนั่งอยู่ที่นี่โดยไม่คิดหาอะไรกินหรอกนะ”

แน่นอนว่า วีดก็ไม่คิดทำอย่างนั้นไปตลอด จริงๆ เขาก็แค่ติดอยู่ท่ามกลางขอทานจำนวนมาก และก็ตอนนี้เขาก็หิวแล้ว

“ผมรู้จักร้านดีๆ แถวนี้ นายจะมากินด้วยกันไหม?”

“อาหารมื้อละเท่าไหร่?” วีดถามอย่างคาดคั้น

“ถ้านายสั่งเมนูทั่วไปก็ราวๆ ยี่สิบเหรียญทองแดง”

ยี่สิบเหรียญทองแดงพอที่จะซื้อขนมปังจืดได้เจ็ดก้อน แต่อาหารดีๆซักมื้อมันก็น่าพึงพอใจกว่า

“ผมว่ามันก็ยอมรับได้”

และเขาก็ยังมีธุระที่ต้องทำในเมืองนี้ ดังนั้นวีดจึงลุกขึ้น

“งั้น ไปกินข้าวเย็นกันแถอะ”

ตอนที่เขาผ่านเข้ามาทางเทเลพอร์ทเกท  พวกขอทานกรูกันเข้ามาหาเขา แต่โชคดีเขาเบี่ยงเบนความสนใจของพวกนั้นได้ ตอนนี้พวกยาจกทั้งหลายก็ไม่ได้ใส่ใจมากนักตอนเขาออกจากลานกว้าง จริงๆ แล้วพวกยาจกออกจะดีใจที่คู่แข่งในการขอทานนั้นจากไป แม้จะไปแค่ซักพักก็ยังดี

ฉันไม่เสียเงินซักเหรียญให้พวกนั้น... แถมฉันยังได้มามากกว่าหนึ่งเหรียญทองนิดหน่อย

เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะปกป้องเงินในกระเป๋า แม้ว่าการโยนเหรียญไม่กี่เหรียญเป็นที่สิ่งที่คนทั่วไปทำ แต่สำหรับเขาแล้วเขามีความภาคภูมิ และเชื่อมั่นว่าจะไม่มีศิลปินคนใดที่จะมาขอเงินจาก วีด คนนี้ฟรีๆ ได้เด็ดขาด!!!

“ร้านอาหารที่ทั้งถูกและอร่อยอยู่ทางนี้ ตามผมมาเลย และผมจะแนะนำว่ามีอาหารอร่อยๆ ที่ไหนบ้าง”

แกสตอนและปาโวพา วีด เดินไปตามตรอกซอกซอยที่คดเคี้ยวจนห่างจากใจกลางเมืองไปพอสมควร

“ร้านนี้ท่าทางจะไม่เลว.....”

โดยปกติร้านตั้งอยู่ในที่ลึกลับขนาดนี้ มักจะราคาถูกและรสชาติ ก็มักจะไม่แตกต่างจากร้านที่ถนนใหญ่เท่าไหร่ เพราะมีแต่คนที่รู้ที่ทางดีเท่านั้นที่จะหาร้านแบบนี้เจอ มันถูกซ่อนไว้อย่างกับซ่อนสมบัติ หากพูดแบบคนทั่วไปเรียกคงต้องเรียกว่า ร้านเด็ดประจำเมือง!

วีดนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับ แกสตอนและปาโว ราคามันถูกอย่างที่ว่า ในเมนูมีเฉพาะซุปพื้นบ้าน สลัดบางอย่าง และขนมปังแต่มันปรุงด้วยแป้งคุณภาพดีดังนั้นมันจึงนุ่มอร่อย

“อร่อย!”

วีด รับประทานอาหารอย่างพึงพอใจ เขาสามารถอบขนมปังเองได้ แต่แน่นอนว่ามันต้องการวัตถุดิบจำนวนมากรวมทั้งเวลาในการทำ ดังนั้นสำหรับขนมปังคุณภาพดีขนาดนี้ซื้อเอาดีกว่า

ส่วนปาโวก็ยิ้มแย้มอย่างภูมิใจ

ใช่ไหมๆ หายากนะที่หาร้านที่ขายถูกขนาดนี้

มันจริงอย่างที่ว่า วีดเห็นด้วยอย่างยิ่ง นั่นสามารถอธิบายได้ว่าทำไมร้านนี้ถึงมีคนเข้ามามากขนาดนี้ แม้ว่าทางมาร้านมันจะอยู่ในตรอกซอกซอยที่ลึกลับซับซ้อน

เมื่อวีดรับประทานเสร็จจานก็สะอาดยิ่งกว่าเพิ่งล้างมาเสียอีก...

“ขอบคุณที่แนะนำผมมาที่นี่ อาหารมื้อนี้อร่อยจริงๆ”

“แล้วนายมีแผนทำอะไรต่อไปหรือ ?” ปาโวถามด้วยความสนใจ

“ผมว่าจะเดินสำรวจไปเมืองไปเรื่อยๆ”

“ผมว่านาย ดูไม่เหมือนนักท่องเที่ยวนา...”

มีนักท่องเที่ยวมากมายมาที่ โรเดียม ในเมื่อการท่องเที่ยววังและเมืองในทวีป กำลังเป็นที่นิยม แต่ว่าคงไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนเริ่มเข้าเมืองมาก็เข้ามานั่งขอทานทันที!!

“ผมวางแผนจะหาเบาะแสเกี่ยวกับทักษะที่เกี่ยวกับอาชีพของผม”

“แล้วอาชีพของนายคือ...?”

“ประติมากรครับ”

“โห, นายเลือกอาชีพที่ยุ่งยากชมัด”

แกสตอนและปาโวมองวีดด้วยความเห็นใจ พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงต้องพยายามขอทานอย่างจริงจังขนาดนั้น ถ้าเขาไม่ได้มาที่นี่อย่างนักท่องเที่ยว แต่มาเพราะเป็นประติมากร เขาคงเจอความลำบากมาไม่เบาไม่ว่าเขาจะมาจากไหน

แกสตอนกล่าว “ในบรรดาอาชีพสายศิลปินทั้งหลาย อาชีพพื้นฐานอย่างประติมากร นี่มันยากเป็นอันดับต้นๆ นายต้องมีมือที่คล่องแคล่ว ไม่อย่างนั้นไม่มีทางสร้างผลงานอย่างที่ใจอยาก แม้แต่ในเมืองโรเดียม ก็มีไม่กี่คนที่เลือกอาชีพที่เกี่ยวกับศิลปะ ส่วนใหญ่จะเลือกอาชีพสายการผลิตมากกว่า ถึงแม้...ผมจะเคยได้ยินข่าวลือว่ามีนักแกะสลักที่มีชื่อเสียงระดับโลกใน รอยัลโรด ก็ตาม”

“นักแกะสลักที่มีชื่อเสียงระดับโลก?”
“เป็นคนที่หลงไหลและยึดมั่นในการเลือกอาชีพที่ทุกคนส่ายหน้าหนี จนประสบความสำเร็จ”
“ว้าว เป็นคนที่สุดยอดไปเลย คุณว่าผมมีโอกาสเจอเขาในโรเดียมไหม?”

เขาว่ากันว่า คนๆ นั้นอยู่ที่ โรเซนไฮล์ม คนนั้นได้สร้างพีรามิด และสฟิงค์ มันเป็นของที่นักแกะสลักทั่วไปแม้ฝันยังไม่กล้าฝันว่าจะสร้าง!!! เขายังว่ากันว่ามีงานของคนๆนั้น ซ่อนอยู่ในทวีปนี้อีกหลายอย่าง บางชิ้นที่คาดว่าเป็นผลงานของเขาอยู่ที่นครลอยฟ้า ลาเวียส จากคำร่ำลือ ทักษะแกะสลักของคนๆ นั้นอยู่ที่ขั้นกลาง ระดับ 7 เป็นอย่างน้อย และแค่ไปมองงานของคนๆนั้น ก็ได้รับบัพสุดยอดมาแล้ว

วีดประหลาดใจอย่างมากที่วีรกรรมของเขาร่ำลือไปไกลขนาดนี้ เขาก็พอจะรู้ว่าเขาค่อนข้างมีชื่อเสียงในฐานะ วีดนักผจญภัย แต่เขาก็คาดไม่ถึงว่าชื่อเสียงในฐานะ วีดนักแกะสลัก ก็ดังไม่ใช่เล่น

แต่มันก็สมเหตุผล เพราะบางทีอาจมีคนที่รักงานศิลป์บางคนชื่นชมฐานะอีกด้านของชั้น

วีดลุกขึ้นจากที่นั่ง

“นายจะไปแล้วหรือ?”
“ใช่”
“ถ้างั้น ไว้เจอกันใหม่ บางทีตอนที่นายเลเวลสูงขึ้นอีกหน่อย นายอาจอยากซื้อภาพเขียน..... หรือเรื่องบ้านผมก็ช่วยได้นะ.....”

แล้วแกสตอน และปาโวก็โบกมืออำลา


*******************************


โรเดียม เมืองแห่งศิลปิน

มันเต็มไปด้วยผู้คนที่ยากจนข้นแค้น แต่ตัวเมืองกลับสวยงามและโรแมนติก

มันแวดล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมที่ตราตรึงใจ บนท้องถนนก็ปูไปด้วยงานศิลป์แบบต่างๆ แม้แต่ของชิ้นเล็กๆ ที่มีอยู่ทั่วไปก็ดูน่าประทับใจ

ทั่วทุกพื้นที่ เต็มไปด้วยแสงสีที่งดงาม

แต่ละท้องถนนจะมี บรรดาศิลปินหนุ่มไฟแรง ทั้งวาดภาพ และแกะสลัก หรือไม่ก็เล่นเครื่องดนตรี กระจายกันแสดงผลงานตามจุดต่างๆ

เมืองนี้เต็มไปด้วยเหล่านักท่องเที่ยว และบรรดาศิลปินที่ปรารถนาทำความฝันให้เป็นจริง

เป็นที่รู้กันทั่วไปถึงความอลังการของสถาปัตยกรรมของที่นี่ แต่ก็ด้วยเหตุนี้เมืองนี้จึงมีงบประมาณไม่เพียงพอในการซ่อมบำรุงรักษาเมือง และนั่นทำให้สิ่งก่อสร้างหลายอย่างนั้นผุพัง แถมเมืองโรเดียมนั้นเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าไร้ผู้ปกครอง ด้วยเหตุที่ว่าไม่มีใครอยากครอบครองเมืองที่มีแต่รายจ่ายมหาศาล!

ในขณะที่ในทวีปกำลังคุกรุ่นไปด้วยไอสงครามจากการแย่งชิงดินแดน และปราสาท ทว่า เมืองโรเดียม กลับสามารถรักษาความสงบสุขไว้ได้

สิ่งที่ใช้หล่อเลี้ยงเมือง แน่นอน ว่ามันคือเงินตรา ซึ่งงบประมาณจำเป็นต้องใช้ในการผันน้ำ, ค้นคว้าและค้าขาย   แต่ว่า อาวุธและเครื่องป้องนั้นขายไม่ค่อยดีนักในเมืองโรเดียม

ที่นี่นั้นแทบจะหานักผจญภัยไม่ได้ เพราะว่าพื้นในการล่าในละแวกนี้ มีแต่ของพื้นๆ

ไม่มีใครที่ยังสติดีจะอยากมาที่เมืองที่หากำไรไม่ได้อย่างเมืองนี้หรอก

“อือ...ศิลปะนี่ไม่ได้นำผลกำไรมาให้เลย...”

วีดยิ่งมั่นใจในความคิดนี้มากขึ้นตั้งแต่เข้ามาในเมืองนี้

ช่างตีเหล็ก ช่างเย็บผ้า และ พวกผู้วิเศษ(น่าแปลรวมถึงผู้ใช้เวทย์มนต์ทั้งหลาย) มักบ่นอยู่เสมอๆ ถึงความลำบากในสายงานอาชีพของพวกเขา แต่สำหรับวีด หนทางของพวกนั้นน่าจะง่ายกว่าเป็นร้อยเท่าของพวกที่ยึด อาชีพสายศิลปะ

วีดค่อยๆ เดินชมเมืองโรเดียมไปเรื่อยๆ

“โอ เธอคือแสงตะวัน เธอคือพรจากฟากฟ้า ที่รัก! ขอให้เธออยู่กับฉันไปตราบนานแสนนาน ไกลแสนไกล”
เขาได้ยินเสียงเพลงแว่วมาจากนักกวีหนุ่มที่ร้องเพลงจากหน้าโรงละครใกล้ๆ

มีนักกวีมากมายใน โรเดียม

พวกเขาสามารถช่วยเพิ่มพลัง และกำลังใจได้ในการต่อสู้ให้กับเพื่อนร่วมทีมระหว่างการล่า และยังสามารถหาเงินรายได้พิเศษจากการแสดง

อย่างน้อยการที่พวกเขาก็ไม่ต้องมานั่งขอทานมันก็เป็นข้อดีแล้ว มันเป็นอาชีพที่สามารถหากินเลี้ยงดูตัวเองได้อย่างเหลือเฟือ!

ด้วยเหตุนี้ นักกวีจึงเป็นอาชีพที่มีคนเลือกมากที่สุดในโรเดียม

อันดับสองน่าจะเป็นช่างทำอัญมณี ช่างทำอัญมณีนั้นสามารถใช้วัสดุมีค่าต่างๆ นาๆ มาผลิตเครื่องประดับสวยงามได้

แม้ช่างแกะสลักจะสามารถ แกะสลักอัญมณีได้ เมื่อระดับทักษะสูงถึงระดับหนึ่ง แต่มันก็เทียบไม่ได้กับช่างสายตรง

ช่างทำอัญมณีสามารถใช้ ทอง เงิน มุก หยก มรกต ไพลิน และอีกมากมาย มาประดิษฐ์ให้มันมีค่ามากยิ่งขึ้น

ช่างทำอัญมณีน่าจะเรียกได้ว่าเป็นอาชีพเฉพาะทางที่แยกออกมาจาก ช่างแกะสลัก

ที่นี่สมเป็นเมืองแห่งศิลปะ

วีด ชื่นชมงานศิลปะที่มีมากมายระหว่างเดินไปรอบๆ เมืองโรเดียม

มีทั้งสมาคมของอาชีพสายการผลิต และสมาคมของอาชีพสายศิลปะ ที่หาได้ยากในเมืองอื่นๆ

แน่นอนว่า สมาคมสายการต่อสู้ก็มีอยู่บ้างเหมือนกันที่นี่

ในโรเดียม มีสมาคมมากกว่าสามร้อยสมาคม! ที่เป็นเช่นนั้นเป็นเพราะที่นี่มีสมาคมทุกสายอาชีพ ทั้งสมาคมสายการต่อสู้ การประดิษฐ์ จนถึงศิลปะ

มันไม่ได้เป็นเรื่องเกินจริงหากจะบอกว่าเกือบทุกสาขาอาชีพสามารถพบได้ที่นี่

วีดหยุดอยู่ที่ถนนที่เรียงรายไปด้วยสมาคม

น่าจะถึงเวลาที่ค้นหาเบาะแสแล้ว

เขาได้รับข้อมูลมาว่ามีเบาะแสข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพประติมากรแสงจันทร์อยู่ที่สมาคมศิลปะซักแห่ง

แต่นั้นจำเป็นต้องมีความคุ้นเคยมากกับพอกับทั้งชาวเมือง และหัวหน้าสมาคม

การประจบยกยอเพื่อเอาใจ และการวิจารณ์ประณามบางสิ่งร่วมกัน ทำให้เขากลายเป็นเพื่อนรู้ใจ เหมือนคบกันมาทั้งชีวิต!!!

มันไม่ใช่งานที่ยากเย็นสำหรับ วีด ผู้ซึ่งมีทักษะปลิ้นปล้อนขั้นเทพ

มันมีบางอย่างที่ต้องทำก่อน.... น่าจะดีถ้าหากไปเรียนทักษะซักสองสามอย่าง ระหว่างที่ยังต้องอยู่เมืองนี้

ก่อนที่จะสำรวจตามสมาคมศิลปะ วีด เข้าที่ไปสมาคมนักรบที่อยู่ใกล้ๆ


*******************************


แม้ว่าเมืองโรเดียมจะเป็นเมืองแห่งศิลปะ แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีผู้เล่นที่มีอาชีพเกี่ยวกับสายการต่อสู้ที่เมืองนี้

บาร์มาสเป็นนักรบและเป็นคนประหลาดมากพอที่จะเริ่มต้นตัวละครในเมืองโรเดียม

จากการที่เขาเป็นคนที่รักในการท่องเที่ยว ดังนั้นเขาประทับใจในประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของเมืองโรเดียม

ตอนแรกๆ ที่เขาเลือกมาที่เมืองนี้มันก็ไม่เลว ในเมื่อเมืองนี้มีเหยื่อมากมายให้ล่าได้อยู่รอบๆ เมือง

ในระหว่างที่ศิลปินส่วนใหญ่พยายามจะยกระดับทักษะ บาร์มาสจึงไม่มีปัญหาในการแย่งล่าสัตว์อสูรนอกเมือง

โดยปกติแล้วเมืองเริ่มต้น สัตว์อสูรจำพวกกระต่ายและจิ้งจอก จะเกิดไม่ทันให้ฆ่าเนื่องจากผู้ล่าจำนวนมากมาแย่งกันล่า

แต่ทว่าที่โรเดียมมีสัตว์ป่าให้ล่าได้อย่างเหลือเฝือ บาร์มาสจึงสามารถเลื่อนเลเวล ได้อย่างรวดเร็ว

เขายังสามารถสร้างความเป็นมิตรกับอาชีพอื่นที่เกี่ยวกับการต่อสู้ได้ด้วย เนื่องจากไม่ต้องแย่งกันตี

ไม่มีนักรบหน้าไหนในเมืองโรเดียมที่แข็งแกร่งกว่าฉัน!

บาร์มาส มีความภาคภูมิใจว่าตนเองนั้นคือนักรบที่แกร่งที่สุดในเมืองโรเดียม ระหว่างที่เขากำลังทดสอบทักษะใหม่ๆ ในสมาคมนักรบ มีคนเดินเข้ามาทางเขา

“โอ๊ะ! นายเป็นนักรบที่ผ่านมาที่โรเดียมหรือ?”

นับรบมักเข้ากับนักรบด้วยกันได้ดีมาก ในเมื่อพวกเขาสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ โดยเฉพาะในศึกที่ยากลำบาก มันเป็นความคิดที่ดีหากมีนักรบมากกว่าหนึ่งคนในกลุ่มที่ออกผจญภัย

วีด ผู้ซึ่งเพิ่งเดินเข้ามาที่สมาคมได้ส่ายหน้า

“ขอโทษครับ แต่ผมไม่ใช้นักรบ”

“แล้วถ้างั้นนายมาที่สมาคมของเราทำไม?”



ผมมาเพื่อขอเรียนทักษะ ถ้าคุณไม่มีธุระอย่างอื่นอีก ผมขอตัวก่อนนะครับ

วีดเดินผ่านบาร์มาส และเข้าไปในศูนย์ฝึกซ้อมของสมาคม

มันตั้งใจมาทำอะไรวะเนี่ย?

ด้วยความสงสัย บาร์มาสเดินตามวีดไป วีดเดินไปห้องฝึกซ้อม

ผู้ฝึกสอนถามมาอย่างห้วนๆ “เจ้ามีธุระอะไรกับที่นี่?”

นักรบผู้ซึ่งยึดมั่นในอาชีพของตนโดยปกติมักรังเกียจผู้มีอาชีพสายศิลป์

ดังนั้นผู้ฝึกสอนจึงปฏิบัติกับวีดอย่างดูถูก เพราะเขามองเห็นได้ชัดว่า วีดนั้นปกคลุมไปด้วย บรรยากาศอันน่ารังเกียจของพวกศิลปิน

วีดค่อยๆถอดชุดหนังเยติ แล้วเอาไปเก็บ ด้วยอากาศที่ร้อนของพื้นที่แถบนี้ เขาไม่จำเป็นต้องใส่ชุดหนังอีกต่อไป แล้วเขายังถอดแม้แต่ชุดเกราะออกไป

“ได้โปรดโจมตีผมด้วยครับ”

“ว่าไงนะ?”

“เพื่อพิสูจณ์ว่าตัวข้านั้นคู่ควร ข้าปรารถนาการทดสอบ”

บาร์มาสงงเป็นไก่ตาแตก นั่นน่ะเป็นคำปฏิญาณของนักรบเพื่อที่เรียนทักษะใหม่ๆนี่?!

มันเป็นพีธีกรรมที่ต้องทำในการรับทักษะของนักรบนี่นา --- นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”

ผู้ฝึกสอนกวัดแกว่งไม้กระบองไปมา

“พวกศิลปินปวกเปียกฝีปากกล้า ช่างไม่เจียมตนถึงกับมาพูดอย่างโอหังต่อหน้าข้า!? ข้าจะทำให้เจ้าต้องสำนึกเสียใจในคำพูดที่เจ้าได้กล่าว!”

ผู้ฝึกสอนฝาดไม้พลองไปยังลำตัวของ วีดอย่างรุงแรง

*พลั่ก*

เป็นการฟาดที่รุนแรงอย่างน่าสะพึงกลัว!
แต่ทว่า วีดกลับไม่เคลื่อนที่ไปแม้แต่นิ้ว
ดูท่าจะยังไม่พอ งั้นข้าจะจัดให้อีกที

*พลั่กก*

แต่ท่าทางของวีดก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย

“บางที ข้าคงประเมินเจ้าต่ำไป...”

ผู้ฝึกสอนเริ่มแสดงท่าทียอมรับขึ้นมานิดหน่อย และกุมไม้พลองแน่นขึ้น จนเส้นเลือดในแขนเริ่มเบ่งพองขึ้นมา

“ถ้ามันเจ็บเกินไป ก็บอกข้า เจ้าอาจตายหากเจ้าพยายามฝืนอดทนมากเกินไป”
“ผมยังสบายดีครับ”

“ถ้างั้นข้าจะลงมือละนะ”

*ปึก* *ปัก* *ปัก* ปัก*

ผู้ฝึกสอนฟาดลงมา ทุกไม้ที่ฟาดลงมาแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ วีดยังดูสบายๆ ลมหายใจของผู้ฝึกสอน แรงขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุด ไม้พลองก็หัก!

“แฮกกก.... แฮก........ เจ้า.....มัน... สุดยอดจริงๆ!!”

ผู้ฝึกสอนหอบจนแทบลมจับ

“เจ้าเคยที่ลองปิดตาเวลาโดนตีบ้างไหม? นี่เป็นความลับนะ แต่เขาว่ากันว่า ความเจ็บปวดจะน้อยลง หากเจ้าปิดตา ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะสามารถทนการทุบตีได้ดีขึ้น”

*ตริ้ง*

ค่าสถานะใหม่: คุณได้รับค่าสถานะความทรหด (Toughness stat)!

ความทรหด: เป็นความสามารถในการทนการถูกโจมตี ทำให้ร่างกายทนการทุบตี ทำให้โอกาสรอดชีวิตจากการโดนโจมตีมากขึ้น แล้วรอดชีวิตได้ดีขึ้น แตกต่างจากสถานะแข็งแกร่ง (Fortitude) ตรงที่สถานะนี้จะขึ้นระดับได้จากการที่ถูกโจมตีใส่เท่านั้น และสถานะนี้มีส่วนทำให้ค่าพลังชีวิตสูงสุดเพิ่มขึ้น
ทักษะ: คุณได้เรียนรู้ทักษะ หลับตาอดทน (EYES CLOSED TIGHT) ระดับที่ 1 (0%): เมื่อปิดตาคุณจะได้รับความเสียหายลดลง สำหรับทุกระดับที่เพิ่มขึ้นจะลดความเจ็บ และความเสียหายลง 3% อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังสำหรับทักษะนี้ หากใช้อย่างไม่ระวังในการต่อสู้ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการต่อสู้อย่างไม่จำเป็น


ค่าสถานะตัวใหม่ และทักษะอันใหม่
แต่การหลับตาในการต่อสู้นั้นอันตรายอย่างยิ่ง

ในการที่หลับตาเมื่ออาวุธของคู่ต่อสู้ฟาดลงมานั้น... มันเป็นความผิดพลาดของพวกมือใหม่ แต่ในกรณีนี้ มันเป็นการจงใจทำเพื่อลดความเสียหาย และเพื่อทำให้มันมีประโยชน์สูงสุด จะต้องหลับตาในช่วงเวลาที่เหมาะสม

เพื่อให้ได้ตามเงื่อนไขนี้ จะต้องทำให้ผู้เล่นต้องยอมรับการโดนโจมตี และอาจทำให้ไม่สามารถโต้ตอบกลับไปได้ด้วย หรือก็คือมันอาจกลายเป็นจุดอ่อนถึงตายเวลาใช้ทักษะนี้

วีดใส่ชุดเกราะกลับไป

“ขอขอบคุณท่านมากที่สอนกระผมครับ ผมเองก็นับถือในอาชีพนักรบ ในเมื่อนักรบนั้นมีความสามารถที่ปกป้องพวกพ้อง และเมื่อยามต่อสู้พวกเขาก็จะกลายเป็นแนวหน้าผู้กล้าหาญ ผมจะพยายามเพื่อที่จะกลายเป็นคนที่น่านับถือได้เช่นนั้น ในสักวันเมื่อโอกาสมาถึงผมจะกลับมาอีกครั้ง”

“มันเป็นเกรียติของข้าที่ได้สั่งสอนบุรุษผู้ซึ่งสามารถปกปักษ์สิ่งที่สำคัญของตนเองได้ เจ้าสามารถมาที่นี่ได้ทุกเมื่อเมื่อเจ้าต้องการ”

หลังจากคำนับผู้ฝึกสอน วีดก็ค่อยๆ ก้าวเดินจากไป

บาร์มาสอ้าปากค้าง ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า

“ไม่จริง!”

ทักษะที่วีดได้เรียนไปนั้น ต้องการค่าสถานะความแข็งแกร่งมากกว่าสี่ร้อยขึ้นไปถึงเรียนรู้ได้

นั่น มันเป็นทักษะที่ แม้แต่บาร์มาส ยังไม่สามารถเรียนรู้ได้ ค่าความแข็งแกร่ง สถานะนี้ไม่ง่ายเลยที่จะเพิ่มมันขึ้นมา มันจะเพิ่มระดับก็ต่อเมื่อ ผู้เล่นได้รับการโจมตีจากสัตว์อสูรอย่างต่อเนื่อง หรือว่าตกอยู่ในสถานะการณ์ที่เป็นอันตรายต่อชีวิต แต่ว่ากว่าจะได้ค่าสถานะขนาดนี้ เขาจะต้องรับการโจมตีจากพวกสัตว์อสูรมามากแค่ไหนกัน?!

ไม่มีคนปกติคนไหนหรอกที่ จะเลือกการต่อสู้ที่เสี่ยงชีวิตขนาดนี้

ปกติแล้ว นักรบจะออกล่าเป็นทีม แทนที่จะเดินทางคนเดียว

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจะไม่ค่อยโดนโจมตีหนักๆเท่าไหร่ ในเมื่อนักรบอาจรับการโจมตีซักครั้งสองครั้งจาก สัตว์อสูร นักสู้ในทีม โดยปกติแล้วเมื่อโดนโจมตีอย่างมาก สามหรือสี่ครั้ง ก็จะถอยกลับมา

พวกเขาสามารถล่าสัตว์อสูรด้วยความเสียหายน้อยที่สุด ด้วยเหตุนี้ต่อให้เป็นผู้เล่นที่มีเลเวลสูง ค่าสถานะความแข็งแกร่ง ก็มักจะไม่สูงเท่าไหร่

และยิ่งไปกว่านั้น ค่าสถานะความแข็งแกร่งนั้น จะเพิ่มก็ต่อเมื่อผู้เล่นอยู่ในขีดอันตราย ...หากให้ยกตัวอย่างก็ ตอนที่รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการที่โดนสัตว์อสูรโจมตีมาอย่างรุนแรงจน ทะลุการป้องกันทั้งหมด!

ค่าความแข็งแกร่ง มันเป็นสถานะที่ขึ้นระดับได้ง่าย ตอนที่พลังชีวิตใกล้จะหมด

ค่าความทรหดนั้นต้องการแค่ให้ผู้เล่นถูกโจมตี แต่ค่าความแข็งแกร่งนั้น ตามชื่อมันเลยมันเป็นค่าที่เพิ่มขึ้นจากการยืนหยัดจนนาทีสุดท้ายเพื่อที่จะ เพิ่มระดับมัน

เพื่อที่จะให้ค่าสถานะนี้มีระดับสูง ผู้เล่นจะต้องเจอกับศึกใหญ่ขนาดที่ชีวิตแขวนบนเส้นด้าย และจะต้องยืนหยัดเอาชีวิตรอดมาได้จากการโจมตีนับครั้งไม่ถ้วน

แต่ในสถานะการณ์เช่นนั้น การโดนโจมตีจังๆ ซักครั้งอาจถึงกับตาย!

พลังโจมตีของสัตว์อสูรนั้นไม่คงที่ การโดนโจมตีโดยตรงจะได้รับค่าความเสียหายอย่างมาก ในขณะที่ การโจมตีถากๆนั้นก็จะได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย

ผู้เล่นจะต้องยอมรับการโจมตี และต้องระมัดระวังค่าพลังชีวิตอย่างยิ่งยวด

ดูได้จากนักรบทั่วไปนั้นส่วนใหญ่ไม่สามารถมีค่าสถานะความแข็งแกร่งเกินกว่า 250 ดังนั้นนี่เป็นกรณีที่ผิดปกติอย่างมาก

บาร์มาส อดความสงสัยในใจไว้ไม่ได้ เขาจึงถาม
“นาย มีอาชีพอะไร ?!”

วีดตอบ
“ประติมากร”

.........บาร์มาส พูดอะไรไม่ออก.....


*********************************


กิลด์โฟรสเซ่นโรส (Frozen Rose)พยายามหาทุกวิถีทางเพื่อรวบรวมผู้คน

“มาด้วยกันเถอะ! เรายังต้องการคนอีกมากที่จะไปบุกเบิกแผ่นดินใหม่กัน!”

“ไม่เอา  .. เราไม่รู้เลยว่ามันมีอันตรายอะไรที่รออยู่ที่นั่น”

ผู้เล่นในกิลด์ โฟรสเซ่นโรส และกลุ่มพันธมิตรช่วยกันป่าวประกาศว่าพวกเขาได้ตั้งคณะเพื่อบุกเบิกพื้นที่ใหม่

มีผู้เล่นระดับสูงเข้าร่วมราวๆ สี่ร้อยคน และจะเพิ่มมาอีกสามสิบกว่าคนจากสมาคมดาร์ดเกมเมอร์ ที่จะมาเข้าร่วมในวันที่ออกเดินทาง

สำหรับการรวมคนของกิลด์ที่มีเฉพาะกิลขนาดกลางแล้ว ถือเป็นความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึง

ที่ได้รับความร่วมมือเช่นนี้ ก็เพราะพวกเขาเริ่มเบื่อการกัดกันเองในภาคกลาง ดังนั้นพวกเขาตัดสินใจที่จะบุกเบิกผืนแผ่นดินใหม่ทางภาคเหนือ

แต่ว่าโอเบรอน หัวหน้าของกิลด์โฟรสเซ่นโรส ยังรู้สึกว่ายังขาดอะไรไปบางอย่าง

มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่ไปบุกเบิกแผ่นดินทางภาคเหนือก่อนคนอื่นๆ แต่ทว่ามันก็ไม่จำเป็นที่ต้องมีการเสียสละที่ไร้ค่า

ในเมื่อการผจญภัยทางภาคเหนือครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่กิลด์ถูกสนับสนุนมากขนาดนี้ และการผจญภัยครั้งนี้ยังเป็นการกำหนดชะตากรรมของกิลด์จากนี้ไปด้วย

โอเบรอน อยากให้ทุกอย่างพร้อมมากเท่าที่จะมากได้

เราจะควรรับเฉพาะคนที่เก่งในความถนัดต่างๆ

นักผจญภัย นักฆ่า ขโมย ช่างทำแผนที่ ทหารพราน และอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการบุกเบิกต่างๆ มีการรับสมัครให้เข้าร่วมแล้ว อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายหน้าที่ยังขาดคน

นักบวช! เราต้องการใครซักคนที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บและอาการผิดปกติ และเรายังต้องการพ่อครัว มาทำอาหาร แถมอย่างน้อยต้องมีช่างตีเหล็ก สามคนสำหรับการซ่อมแซม และถ้ามีพ่อค้าอีกหลายคนสำหรับการลำเลียงสิ่งของ ก็ไม่เลว

ในเมื่อนี่เป็นการร่วมมือของหลายกิลด์ ในการบุกเบิกครั้งใหญ่ เรื่องพวกนี้จึงเป็นสิ่งที่พอจะหามาได้

มันไม่มีเวลามามัวทำเรื่อยเปื่อย ในเมื่อไม่มีใครรู้ว่ามันมีอันตรายและการผจญภัยอะไรรออยู่ที่ ปราสาทและเมืองทางภาคเหนือ

แต่บางกิลด์ก็อาจรีรอดูท่าที จากความคิดเช่นนั้นเหมือนกัน

การนำกิลด์ไปบุกเบิกภาคเหนือนั้นมีความเสี่ยงอย่างมาก

จนกว่าจะถึงเวลาออกเดินทางไปบุกเบิกทางภาคเหนือ โอเบรอน และสมาชิกของกิลโฟรสเซ่นโรส ต่างวุ่นวายกับการรวบรวมคน

ในระหว่างที่พวกเขากำลังหัวหมุนกับการหาคนที่ฝีมือมาเข้าร่วมการบุกเบิก ดรัม หัวหน้าหน่วยเวทของกิลด์ก็ พูดขึ้นมา

“ท่านหัวหน้า โอเบรอน”
“ว่าไง มีอะไรหรือ?”
“ทำไมพวกเราจะไม่ลองหาคนซักสองสามคนจาก เมืองโรเดียมหรือ?”

“จากเมืองแห่งศิลป์นะหรือ? ไปหาทำไมที่นั่น” โอเบรอน ถามอย่างสงสัย

ไม่ค่อยมีนักรบ หรือนักผจญภัยชื่อดังในเมืองโรเดียม

และเมื่อข่าวลือเรื่องการบุกเบิกภาคเหนือเริ่มแพร่หลาย ฝูงคนที่จะขอมาเข้าร่วมก็ถาโถมเข้ามาอย่างกับคลื่นยักษ์!

แน่นอนว่า มีกำลังคนมากก็เป็นเรื่องดี แต่ไม่จำเป็นที่ต้องรับเข้ามาทุกคน

เฉพาะคนดัง และคนที่มีความสามารถสูงเท่านั้นที่จะยอมรับให้เข้าร่วม

“โรเดียมนี่มันเมืองที่มีแต่พวก อาชีพสายการผลิต กับพวกอาชีพสายศิลปะ ใช่ไหม?”
“ใช่แล้วครับ”
“บางทีเราอาจใช้ประโยชน์จากความสามารถพิเศษของพวกนั้นได้นะครับ... อย่างถ้าเราเจอกับพายุระหว่างทาง การบุกเบิกคงเป็นไปได้อย่างยากลำบาก แต่หากมีช่างก่อสร้างอยู่ เราก็จะสามารถสร้าง พี่พักไว้พักผ่อนได้นะครับ”
ดรัมพูดจี้ตรงจุดสำคัญ
“ฟังดูไม่เลวนะ ที่จะเพิ่มช่างก่อสร้างเข้ามา-- ทำไมฉันคิดไม่ถึงนะ?”

เมื่อโอเบรอนแสดงท่าทีเห็นด้วย ดรัมก็กล่าวต่อด้วยความเชื่อมั่นที่มากกว่าเดิม
“แม้นักกวีอาจดูไม่ค่อยมีประโยชน์นัก แต่พวกเขาช่วยให้ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางลดลงจากการเล่นเครื่องดนตรี นักเต้นรำก็สามารถทำหน้าที่นี้เหมือนกัน และหากพวกเขาอยู่เล่นกันเป็นวง ก็ยิ่งแสดงประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้นนะครับ”

“แม้ว่าบัพค่าสถานะเพิ่มจากทักษะนักกวีเพียงแค่ประมาณ 10% แต่เมื่อใช้กับคนนับร้อยค่าบัพอันนี้ก็คงมองข้ามไปเฉยๆ ไม่ได้ และหากมีการร่วมมือจากนักเต้นรำ และสาขาอาชีพที่ใกล้เคียง มาบัพเพิ่มขึ้นไปอีก มันก็จะยิ่งเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของคณะบุกเบิกเป็นอย่างมาก”

แม้ว่าปกติ นักกวี และนักเต้นรำจะไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับของทีมในการรบตีเมืองทั่วไป
เนื่องจากพวกเขามีค่าพลังชีวิตที่ต่ำ ทำให้เป็นเป้าในการโดนสังหารได้ง่าย ตั้งแต่การรบเพิ่งเปิดฉาก

แถมมันเป็นอาชีพที่สร้างจุดอ่อนอย่างร้ายแรงที่สุดต่อบรรดาอาชีพอื่นๆ ทั้งหลาย!
เพราะเมื่อผู้แสดงตายระหว่าง ร้องเพลง หรือเต้นรำ ค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นมาจะไม่แค่กลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่จะลดลงไปอีกด้วย!

นี่เป็นเหตุที่ทำไมอาชีพพวกนี้ถึงไม่นิยมใช้ในสนามรบ
แต่ว่ามันอาจมีประโยชน์กับการบุกเบิกพื้นที่ขนาดใหญ่

โอเบรอนถูคางไปมา พร้อมบ่นพึมพำ
“นี่เป็นคำแนะนำที่น่าสนใจจริงๆ....”

“ถูกต้องแล้วครับหัวหน้า และมันอาจจะยิ่งดี หากมีศิลปินอีกหลายสาขามาเข้าร่วม มันอาจดูไม่มีประโยชน์ในทันที แต่พวกเขาต้องมีบัพอะไรซักอย่างให้กับกลุ่มได้แน่นอนครับ เราควรจะนำคนพวกนั้นไปมากเท่าที่ทำได้ บางทีมันอาจช่วยเพิ่มโอกาสให้เป้าหมายเราสำหรับเร็จได้นะครับ”

“ตกลง เราจะผ่านไปที่โรเดียมอยู่แล้วหากเราขึ้นไปทางเหนือ ดังนั้นเราจะใช้โอกาสนี้ในการหาคนเพิ่มที่นั่น”


***********************************


หลังจากเรียนทักษะจากสมาคมนักรบ วีดมุ่งหน้าต่อไปยังสมาคมที่เกี่ยวกับการผลิต และศิลปะ
“อย่างแรกเลย ชั้นควรจะสืบจากที่ๆ น่าจะเกี่ยวข้องกับเป้าหมายของชั้นที่สุด”
เขาเริ่มตั้งต้นค้นหา   เบาะแสของ ประติมากรแสงจันทร์ควรจะอยู่ใกล้ๆ ละแวกนี้

วีดมุ่งไปยังสมาคมแกะสลักเป็นที่แรก ที่สมาคมมีผู้คนมากมายทั้งเข้าและออกจากตึก

“ที่นี่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการค้นหา”

แต่ว่าเมื่อ วีดกำลังเข้าไป ยามก็ยกหอกไขว้ปิดทางเดินของเขาไว้

“เจ้าไม่สามารถเข้าสมาคมของเราได้ นอกเสียจากเจ้าจะเป็นศิลปินของโรเดียม ถ้าเข้าต้องการเข้ามา จงไปลงทะเบียนก่อน แล้วค่อยกลับมา”
“ผมจะลงทะเบียนเป็นศิลปินได้อย่างไรครับ?”
“ไปที่ สหภาพศิลปิน สหภาพจะอยู่ที่ทางซ้ายตรงสุดถนนแห่งนี้”

ไม่มีทางเลือก วีดต้องไปที่สหภาพศิลปิน ตัวตึกของสหภาพเป็นตึกสามชั้นที่ดูหรูหรา

ตึกช่างหรูหราอลังการ แต่ทว่ามีแต่ความยากจน.......

วีดเปิดประตูและเข้าไป ในนั้นมีชายวัยกลางคน 5 คน กำลังทำงานอยู่

“เราไม่ได้มีแขกมานานเหลือเกิน มีอะไรใหข้าช่วยไหม?”
“ผมต้องการลงทะเบียนเป็นศิลปิน”

ตาแก่หัวเราะร่วน กับคำขอนี้

“ทุกคนที่มาจาก โรเดียม ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนอีก เจ้าคงมาจากดินแดนอื่นสินะ เจ้ามาจากที่ไหน?”

“ผมมาจากโรเซนไฮล์ม”

“อือ.. ไกลเอาการ น่าประหลาดที่ศิลปินจะเดินทางไกลจนมาถึงที่นี่ ถ้างั้นข้าจะเริ่มแนะนำเจ้าเกี่ยวกับเมืองของเราโรเดียม โรเดียมเป็นเมืองแห่งศิลปะ และวัฒนธรรม เชื่อเถอะว่า มีผู้คนมากมายมาค้นพบว่าความหมายของในการดำรงชีวิตของตนนั้นคือเส้นทาง แห่งศิลปะ หากขาดมันไป ชีวิตก็แห้งแล้งอับเฉาในเมืองโรเดียมของเรามี งานศิลปะนับชิ้นไม่ถ้วน แต่ละชิ้นก็ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี มีความเป็นยอดทั้งใน ความสวยงาม และความเป็นมา”

วีกผงกหัวเห็นพ้อง เพราะเขาได้เห็นมาแล้วด้วยตาเขาเองแล้ว

สิ่งประดับทุกชิ้นทั้งบนท้องถนน และอาคารต่างๆ ในโรเดียมส่วนถูกสร้างด้วยความประณีต ก็ขนาดบนท้องถนนทั่วไป ก็มีการประดับอย่างหรูหรา ยิ่งทำให้เชื่อได้ว่าภายในที่อยู่อาศัย หรือในห้องแสดงงานศิลป์ จะต้องมีผลงานที่ยอดเยี่ยมกว่านั้นอย่างแน่นอน

วีดนั้นเคยเข้าไปชมดูภายในพระราชวังโรเซนไฮล์ม แต่ทว่าเขาก็ ไม่พบเจองานศิลป์ที่ทรงคุณค่าในระดับนี้ ด้วยงานศิลป์ทั้งหมดที่เมืองนี้ เมืองนี้ย่อมสมกับสมญานาม สรวงสวรรค์แห่งศิลปิน ยิ่งไปกว่านั้น โรเดียม ยังล้นหลามไปด้วย เศวส เกี่ยวกับงานศิลปะ ขอเพียงมีความสามารถระดับนึง ก็จะสามารถรับงานเหล่านั้นได้ไม่ยาก

ตาแก่ก็ยังคุยโว ถึงเมืองโรเดียมอย่างไม่จบไม่สิ้น

“เจ้าเคยเห็นเมืองโรเดียม ในยามอาทิตย์อัสดงหรือไม่ มันเป็นภาพที่เจ้าจะไม่สามารรถบรรยายออกมาเป็นคำพูดใดๆ ได้เลย! นักท่องเที่ยวมากมายหลั่งไหลเข้ามาที่ โรเดียม เพียงเพื่อมองวิวนั้นซักครั้ง ศิลปะ คือสิ่งหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณอันสูงส่ง และอีกครั้ง ข้าขอต้อนรับเจ้าเข้ามาสู่เมืองแห่งศิลปะ โรเดียม”

แต่ว่า วีดไม่มีความรู้สึกคล้อยตามแม้แต่น้อย ที่นี่มีขอทานมากกว่างานศิลปะซะอีก! ถ้าเขาไม่เห็นพวกเคราะห์ร้ายที่เลือกเส้นทางนี้ (จนกลายเป็นยาจก) สุนทรพจน์ของตาแก่นี่อาจทำให้เขาคล้อยตามได้นิดหน่อย แต่ตอนนี้ไม่มีทาง

โรเดียม เมืองที่มีผลกำไรเพียงเล็กน้อยจนะกระทั่ง ไม่มีใครอยากยึดครอง! มันแหงอยู่แล้วว่า วีด ก็ต้องไม่สนใจเช่นกัน คุณค่าที่แท้จริงของศิลปะนั้น มันต้องตีค่าเป็นเงินตราได้เท่านั้น!

แต่มันก็ช่วยให้ วีด ขายงานเกาะสลักชิ้นเล็กๆมากมาย ที่เขาขนมาด้วยได้ง่ายขึ้น ก็ได้กำไรมานิดหน่อย

แถมยังมีภารกิจจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับอาชีพศิลปิน

ในเมื่อที่นี่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายแห่งศิลปะวัฒนธรรม แต่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจน้อยมาก มีเพียงภารกิจที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะมากมาย เท่านั้นที่เป็นสิ่งดึงดูดใจสุดท้ายที่ ยังคงทำให้ ศิลปินทั้งหลายยังไม่ย้ายหนีไปจากเมืองโรเดียมแห่งนี้

“ผมปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง ที่จะได้ละทะเบียนเป็นศิลปิน ณ.เมืองที่วิเศษที่สุดอย่าง โรเดียม ครับ”

“อืม... มีอะไรบางอย่างที่เจ้าควรรู้ สำหรับคนต่างเมืองที่จะมาลงทะเบียนที่นี่นั้น จำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่ามีคุณสมบัติที่คู่ควร”

“แล้วผมต้องทำอะไรหรือครับ?”

“สร้างผลงานศิลปะยังไงล่ะ ที่ถนน หรือว่ากำแพง หรือว่าที่ไหนๆ ในเมืองโรเดียม ก็ได้ เจ้าแค่ต้องสร้างผลงานศิลปะไว้ที่ไหนที่หนึ่ง เจ้าจะต้องแสดงให้เห็นถึงความหลงใหลที่เจ้ามีต่อโรเดียมผ่านงานของเจ้า แล้วเราจะอ้าแขนต้อนรับเจ้าเอง ในเมื่อเจ้าถือช่างแกะสลัก เจ้าก็ควรทำรูปแกะสลัก”

*ติ้ง*

ศิลปินแห่งเหมืองโรเดียม
ช่างแกะสลักต้องพิสูจณ์ความสามารถ และถ่ายทอดออกมา ผ่านผลงานที่สร้างสรรค์ หากคุณต้องการสิทธิในการทำสิ่งต่างๆ ในเมืองโรเดียม คุณต้องสร้างผลงานขึ้นมาเอง
ความยาก: ไม่อาจระบุ
ข้อควรระวังของภารกิจ: คุณต้องสร้างผลงานที่เหมาะสมกับความสามารถที่มี  หากคุณไม่ให้เกียรติแก่ตนเอง  คุณอาจเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างมีนัยยะสำคัญ และยังอาจถูกจำกัด สิทธิเวลาที่อยู่ที่เมืองโรเดียมอีกด้วย



ดูท่าการลงทะเบียนเป็นศิลปินที่เมืองโรเดียมนั้น เขาจำเป็นต้องสร้างงานศิลปะที่แสดงให้เห็นถึงระดับความสามารถที่เขามี นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงได้มีรูปแกะสลักเกลื่อนไปทั้งเมือง!  ถึงตรงจุดนี้แล้วการทำผลงานเก่าที่เคยทำมาก็เป็นเรื่องกล้วยๆ ของวีด แต่หากจะสร้างงานซักงานที่เหมาะสมกับระดับความสามารถของเขา มันต้องเป็นระดับ ผลงานชั้นเยี่ยม(Grand artwork) หรือว่างานระดับมาสเตอร์พีชเท่านั้น

“ผมจะสร้างผลงานที่เหมาะสมเองครับ”

คุณยอมรับภารกิจนี้



******************************


ตอนที่เมแพนได้มาที่เขตภูเขายุโรกิตอนแรกๆนั้น เขาก็หาอะไรทำไม่ค่อยได้ มันเป็นเรื่องยากสำหรับพ่อค้าที่จะทำธุรกิจที่เขตที่ไม่มีข้อมูลใดๆ แต่ เมแพนนั้นปรับตัวได้เร็วมาก

“มันไม่มีที่ไหนในโลกหรอก ที่จะทำเงินไม่ได้!”

ความกระหายในเงินตราอย่างไร้ที่สิ้นสุดที่ได้รับมาจากวีด ได้เติบใหญ่ขึ้นในตัวของเขา!

“มันยังค้าขายได้ ขอเพียงแค่เดินทางไปเมืองต่างๆ ซื้อแล้วก็ขาย”

มีเมืองมากมายที่กระจายอยู่รอบยุโรกิ ทั้งเมืองของ ออร์ค ดาร์คเอลฟ์ หรือแม้แต่หมู่บ้านผู้ถูกเนรเทศ ที่ท้องทุ่งแห่งนี้ เมแพนเริ่มเส้นทางค้าขายระหว่างเมืองต่างๆ ด้วยเกวียนที่เต็มไปด้วยสินค้ามากมาย

“สวัสดี, รับซื้อ ไอเท็ม.... ไม่ว่าจะเป็นหนังสัตว์ต่างๆ หรือแม้แต่ของดรอปที่ได้!”

เริ่มแรกเขาซื้อทุกอย่างที่ดรอปเท่าที่จะซื้อได้จากหมู่บ้านผู้ถูกเนรเทศ ไอเท็มของที่นั้น ประกอบด้วย กับดัก และเครื่องมือตั้งแค๊มป์ อย่างเช่นพวกเชือก ของพวกนี้ราคาถูก แถมมีอยู่มากมาย เขาซื้อสิ้นค้าจากหมู่บ้านผู้ถูกเนรเทศ จนเต็มเกวียนถึง 5 เกวียน แล้วจากนั้น เขาก็เดินทางต่อไปยังดินแดนของพวกดาร์คเอลฟ์

แม้ไม่เทียบเท่ากับกับพวกคนแคระ แต่ดาร์คเอฟ ก็ยังมีทักษะงานฝีมือที่ยอดเยี่ยม อุปกรณ์ส่วมใส่ และเครื่องมือต่างๆ ที่ผลิตขึ้นจะมีความทนทานสูง และมีคุณภาพดีเยี่ยม

เมแพน ซื้อทุกอย่างเท่าที่เขาจะซื้อได้

หลังจากขายหนังสัตว์ที่ได้มาจากหมู่บ้านผู้ถูกเนรเทศ เขาก็เอาเงินที่ได้มาทั้งหมดไปซื้อของมาเพิ่มอีก

หลังจากนั้นเขาก็เดินทางต่อไปยังดินแดนของออร์ค เมืองแรกที่ไปคือเมืองของออร์คลอร์ด บูลชวิ  หลังจากภารกิจของเผ่าพันธ์ออร์คสำเร็จ มีผู้เล่นใหม่จำนวนมากเลือกที่จะเริ่มต้นที่ยุโรกิ

“ตูข้าคือออร์ค ชวิค ชวิค!”
“ออร์คที่แท้จริง ต้องรู้จักทำเสียงขึ้นจมูก ชวิค ทำตามข้าซะ ทุกตน!”

“พี่ชาย เท่ห์สุดๆ ชวิค ชวิค ชวิค!”
“เออ! น้ำมูกนายไหลออกมาด้วยนะ ชวิค ชวิค”

พวกนั้นเป็นฝูงออร์คที่ยังสวมใส่ชุดเริ่มต้นของออร์ค

คนพวกนี้เป็นพวกที่หลงใหลในเผ่าออร์คจากการที่ได้ชมวิดีโอของคาริชวิ ที่ฉายบนหอเกียรติยศ
จำนวนที่มากมายมหาศาล! ใช้ปริมาณที่เหนือกว่าเข้าต่อสู้ ! เผ่าพันธุ์ที่แพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วจนกลายป็นผู้ปกครองเทือกเขายุโรกิ!

สำหรับผู้ที่ฝันถึงการผจญภัยไปอย่างแข็งแกร่ง มีเอกลักษณ์ และดุเดือด เผ่าออร์คคือสิ่งที่ พวกเขาเลือก
แม้แต่ประตูตะวันออกที่ทรุดโทรมของเมือง ก็เต็มไปด้วยประชากรออร์คมากกว่าพันตน

และถ้าคุณรวม ออร์ค ที่สร้างตัวละครมาไม่ถึง 4 อาทิตย์ของทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลล์ มันก็จะมีจำนวนมากจนนับไม่หวาดไม่ไหว!

ไปล่ากัน! ชวิค!

ที่นี่เป็นแดนสวรรค์ของการล่า ชวิคชวิค!

ชวิค ชวิค ! มีของให้ล่ามากมาย

พวกเขาเหล่านั้นก็เริ่มรวมกลุ่มกันสามบ้างห้าบ้าง แล้วแยกย้ายกันออกจากเมืองไปทุบหัวเหล่าหมาป่า

พวกเขาถือไม้พลองอันโตๆ หรือแม้แต่กิ่งไม้ท่อนใหญ่เป็นอาวุธ

เนื่องจากกิ่งไม้มีความทนทานต่ำ และพลังโจมตีก็ต่ำ ไม่ใช่แค่พวกมือใหม่จากส่วนกลางของทวีปจะไม่ใช้ แม้แต่มือใหม่ของอาณาจักรชายแดนอย่างโรเซนไฮล์ม ก็ยังไม่ใช้ของพวกนี้เป็นอาวุธ

*ผัวะ*

เออร์ชวิค ออร์คเพศหญิง กำลังทุบหัวหมาป่าด้วยกิ่งไม้อย่างแรง

เออร์ชวิค ทุบได้สวย ชวิค!

แรงสุดๆ เลยค่ะ พี่ชาย ชวิค ชวิค!

สำหรับเผ่ามนุษย์นั้น การล่ากระต่ายที่อ่อนแอ และสุนัขจิ้งจอกก็ยังล่าได้อย่างยากลำบาก แต่มือใหม่พวกนี้ กลับสามารถล่าหมาป่าได้อย่างง่ายๆ

เผ่าออร์คนั้นไม่มีข้อจำกัดในต่อสู้มากเท่ากับเผ่ามนุษย์

เผ่าออร์คนั้นมีผิวหนังที่หนาดังนั้นจึงมีพลังป้องกันตามธรรมชาติสูงสามารถทนทานต่อการโจมตีได้แม้จะไม่ได้สวมชุดป้องกันใดๆ และนั่นคือข้อได้เปรียบทางธรรมชาติของเผ่าพันธุ์นี้!

แถมเผ่านี้ยังสามารถใช้อาวุธหนักที่เผ่ามนุษย์ไม่สามารถใช้ได้อย่างสบายๆ ด้วยเหตุนี้ผู้เล่นที่เป็นเผ่าออ์คจึงสามารถต่อสู้ได้ง่ายกว่ามาก

โดนตี และฟาดกลับ พวกเขาเพียงแค่ ทำอย่างนี้ซ้ำไปมาเพียงแต่การโจมตีแต่ล่ะครั้งนั้นมีพลังโจมตีที่รุนแรงมาก

ตูข้านี้คือ ออร์ค แห่งเทือกเขายุโรกิ!ชวิ ชวิค!
ออร์ค! ออร์ค! ออร์ค!
อัดมัน ชวิค! ฆ่ามันเลย ชวิค!

ออร์คพุงพลุ้ยจำนวนมากกำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทั้งกระทืบ และทุบตีเหล่าหมาป่าทันทีที่พบเห็น นี่เป็นจุดที่ยอดเยี่ยมของออร์ค และเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เผ่านี้สามารถ พัฒนาในช่วงเริ่มแรกได้สุดยอด


ในระหว่างนั้น เมแพน ก็กำลังทำการค้าอยู่ในดินแดนของ ออร์ค

“เร่เข้ามา เร่เข้ามา มีอุปกรณ์สำหรับการผจญภัยทั้งหมด  อย่าช้า ของจำเป็นอย่างผ้าพันแผล และกระเป๋าที่จะใช้บรรจุไอเท็มของคุณ! และยังมีอาวุธตั้งแต่ อาวุธธรรมดา จนไปถึงอาวุธระดับสุดยอด ที่ผลิตโดยดาร์คเอลฟ์ แล้วหากคุณกำลังเบื่อกับอาหารของออร์ค! ไม่ลองเติมรสชาติดูละ? ผมมีเครื่องเทศทุกชนิดส่งตรงมาจากดาร์คเอลฟ์”

“ชวิค ชวิค!”

“เอาเงินไปหมดเลย ชวิค ชวิค! แล้วส่งอาวุธมาซิ ชวิค!”

เหล่าออร์คเข้าคิวกันซื้อของทุกอย่างที่วางขาย เป็นที่รู้กันว่า ดินแดนออร์ค นั้นทุกอย่างดูดีหมด ยกเว้นร้านค้าที่เฮงซวยที่สุด

ขนาดง้าวผุๆยังตั้งราคาไว้กว่าแสนเหรียญทอง ไม่มีใครมีเงินมากพอและบ้าพอซื้อไปใช้แน่นอน ด้วยเหตุนี้ เมแพนที่มาพร้อมสินค้าเต็มเกวียน เลยเหมือนเทพมาโปรด ไม่แค่ความต้องการสินค้ามีแต่ แต่เมแเพนยังผูกขาดการขายไว้ได้คนเดียวอีกด้วย !!

“ก้าวเข้ามาครับ เรียงคิวรอซักพัก เรามีสินค้ามากมาย!”

เมแพน มีความสุขเหลือล้นจากการขายสินค้าที่เขานำมาของที่ราคาถูกที่สุด ยังได้กำไรสองถึงสามเท่าของราคาทั่วไป และยิ่งพวกอาวุธเขาขายได้ราคาเป็นสิบเท่าของราคาปกติ!

บางคนอาจประนามว่าการกระทำของเขาเป็นการเอาเปรียบกันเกินไป แต่เมแพนเชื่อในสิ่งที่ วีดได้สั่งสอนมาว่า ไม่มีอะไรเกินไป หากลูกค้ายังพอใจ

ปกติแล้ว กำไรจากผู้เล่นมือใหม่นั้นน้อยมาก แต่มันเหมือนหนังคนล่ะม้วนเลย ถ้ามีเทคนิคการค้าขายที่ดี บางทีมันอาจดีขึ้นแค่นิดหน่อย แต่กำไรที่ได้ ทำเอากระเป๋าเงินเมแพนตุงไปหลายใบ ยิ่งไปกว่านั้น การที่เขาไม่ต้องเสียเวลามากในการขายก็เป็นข้อได้เปรียบอย่างยิ่ง

เมื่อเขาเห็นเหล่าออร์คส่งเสียงโห่ร้องดีใจที่ได้ซื้อสิ้นค้า เขาก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจในความเป็นพ่อค้าของเขามากขึ้น

ชวิค ชวิค!

แต่อย่างไรก็ตาม หัวใจอันบอบบางของ เมแพน ก็ตระตุกทุกครั้งที่ใบหน้าอันน่ากลัวของออร์คได้ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

เฮืออก!

ความอัปลักษณ์ที่สุดแสนจะบรรยายของ ออคคาริชวิ!  เงาของเขานั้นได้ปรากฏอยู่ทั่วไป ผู้เล่นที่เลือกเผ่าออร์คหลังจากที่ประทับใจจากการชมวิดีโอภารกิจของคาริชวิ นั้น มักพยายามปรับรูปลักษณ์ ให้คล้ายคาริชวิอย่างน้อยก็นิดหน่อย เพียงแต่ปัญหาคือ ส่วนใหญ่จะยิ่งปรับเปลี่ยนแล้ว ยิ่งอัปลักษณ์ซะยิ่งกว่าต้นฉบับซะอีก!

“ขอแผลเป็นบนใบหน้าอีกหน่อยนะ”
“จริงๆเอาให้ตาบอดไปเลยก็ได้ มีผ้าปิดตาก็เท่ห์เหมือนกัน”
“เอาเขี้ยวใหญ่เท่าที่ใหญ่ได้เลย และหากมันยื่นออกมานอกปากมากๆได้ยิ่งดี”
“เอาแบบที่ น้ำลายแตกฟองออกมาเวลาพูดไปเลย....”
“แล้วจมูกนี่เอาให้ใหญ่เกินครึ่งหน้า!”

ออร์คปกติก็ไม่มีใบหน้าที่เรียกว่าปกติอยู่แล้ว!

พวกนี้อย่างน้อยๆ ก็มีผ้าปิดตาไม่ก็รอยแผลเป็นตามหน้าตา ตามแต่รสนิยมส่วนบุคคล ผลของมันเลยทำให้ที่นี่เหมือนนรกที่มีตัวอัปลักษณ์น่ากลัวเดินเต็มไปหมด

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เมแพนเองก็ทำยอดขายทุบสถิติที่เคยทำมาอย่างถล่มทลาย แถมยังได้ค่าชื่อเสียงอีกมากมาย

เมแพน พ่อค้าแห่งเผ่าออร์ค! เป็นฉายาที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในกลุ่มออร์ค!

เผ่าออร์ค นั้นแม้จะเล่นง่ายและพัฒนาไวในช่วงเริ่มต้น แต่พอพ้นช่วงระดับต้นๆ ไปก็จะเริ่มพัฒนาได้ช้าลง

เผ่าออร์คนั้นอ่อนหัดทั้งเวทย์มนต์ และการฝีมือ แถมยังไม่สามารถแก้กับดัก และไม่มีพลังความศรัทธา แม้จะมีพวก ออร์คชาร์แมน หรือ ออร์ควอร์ล็อค แต่ความสามารถก็ไปในทางเสริมพลังโจมตี แทนที่จะเป็นการฟื้นฟูพลังชีวิต

“เผ่าออร์คนั้นมีวุฒิภาวะต่ำ แต่มีร่างกายแข็งแกร่ง ถ้าพวกนั้นมีวุฒิภาวะมากกว่านี้ ชั้นคงจะทำกำไรแบบนี้ไม่ได้..... ดูได้จากการที่เขาสามารถผูกขาดการค้าได้โดยไม่มีคู่แข่ง! นี่ล่ะฝันที่เป็นจริงของพ่อค้าทุกราย!”

เมแพนยังค้าขายต่อไปอย่างคึกคัก
“เร่เข้ามา ซื้อของทุกอย่างที่ดรอปครับ ! ซื้อทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆครับ!”
“เอานี่ไป ชวิ ชวิ”
“ชวิ ซื้อของฉันด้วย”

เมแพนซื้อทุกอย่างที่มาขาย ของจากออร์คเป็นพันตน! ใช้ข้อได้เปรียบที่เขาเป็นคนเดียวที่รับซื้อ ในการรับซื้อของมาในราคาที่ถูกที่สุด เขาสามารถทำกำไรได้เลยจากการเอาของพวกนี้ไปขายตามสถานที่ต่างๆ ความฝันของเขาที่จะเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยเริ่มเข้าใกล้ความจริง ทีล่ะก้าวๆ เมแพนสามารถหากำไรได้มากขึ้นตามจำนวนของออร์คที่อยู่ทั่วยุโรกิ! ในเมื่อจำนวนของออร์คเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณในแต่ล่ะวัน อาจกล่าวได้ว่า ชีวิตของเมแพนในฐานะพ่อค้านั้นเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบเลยทีเดียว

พ่อค้าส่วนใหญ่คงจะพึงพอใจกับความสำเร็จนี้
“ชั้นได้เงินมากเกินพอแล้ว คงได้เวลาพักซะที”
แต่ทว่า เมแพนนั้นได้รับผลสะท้อนจากวีดมาเต็มๆ

จงหามากเท่าที่มากได้ในเวลาที่ยังหาได้ จงรัดเข็มขัดให้แน่นซื้อถูก และขายให้ได้กำไรเท่าที่ได้

เมแพนนั้นแม้ต้องนอนตามท้องถนนก็ไม่ได้รังเกียจ ระหว่างดินแดนของออร์ค และหมู่บ้านผู้ถูกเนรเทศ ระหว่างที่นั่งบนที่ขับรถ เขาไม่เคยปล่อยให้มือว่างเขานั่งแกะสลักไปด้วยเพื่อเพิ่มทักษะงานฝีมือ

มันแน่อยู่แล้วว่า พ่อค้าต้องร่ำเรียนและฝึกฝน ทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถทำเงินได้

มาเพน อุตสาหะแกะสลัก เขาเรียนทักษะพื้นฐานนี้มาจาก อาณาจัรกโรเซนไฮล์ม

เขาตั้งเป้าที่จะเรียนการทอผ้า และเจียรไนเพชรพลอย หลังจากทักษะการฝีมือฝึกถึงระดับที่ทำให้เรียนได้ และเขาอาจสามารถเรียนทักษะการผลิตอื่นๆ ได้อีกด้วย หากพ่อค้าอย่างเมแพนสามารถซื้อหนังมาแล้วตัดเย็บเองได้ หรือว่าสามารถเจียรไนเพชรพลอยที่เขาซื้อมา เขาก็จะสามารถทำกำไรได้เพิ่มเป็นสองหรือ สามเท่า!

อย่างไรก็ตาม ทั้งทักษะการฝีมือ และทักษะอื่นๆ นั้นขึ้นระดับอย่างเชื่องช้า เพราะว่าเขานั้นไม่ได้มีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับงานแกะสลัก เมแพนจึงจำเป็นต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการใช้มีดแกะสลักในการแกะรูปสลัก

เล่มที่ 8 ตอนที่ 1 จบ


*******************************




<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

1 ความคิดเห็น: