วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 8 ตอนที่ 9 หุบเขามรณะ (Valley of Death)

เล่มที่ 8 ตอนที่ 9 หุบเขามรณะ (Valley of Death)

*วิ้งงง*
หลังจากเขาลืมตาขึ้น วีดก็เดินออกจากประตูเทเลพอร์ตและพบว่าตัวเองอยู่ในถ้ำ ลมเย็นพัดเข้ามาจากปากทางเข้า
" อู้วว หนาว ! ! "
มันเป็นสถานการณ์ที่เขาต้องเจออยู่ตลอดจนชิน
เนื่องจากมีประสบการณ์จากความหนาวสั่น เขาจึงไม่ตกใจเมื่อเจอกับลมหนาวที่พัดแรง
" ดูเหมือนว่า ยังไงเราก็ต้องกลับมาที่นี่อีกจนได้”
ดินแดนทางเหนือ
สุดท้ายเขาก็จบด้วยการมายังดินแดนอันตรายแห่งนี้กับ ซอยุน
วีดเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขาอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นหวัด
มันเป็นเสื้อผ้าที่ทำจากหนังที่มีขนสัตว์ฟูฟ่องของเยติ !
ภายนอกมันดูไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก แต่มันรักษาอุณหภูมิได้ดี
' ความอบอุ่นในฤดูหนาวนี่ดีที่สุดจริงๆ’
บางคนพยายามที่จะดูเท่โดยสวมใส่เสื้อผ้าบางๆ
วีดเหลือบมองดูคนเหล่านั้นและหัวเราะเยาะ
' พวกนั้นไปไหนมาไหนในขณะที่สวมเสื้อผ้าอย่างนั้นอะนะ? '
เสื้อผ้าหนาๆ แบบอนุรักษ์นิยมน่ะ ดีที่สุดแล้ว เสื้อผ้าที่อบอุ่นที่ไม่ปล่อยให้ลมเย็นทะลุเข้าข้างใน
เสื้อผ้าใหม่ๆที่ทำจากผ้าดีๆ เบาบาง มักจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามแฟชั่นที่เปลี่ยนไป
อย่างไรก็ตาม เสื้อผ้าที่เขาใส่นั้นมันพิเศษมาก
ชุดผ้าที่มีขนสัตว์และสำลียัดใน!
มันดูเหมือนเสื้อผ้าที่ตาเฒ่าแก่ๆล่องเรือริมหาดสวมใส่ มันเป็นเสื้อผ้าที่หนามาก เพราะเป็นเสื้อผ้าที่หนาและทนทาน คุณจึงสามารถเอามาใส่(ในหน้าหนาว)ได้ทุกปี
แต่ข้อเสียของมันคือ คุณจะไม่สามารถดูเด็กได้เลยถ้าใส่เสื้อแบบนี้ !
เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาเลย เขาถูกเรียกว่า"คุณปู่" ในขณะที่เขาออกไปส่งนมตามตารางงานของเขา
มันเป็นความเจ็บปวด ความทรงจำที่เต็มไปด้วยตกใจ สิ่งที่เขาไม่อยากจะนึกถึง
"แค่ก" *เสียงไอ*
เมื่อวีดมองไปรอบๆ เขาก็เจอ อัลเวรอน และ ซอยุน
ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นโป๊ปคนต่อไป อัลเวรอน ด้วยความที่เขามีเลเวลและความรู้เรื่องเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงจึงเป็นเรื่องที่ชวนอุ่นใจที่ได้เดินทางไปกับเขา
ถ้าไม่มี อัลเวรอน เขาจะไม่มีทางเอาชนะฝูงแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ได้เลย
คราวนี้ เขาต้องพึ่งพาทั้ง อัลเวรอน และ ซอยุน เพื่อที่จบเควสให้ได้
วีดหันไปที่อัลเวรอนและสั่งงานเขา
"อากาศมันหนาวมาก ช่วยก่อกองไฟตอนนี้เลยนะ
" ได้ครับ "
หลังจาก อัลเวรอนตอบรับอย่างสุภาพ เขารวบรวมไม้จากพื้นที่แถวนั้นแล้วจุดไฟ อัลเวรอนผู้แสนใจดีและบริสุทธิ์ทำตามคำสั่งของเขาโดยไม่บ่น
ขณะเดียวกันนั้นปากซอยุนก็กลายเป็นสีฟ้าเข้ม
อัลเวรอน สวมเสื้อคลุมที่ไม่ว่าอณูธาติใดก็ทะลุผ่านไม่ได้เพราะเขาเป็นผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นโป๊ป  วีดเองก็ใส่ชุดหนังเยติ ซึ่งทำให้เขาทนความหนาวได้บ้าง
แต่ซอยุน ไม่ได้มีเสื้อผ้าที่ช่วยป้องกันความหนาว ดังนั้นเธอจึงจำต้องเผชิญความหนาวรุนแรงที่ทำให้เกิดผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
วีดดึงอุปกรณ์ตัดเย็บและวัสดุออกมาจากกระเป๋าของเขา
เพราะจะต้องเดินทางกับซอยุน เขาจึงไม่มีทางเลือก  เขากำลังจะทำชุดให้เธอใส่ โชคดีที่มีวัสดุบางอย่างที่เหลือจากการทำเสื้อผ้าเหล่านักดาบ
วีด ตัดหนังและเริ่มเย็บอย่างใส่ใจกว่าปกติ
* ตรึ้ง ! *

ชุดหนังสตรี:
ความทนทาน 80/80
ป้องกัน 25
เสื้อผ้าตัดจากหมีดำอายุยืน
ช่างตัดเสื้อผู้มีวิสัยทัศน์ตัดชุดนี้โดยใช้วัตถุดิบในการตัดเย็บระดับกลาง
เนื่องจากเนื้อผ้าไม่หนามาก เมื่อสวมใส่จึงสามารถขยับแขนขาได้อย่างสะดวกสบายเป็นธรรมชาติ
ข้อจำกัด:
เลเวล 250 ขึ้นไป
คุณสมบัติ :
ความคล่องแคล่ว +20
ลดอัตราการโดนธนูยิง
หากอาชีพแดนเซอร์สวมใส่ ผลลัพธ์จากการเต้นจะเพิ่มขึ้น 3%.


เมื่อวีดเย็บมันเสร็จ เขาก็ส่งให้กับซอยุน
“ได้โปรดกรุณา...รับชุดนี่ไปใส่เถอะครับ”
ผลลัพธ์ของการบังคับตัวเองให้สุภาพแสดงออกมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติสุดๆ!
ชุดที่วีดสร้างเป็นชุดหนังระดับกลางๆที่ใครก็สามารถสวมใส่ใต้ชุดเกราะหนาๆ
วิซาร์ดและพรีสมักขาดค่าความแข็งแกร่ง  คนที่มีระดับที่สามารถใส่เกราะหนักได้มักใส่ชุดหนังเพิ่มเข้าไป เพื่อให้ได้ค่าป้องกันเพิ่มมากขึ้น

เขาตัดชุดให้เท่ากับไซส์ของซอยุน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเขารู้มาก่อนหน้านี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ซอยุนไม่ได้รับชุดไป
“…”
สายตาของเธอจ้องเขม็งไปที่ชุดที่วีดยื่นให้
ความคิดหนึ่งแว่บเข้ามาในหัววีด
 ‘บางที เธออาจจะเป็นคนไม่ชอบรับของจากคนไม่สนิท’

พวกเขาเคยได้ร่วมเดินทางร่วมกันเป็นเวลาหลายวันเมื่อเขาอยู่ในร่างของออร์คคาริชวิ  แต่ซอยุนไม่รู้เรื่องนั้น  เนื่องจากเธอเคยเห็นหน้าเขาแค่ตอนที่ร่วมกันกินบาร์บีคิวที่กระท่อมของครูฝึกดาบ  มันจึงพอจะมีเหตุผลให้เข้าใจได้
พอคิดเช่นนี้ วีดก็ส่งยิ้มให้เธอ
“คุณใส่มันได้  ไม่เป็นไรหรอก  เพราะนี่ทำขึ้นเพื่อคุณโดยเฉพาะ  โปรดรีบรับไปเถอะครับ”
แต่กระนั้น ซอยุนก็ยังส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไร
 ‘ทำไมเธอถึงทำตัวอย่างนี้นะ?’
วีดสงสัย  มองตามสายตาของเธอไป  ใบหน้าเรียบเฉยของซอยุนมองไปที่ชุดหนังเยติที่เขาใส่อยู่
 ‘ไม่หนา…!’
ความคิดแว่บขึ้นมาในหัววินาทีนั้น!
วีดสังเกตุตำแหน่งของซอยุน  เธอนั่งอยู่ตรงหน้ากองไฟ  เธอใกล้กับกองไฟขนาดที่ว่าถ้าเธอขยับเขาไปใกล้อีกหน่อยเธอคงไหม้ไปแล้ว
 ‘เธอต้องเกลียดอากาศหนาวมาก  สาเหตุที่แท้จริงที่เธอไม่รับชุดนี่ไปใส่คือ...’
สาเหตุที่เธอปฏิเสธไม่ได้เป็นเพราะเธอไม่อยากรับความช่วยเหลือจากคนอื่น  เธอกำลังเรียกร้องชุดที่อุ่นกว่าอย่างเงียบๆ!
ชุดที่วีดสร้างบ่งบอกว่าเป็นชุดผู้หญิง  และเขาก็ไม่ได้ซ้อนเลเยอร์ผ้าเข้าไปเพราะอยากลดการใช้วัตถุดิบ
เธอสังเกตเห็นมันอย่างชัดเจนและอยากได้ชุดอื่นที่ไม่ใช่ชุดนี้
วีดไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตัดชุดให้เธอใหม่  เขาใช้วัตถุดิบที่เหลือตัด โดยเพิ่มเลเยอร์ผ้าซ้อนเข้าไปและตัดแต่งผืนผ้าเพื่อทำชุดที่หนาขึ้น
ณ จุดนี้เอง ในที่สุดซอยุนก็รับชุดไปและไปด้านหลังโขดหินเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลังจากเสร็จสิ้นการเตรียมการรับมืออากาศหนาว วีดหันไปถามอัลเวรอน
“หุบเขามรณะ (Valley of Death) ตั้งอยู่ที่ไหนล่ะ?”
 “มันเป็นที่รู้จักในอีกชื่อว่า หุบเขาเซนเดียม(Sendeim Valley) ครับ”
“ถ้ามันมีชื่อดั้งเดิม  งั้นที่นี่เกี่ยวข้องกับกองทัพอมตะรึเปล่า?”
วีดถามอย่างนี้เพราะเควสระดับสูงส่วนใหญ่ที่เขาได้รับมักเกี่ยวข้องกับกองทัพอมตะในซักแง่มุม
แต่กระนั้น อัลเวรอนกลับส่ายหัว
 “ทางวิหารได้สืบเรื่องกองทัพอมตะใต้สังกัดของบัลข่านแล้ว  ปรากฏว่าพวกกองทัพอมตะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเควสนี้  เรื่องนี้เกี่ยวพันกับอาณาจักรโบราณนิฟล์เฮม  ท่านสามารถสืบถามข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขาเซนเดียมได้ที่ผู้อาวุโสของหมู่บ้านโมราต้า  ”
 “เข้าใจแล้ว”
วีดเดินออกไปนอกถ้ำ
เงามืดขนาดใหญ่มองเห็นได้จากระยะไกล
มันคือปราสาทโมราต้า  ที่ๆเขาต่อสู้ขับไล่พวกแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์
ดูเหมือนว่าพวกเขาได้ต่อเติมบ้านในเขตรายล้อมคฤหาสถ์ที่เคยเป็นซากปรักหักพังขึ้นมาใหม่อย่างดีงาม  พวกชาวบ้านยังคงมีการเคลื่อนไหวอยู่ตรงนั้นตรงนี้

 “งั้นก็ไปกันเลย”
วีดเดินมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านโมราต้า
อัลเวรอนและซอยุนตามเขาไป
ประชาชนในหมู่บ้านต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น
 “ท่านผู้กล้า! พวกเราขอต้อนรับท่านกลับเข้าสู่หมู่บ้านเรา  เราไม่เคยลืมบุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้”
หมู่บ้านฟื้นคืนขึ้นมาใหม่หลังจากเควสได้จบลง
วีดมีส่วนในเรื่องนี้มากที่สุด! ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับคำสรรเสริญอย่างมากจากเหล่าชาวบ้าน  วีดเริ่มมองหาท่านผู้อาวุโส
บ้านหลังที่ใหญ่ที่สุดซึ่งก่อนหน้านี้ถูกทำลายจนแม้แต่จะหาโครงกระดูกยังไม่เจอถูกซ่อมแซม  และกลายเป็นบ้านของผู้อาวุโสประจำหมู่บ้าน
ภายในบ้านหลังนั้น ฟืนในเตาผิงกำลังลุกไหม้ ส่งความอบอุ่นกระจายออกมาในบรรยากาศ
“ท่านผู้กล้า  พวกเราซาบซึ้งเป็นอย่างมากที่ท่านกลับมาเยือนเราอีกครั้งในเวลายากลำบากเช่นนี้”
 “ถึงแม้สถานะการณ์จะไม่เป็นเช่นนี้ข้าก็ตั้งใจจะแวะมาที่นี้อีกครั้งอยู่แล้ว  ข้าดีใจที่ได้เห็นว่าท่านและเหล่าชาวบ้านกำลังไปได้ดี”
 “เรื่องนี้ต้องขอบคุณการปกป้องจากอัศวินและพรีสจากวิหารแห่งเฟรย่า”
มอนสเตอร์ที่รบกวนหมู่บ้านอาจจะบุกเข้ามาได้ตลอดเวลา
เช่นเดียวกับกรณีของหมู่บ้านบารัน  มอนสเตอร์สามารถลักพาตัวชาวบ้าน  บังคับพวกเขาให้กลายเป็นทาส แต่ต้องขอบคุณที่วิหารแห่งเฟรย่ายื่นมือเข้ามา  หมู่บ้านนี้จึงปลอดภัย
ผู้อาวุโสนำตระกร้าที่เต็มไปด้วยมันเทศกรุ่นไอน้ำออกมา
“ตอนนี้ก็ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว  ท่านสนใจจะร่วมด้วยหรือไม่ขอรับ?”
 “ข้าคงไม่อาจปฏิเสธได้”
วีดนั่งลงที่โต๊ะอาหารและเริ่มปอกเปลือกมันเทศของเขา
ซอยุนนั่งลงถัดจากเขา และเริ่มปอกเปลือกและกินมันเทศอย่างเงียบๆด้วย
ในอดีต พวกเขาก็เคยมีช่วงเวลาที่นั่งลงร่วมรับประทานอาหารเช่นนี้ที่กระท่อมของครูฝึก
 ‘ทุกครั้งที่เราพบหน้า  พวกเรามักจะจบลงด้วยการกินอะไรซักอย่าง  ถ้าเอามาผูกกันแล้ว นี่เรียกว่าโชคชะตาได้รึเปล่านะ?’
พวกเขาใส่มันเทศเข้าไปในแคมป์ไฟและย่างมัน  มันเทศที่กินคืนนี้ฟูไอน้ำและมีเนื้อสีทองสวยงาม
วีดกัดมันเทศเข้าไปเต็มปาก
 ‘มันจะเพอร์เฟคมากถ้าเรามีกิมจิมากินกับมันซักนิด’
เขามีสกิลทำอาหารมากพอจะทำกิมจิ  แล้วเขาก็ยังมีวัตถุดิบที่จำเป็นครบ
อย่างไรก็ตาม  มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะเริ่มทำกิมจิทันทีที่อยากกินขึ้นมา  นั่นเป็นสาเหตุที่อาหารพิเศษบางอย่างเช่นกิมจินั้นปกติจะวางขายในราคาที่แพงมาก
เนื่องจากมันได้กลายเป็นอาหารสากลที่แม้กระทั่งชาวตะวันตกก็กินได้  มันหาได้ในห้องอาหารเกือบทุกที่
ผู้คนชื่นชอบกิมจิจนถึงจุดที่เชฟมักจะเรียนรู้วิธีการทำมันก่อนเป็นอันดับแรก
วีดปอกเปลือกและกินมันเทศอย่างตั้งอกตั้งใจ  ตั้งแต่มาถึงซีกทวีปทางเหนือนี้พวกเขากินกันน้อยมากพวกเขาจึงอยู่ในช่วงอดอยาก
อัลเวรอนพยายามกินอย่างสุภาพในทีแรกแต่แล้วเขาก็เริ่มกินอย่างดุเดือด  หลังจากเขาเริ่มออกผจญภัยกับวีด ความอยากอาหารของเขาก็เริ่มเพิ่มขึ้นจากเดิม
ตะกร้าที่เต็มไปด้วยมันเทศเริ่มพร่องลงไปอย่างรวดเร็ว
วีดและอัลเวรอนกินเข้าไปมากที่สุด  แต่ปริมาณที่ซอยุนกินก็มากเช่นกัน  ตอนนั้นเองที่วีดเห็นสีหน้าของผู้อาวุโส
วนิพกย่อมต้องสังเกตสภาวะของผู้มีพระคุณเพื่อที่จะอยู่และกินเสมอ
ตาที่เบิกกว้างและคิ้วที่ขมวดเป็นร่อง!
ไม่น่าแปลกใจ  เขารู้สึกอ่อนไหวกับปริมาณที่ลดน้อยลงของมันเทศ
วีดวางมันเทศลงและสอบถาม
 “ข้าอยากรู้ข้อมูลของหุบเขาเซนเดียม”
แม้จะไม่รับเควส แต่หุบเขามรณะก็มีมอนสเตอร์และสมบัติให้ออกล่า  กระนั้นมันก็ดีกว่าที่จะรับเควสซักอันเพราะจะได้รับข้อมูลที่จำเป็นและรางวัลจากเควส
ผู้อาวุโสมองออกไปไกลนอกหน้าต่าง เหมือนจะทิ้งความผูกพันธ์ที่เขามีต่อมันเทศไป หิมะสีขาวปกคลุมทิวทัศน์ทั้งหมด

“ท่านเคยตระหนักถึงความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรนิฟล์เฮมหรือไม่?”
 “ไม่ ข้าไม่เคยทราบถึงมันเลย”
วีดเคยศึกษาถึงประวัติศาสตร์ของทวีปเวอร์เซลล์  มันมีเรื่องราวของความรุ่งโรจน์และล่มสลายของแต่ละอาณาจักรและวีรบุรุษแต่ละคนของพวกเขา
ถ้าเขาเข้าใจถึงเบื้องหลังเรื่องราวต่างๆ มันจะช่วยให้เขาได้รับเควสที่สำคัญ
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์แบบนี้ จะเป็นการดีกว่าที่จะแกล้งทำเป็นไม่รู้ซักหน่อย  ด้วยวิธีนี้เราก็จะสามารถรู้เรื่องมากขึ้นอีก และอาจกลายเป็นคำใบ้สำคัญของคำถามต่อไป  ผู้อาวุโสมีสีหน้าโศกเศร้า
จริงๆแล้วการลดลงของมันเทศอาจจะเป็นส่วนสำคัญของความเศร้านี้   เขาอาจจะกำลังเสียใจที่เชิญวีดกับปาร์ตี้ของเขาเข้ามาก็ได้
" เมื่อครั้งเราโดนคำสาปชั่วร้ายให้กลายเป็นหินนั้น จักรวรรดินิฟล์เฮมยังคงรุ่งเรืองอยู่  อากาศก็ไม่หนาวเหน็บขนาดนี้ และมันก็เหมาะกับการใช้ชีวิตกว่าตอนนี้มาก  ข้าเองก็เป็นขุนนางในเขตพรมแดนของอาณาจักรนิฟล์เฮมเช่นกัน”

มันอาจจะกล่าวได้ว่าชาวบ้านที่อาศัยในโมราต้าล้วนเคยเป็นคนสำคัญในประวัติศาสตร์ ถ้ามองจากมุมมองอื่น มันเป็นหมู่บ้านสำคัญที่จะมีเควสมากมายอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
ถ้ามีการเริ่มสำรวจทางเหนืออย่างจริงจัง หมู่บ้านนี้จะกลายเป็นหมู่บ้านที่หนาแน่นไปด้วยนักผจญภัย
 “อย่างไรก็เถอะ เนื่องจากการรุกรานของมอนสเตอร์ที่เมืองหลวงเมื่อข้ายังเป็นเด็ก ชาวบ้านต้องเผชิญกับการทำลายล้าง เมื่อจักรพรรดิผู้ปฏิญาณว่าจะมีชีวิตอยู่อย่างมีเกียรติถึงเวลสต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน เขาก็ขี้ขลาดและทิ้งเมืองหลวงไปกับองครักษ์ของเขา มอนสเตอร์ไล่ตามเขาที่หนีไป มีข่าวลือว่าพวกมันตามทันและจับเขาได้ สถานที่ก็คือหุบเขาเซนเดียมนี่เอง ”
" ป่านนี้องค์จักรพรรดิคงตายไปแล้วล่ะ "

 “แน่นอน เขาคงตายไปนานแล้ว เนื่องจากการตายอย่างขี้ขลาดขององค์จักรพรรดิ ความชอบธรรมในการปกครองก็สลายไป  ในขณะที่ขุนนางเข้าแก่งแย่งอำนาจกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น ! เราไม่สามารถรู้ชัดได้ นั่นคือเหตุผลที่เราต้องการที่จะค้นหาความจริง ไม่ว่ามันจะคืออะไร หรือเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น”
*ตริ้ง!*

ความจริงและความรุ่งโรจน์
จักรวรรดินิฟล์เฮม มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความรุ่งโรจน์ซึ่งสุดท้ายกลับกลายเป็นการแตกหักอยู่มากมาย จักรพรรดิเอเบน นิฟล์เฮมที่ 4 เป็นอัศวินที่โดดเด่น และเป็นนักรบที่ไม่รู้จักการถอยหนี อย่างไรก็ตาม เขาถูกประณามจากการไม่สามารถที่จะรักษาความกล้าหาญของเขาในการเผชิญกับความตาย
ค้นหาความจริงในประวัติศาสตร์ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหุบเขาเซนเดียม
ความยาก : ระดับ A
รางวัล :
สมบัติของ จักรวรรดิ นิฟล์เฮม
ข้อจำกัดในการรับเควส :
เฉพาะผู้มีสิทธิ์จึงจะรับเควสนี้ได้
จะต้องสามารถทนต่อความหนาวสุดขั้ว

เควสความยากระดับ ‘A’ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
วีดถอนหายใจด้วยความโล่งอก
 ‘โชคดีที่เป็นแค่ระดับ ‘A’’’
ความรู้สึกโล่งอกที่เป็นเพียงเควสระดับ ‘A’ ไม่ใช่ระดับ ‘S’ ที่มีเพียงข่าวลือเท่านั้นว่ามีอยู่จริง แผ่ลามไปทั่วร่างกายของเขา

วีดแอบเหล่มองซอยุน
ดวงตาเปล่งกระกายและผิวใสผุดผ่อง
เธอ ผู้มีความงามระดับที่จะเรียกแค่สวยก็ทำให้คนกลัวว่าจะเป็นการดูหมิ่น เธอมีเสน่ห์ลึกลับที่ยากจะอธิบาย
แม้ว่าเธอจะใส่ชุดหนังเรียบๆที่วีดเป็นคนทำให้  รัศมีความงามของซอยุนก็ทำให้เสื้อผ้าใดๆก็ตามที่เธอสวมใส่ดูหรูหราขึ้นมาได้

ถึงกระนั้น สิ่งที่วีดเห็นก็มีเพียงอันธพาลเท่านั้น
 ‘ถึงจะดูเหมือนว่าครั้งนี้เรารับเควสที่ยุ่งยากมา แต่เนื่องจากเรามีคนที่จะช่วยเราได้  มันก็คงจะไม่เป็นไร’
ตัดสินจากสิ่งที่เขาเห็น  ทักษะการต่อสู้ของซอยุนไม่ใช่เล่นๆเลย  สกิลที่ทรงพลัง  มีอานุภาพรุนแรง  เปี่ยมประสิทธิภาพ พลังชีวิตที่แข่งแกร่ง  กระทั่งพลังโจมตีที่สูงจนน่าประหลาดใจ!

อาชีพสายต่อสู้ที่เป็นหนึ่งไม่มีสอง  มันสามารถพูดได้ว่าได้รวมเอาจุดแข็งต่างๆมารวมไว้ด้วยกัน
แม้จะมีผู้เล่นแบบวีด และเหล่านักดาบ  ที่มีความโดดเด่นในการต่อสู้ประชิดตัว การเล่นแบบพึ่งพาทักษะอาชีพนั้นก็ไม่เลวเลย
การเคลื่อนไหวที่ยืดหยุ่นและนุ่มนวลที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้หญิงเท่านั้น
รวมกับทักษะระดับสูงอันไร้ที่ติ!
มันเป็นวิธีการที่รวดเร็วและปลอดภัยกว่าในการออกล่าสำหรับผู้ที่มีค่ามานาจำนวนมาก
เหนือสิ่งอื่นใดนั้น  เมื่อซอยุนเข้าสู้การต่อสู้สภาวะอารมณ์ของเธอก็จะเปลี่ยนไป  ดวงตาของเธอเปล่งประกายระยิบระยับขณะที่เธอสู้  มันเป็นความสามารถพิเศษของอาชีพเบอร์เซิร์กเกอร์ (Berserker - นักรบคลั่ง)
ในฐานะเบอร์เซิร์กเกอร์  เมื่อไหร่ที่มอนสเตอร์ถูกฆ่า  พลังชีวิตและมานาของเธอจะถูกเติมเต็ม ผลลัพธ์นั้นสร้างความแต่งต่างอย่างท่วมท้น
ถ้าอาชีพ ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ ของเหล่านักดาบนั้นมีมาเพื่อสู้กับศัตรูกลุ่มเล็กๆ  เช่นนั้น อาชีพเบอร์เซิร์กเกอร์ก็เป็นอาชีพสำหรับต่อสู้กับมอนสเตอร์จำนวนมากโดยไม่มีหยุดพัก
เนื่องจากมีซอยุนอยู่ด้วย วีดรู้สึกว่าความหนักหนาในการทำเควสลดลงไปมาก
 “ข้าจะไปตรวจสอบทันทีที่ไปถึงหุบเขาเซนเดียม”
ท่านได้ยอมรับเควส


หลังจากเขารับเควส ผู้อาวุโสก็มีท่าทีเป็นมิตรมากขึ้นมาก
 “ขอบพระคุณท่านที่ประสงค์จะทำภารกิจอันหนักหนานี้เพื่อพวกเรา..”
 “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันเป็นสิ่งที่ข้าควรทำอยู่แล้ว  อีกอย่างข้าต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาเยือนท่านให้เร็วกว่านี้  หากในอนาคตมีภารกิจที่ยุ่งยากเช่นนี้อีก โปรดเรียกหาข้าเถอะ”
การออกล่ามันก็ดี  แต่รางวัลเควสก็มีคุณค่า!
เนื่องจากเขาสามารถทำเงินจากค่าโฆษณาในการอัพโหลดวิดีโอขึ้นหอเกียรติยศ หรือเซ็นต์สัญญากับสถานีออกอากาศ มันจึงเป็นข้อเสนอที่มีประโยชน์
เขาจึงใช้สถานการณ์นี้ เพิ่มความสนิทสนมให้สูงมากพอ  ใบหน้าของผู้อาวุโสปรากฏความชื่นชมในตัวคนหนุ่มราวกับจะแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์

 “กระทั่งจวบจนบัดนี้  ผู้ที่อยากรู้ความจริงส่งนักผจญภัยและอัศวินจำนวนนับไม่ถ้วนไปและไม่มีใครเลยที่รอดกลับมา  หลังจากนั้น หุบเขาเซนเดียมจึงกลายเป็นที่รู้จักในนามหุบเขามรณะ”
“...”
หลังจากได้ยินคำพูดของท่านผู้เฒ่า  วีดก็อยากจะกรีดร้องออกมา
‘เอ็งควรจะบอกเรื่องสำคัญแบบนั้นก่อนเลยไม่ใช่เหรอฟระะะ?!’
อย่างไรก็ตาม  ความจริงก็คือความยากของเควสนี้ที่คาดไว้คือระดับ “A”
เขานั้นไม่มีอะไรต้องกลัวเนื่องจากเริ่มต้นจากศูนย์   มันไม่มีเหตุผลที่จะมีเปลี่ยนใจหลังจากมาไกลขนาดนี้
ผู้อาวุโสเริ่มพูดต่อ

“เอาล่ะ นักผจญภัยท่านนี้ก็จะไปกับท่านด้วยหรือไม่?”
เขาหมายความถึงซอยุน
หญิงสาวผู้มีใบหน้าเย็นชายิ่งกว่าความหนาวเหน็บของทางเหนือ!
กระนั้น เพื่อให้สามารถแชร์เควสร่วมกันได้  เธอต้องร่วมปาร์ตี้เดียวกันกับเขา
วีดยื่นมือออกไป
 “โปรดร่วมปาร์ตี้กับผมด้วย”
ท่านได้เชิญ คุญ ซอยุน เพื่อเข้าร่วมปาร์ตี้

เธอเคยร่วมปาร์ตี้มาก่อนเฉพาะจากคำเชิญตอนที่ร่วมเดินทางกับซีชวิ  นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับคำเชิญมาถึงเธอโดยตรง
ซอยุนยืนนิ่งอยู่อย่างเดิม
วีดเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจ
 ‘เธอคงไม่มีทางจะปฏิเสธเจ้าปาร์ตี้หลังจากผ่านมาขนาดนี้แล้วใช่มั้ย?’ สถานะการณ์จะเปลี่ยนไปมากหากเธอปฏิเสธเควสแล้วทิ้งให้วีดทนทรมาณคนเดียว!
เขาเริ่มคิดว่ามันมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้สูงมาก
แน่นอน ซอยุนไม่ได้เป็นคนเย็นชาแบบที่เธอแสดงออกมาภายนอก
แม้ว่าเธอจะชอบต่อสู้ แต่เธอก็ไม่ได้โลภ  สิ่งหนึ่งที่สามารถเห็นได้ก็คือเธอจะไม่สู้กับมอนสเตอร์หากมันไม่โจมตีเธอก่อน
กระนั้น ซอยุนก็ไม่แยแสสิ่งเหล่านี้เลย
เช่นเดียวกับที่เธอไม่พูดอะไรซักคำระหว่างที่ตามออร์คคาริชวิไปทั่ว  เธออาจจะไม่สนใจเควสของวีดก็ได้
ขณะที่วีดกำลังประหม่า ตัวของซอยุนเองก็ยื่นมือออกมาวางบนมือวีด

ท่านได้สมาชิกใหม่เข้าร่วมปาร์ตี้

แม้กระทั่งซอยุนเองก็ไม่เข้าใจตัวเอง ที่เธอจะร่วมเดินทางไปกับคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อน
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ต้องขอบคุณการสนับสนุนโดยไม่ทราบที่มาของซีชวิ  แต่แม้เอาสิ่งนี้มาคำนวณแล้วหากพวกเขาไม่ต้องการมันพวกเขาก็สามารถจะแยกกันตรงนี้
 ‘แปลกมาก เราไม่รู้สึกอึดอัดเลย’
ซอยุนรู้สึกสงสัย
นี่คือคนที่เธอเคยเจอแค่ที่กระท่อมของครูฝึกเท่านั้น  แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาให้ความรู้สึกคุ้นเคยกับเธอ

********************

แม้กระทั่งตอนที่เธอออกล่าพร้อมกลับเพื่อนคนอื่นของซีชวิ เธอมีความรู้สึกนี้เช่นกัน
“ลี เรน เร็วเข้า ได้เวลารักษาซอยุนแล้ว!”  (ลี เรน เป็นชื่อของนางพยาบาลที่ดูแลซอยุน)
ซอยุนไม่พูดซักคำ  แม้คุณจะพูดว่าพลังชีวิตของเธอลดลง  เธอก็ไม่อาจแสดงมันออกมาเป็นคำพูดได้
เมื่อจบการต่อสู้  วีดมักจะทำให้แน่ใจว่าพวกเขามีเวลาเหลือพอ  เพื่อให้ซอยุนจะได้มีเวลารักษา
เมื่อการต่อสู้จบลง เขาจะพันผ้าพันแผลและซ่อมแซมเกราะและอาวุธให้
มันเคยมีช่วงเวลาที่เธอรู้สึกอย่างนี้ในอดีต
ความรู้สึกที่เธอมีตอนออกเดินทางกับออร์คคาริชวิที่เทือกเขายูโนปู

ออร์คคาริชวิ  ที่มีใบหน้าน่าเกลียด แต่มีดวงตาที่เป็นมิตร  แม้กระทั่งการซ่อมแซมอาวุธของเขาก็เหมือนกันมาก
เธอไม่เอ่ยปากพูด  เธอสังเกตสีหน้าและดวงตาทุกครั้งที่เธอพบใครอย่างระมัดระวัง  แม้ว่าเธอจะไม่เคยร่วมบทสนทนา แต่เธอก็สามารถบอกอารมณ์และความรู้สึกของผู้คนได้ด้วยการสังเกตของเธอ
ณ จุดนี้เองที่เธอรู้สึกถึงบรรยากาศที่สื่อออกมาเหมือนกันของวีดกับคาริชวิ
ซอยุนไม่เข้าใจจุดประสงค์ของวีด แต่เธอรู้ว่าเป็นเขาที่แปลงเป็นคาริชวิ คนที่คอยสังเกตุและปกป้องเธอ
แม้ว่ามันไม่ได้แน่นอนร้อยเปอร์เซนต์แต่เธอก็เชื่อในความรู้สึกและสัญชาตญาณของเธอ  ด้วยเหตุนี้เธอจึงเลือกจะร่วมเดินทางไปด้วยกันกับเขา

************************

หลังจากวีดออกจากบ้านผู้อาวุโสของหมู่บ้าน เขาเดินไปรอบๆหมู่บ้านโมราต้าและรวบรวมข้อมูล
จุดมุ่งหมายของเขาคือชาวบ้านกับ พาลาดินและพรีสของวิหารเฟรย่า  พรีสของวิหารแห่งเฟรย่ายังอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องหมู่บ้านโมราต้า
ในตอนนี้ วีดรวบรวมเสบียสำหรับการเดินทางและสอบถามเจ้าของร้านเกี่ยวกับข้อมูลของหุบเขาเซนเดียม
 “หุบเขาเซนเดียม? มันเป็นที่ๆกลายเป็นที่รู้จักในนามหุบเขามรณะ  พวกเขาเล่ากันว่ามันมีมอนสเตอร์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก”
 “ท่านพอจะบอกได้มั้ยว่าเป็นมอนสเตอร์ชนิดไหน?”
 “อืมม..  มันมีไอซ์ โทรล(ice trolls-โทรลน้ำแข็ง)อยู่แน่ๆล่ะ  ไอซ์โทรลมันจะรวมตัวกันอยู่ในที่อย่างหุบเขามรณะ”
ไอซ์โทรล!!!
พวกมันมีความสามารถในการฟื้นคืนพลังชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์ใจ  และเนื่องจากมันสามารถใช้พลังความเย็นสุดขั้วได้มันจึงเก่งกาจมาก  พวกมันไม่ใช่มอนสเตอร์ที่จะสู้ได้ด้วยง่ายๆเลย
แต่วีดเองก็ไม่ใช่พวกขี้ขลาดในการต่อสู้ที่อันตรายระดับนี้
ในกรณีนี้พวกเขาสามารถล่าไอซ์โทรลได้ด้วยการล่อมันออกมาทีละตัวตราบใดที่มันเป็นหุบเขาไม่ใชดันเจี้ยนใต้ดิน
แน่นอน พวกมันต้องอันตรายเป็นอย่างมาก  แต่เนื่องจากมันปรากฏเป็นวันๆพวกเขาจึงไม่มีเหตุผลให้ต้องกลัว
 ‘เลือดของไอซ์โทรลขายได้เยอะมาก  มันให้ผลดีกว่ายาสมุนไพรธรรมดา  แล้วมันยังเอาไปทำยาได้อีกด้วย’

วีดผู้พยายามประเมินคุณค่าของทุกสิ่ง!
เขาไม่กลัวมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง  เขากลัวมอนสเตอร์ที่ดรอบของออกมาแค่แผ่นหนัง  ที่จริงแล้วเขาคิดว่าไม่มีอะไรจะน่ากลัวกว่ามอนสเตอร์ที่ดรอบแค่แผ่นหนังถูกๆอีกแล้ว
 ‘ถ้ามันเป็นหุบเขา  สถานที่ต้องมีส่วนสำคัญมาก’
ถ้าคุณสามารถยิงธนูจากหุบเขาฟากนึงไปอีกฟากได้  มันจะกลายเป็นการล่าที่ง่ายกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
อย่างไรก็ตามถ้าไอซ์โทรลครอบครองด้านบนของหุบเขาและขยายเขตแดนของพวกมัน ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้น
วีดไม่มีข้อมูลอาณาเขตของมันเลย
ภารกิจเพื่อยึดเขตแดนของมอนสเตอร์!
มันไม่ทางอื่นนอกจากการล้อมกรอบอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว
สถานการณ์นี้แตกต่างจากตอนต่อสู้กับแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์กับอัลเวลอนและเหล่าพาราดินเฟรย่าในอดีต
ตอนนั้นจำนวนของแวมไพร์มีไม่มากและพวกมันไม่ได้มีการล้อมกรอบแบบนี้
แม้วีดจะใช้คำพูดที่ต่างไปสอบถามชาวบ้าน เขาก็ยังได้รับข้อมูลเช่นเดิม

 “ถ้าท่านมองหาหุบเขามรณะ มันค่อนข้างไกลจากที่นี่นะ  อย่างดีสุดก็เดินทางซัก 1 เดือน  ทำไมมันใช้เวลานานจังน่ะเหรอ? นั่นเป็นเพราะอาณาเขตของจักรวรรดินิฟล์เฮมมันกว้างใหญ่น่ะสิ!”

“ไอซ์โทรล? แน่นอน  มันต้องเป็นไอซ์โทรล  ยังไงก็เถอะมันไม่ใช่มอนสเตอร์ชนิดเดียวที่เจ้าต้องกลัว  เรื่องนี้ข้าเคยได้ยินจากปู่ข้า  เพราะว่ามันมีขุมทรัพย์อยู่ที่นั่น  มันเลยมีอันตรายร้ายแรงอยู่ทั้งมอนสเตอร์และกับดักมหาศาล!”

 “เขาว่ากันว่ามีกลิ่นอายบางอย่างที่อันตรายมากกระจายออกมาทุกเช้า  ด้วยเหตุนี้กระทั่งดอกไม้ยังไม่สามารถจะออกงามได้ในแถบหุบเขามรณะ”

 “มีคนเคยเห็นบางอย่างที่มีสีขาวบริสุทธิ์โบยบินอยู่รอบๆเขตหุบเขาแห่งความตาย”

 “ข้าก็ไม่รู้หรอกนะแต่เขาว่ากันว่าสิ่งที่บินได้นั่นมีขนาดใหญ่มาก  พวกเขาว่าแค่ส่วนร่ายกายมันก็ใหญ่กว่า 300 เมตรแล้ว  แต่เนื่องจากมันเหลือเชื่อขนาดนี้คนที่เห็นมันคงจะจำขนาดมันผิดแน่ข้าว่า”
พาลาดินแห่งเฟรย่าก็มีอะไรจะกล่าวเหมือนกัน

 “หุบเขามรณะ? สถานที่แห่งนั้นอันตรายมาก  มอนสเตอร์อื่นนอกจากไอซ์โทรลรวมตัวกันอยู่ณ ที่แห่งนั้น”

“วิหารได้สืบมาว่า สถานที่แห่งนั้นแออัดไปด้วยมอนสเตอร์”

 “ดูจากจำนวนมอนสเตอร์ที่มารวมกันอยู่นั้น  ไม่ว่าใครที่เห็นก็ต้องพูดว่ามันไม่ใช่สถานะการณ์ที่ปกติเลย  มันต้องมีมอนสเตอร์ระดับบอสที่เป็นผู้นำพวกมันแน่นอน มันต้องไม่ใช่มอนสเตอร์ธรรมดาแน่นอนเนื่องจากมันควบคุมมอนสเตอร์อื่นมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว  ดังนั้นท่านต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก มันจะเป็นการดีกว่าถ้าท่านจะหลีกเลี่ยงมอนสเตอร์ระดับบอสนั่น  ”

" ด้วยพรของเทพธิดาเฟรย่า  ขอให้ความกล้าหาญของคุณไม่มีวันเสื่อมถอย”

เมื่อวีดรวบรวมข้อมูลต่างๆ  เขาก็พอจะวาดภาพสถานะการณ์ในหุบมรณะออกมาได้
ปกติ พาลาดินแห่งเฟรย่าจะไม่แสดงท่าทีกล้าๆกลัวๆกับเหล่ามอนสเตอร์
ถ้าพาลาดินแห่งเฟรย่ายังต้องระมัดระวัง มอนสเตอร์ระดับบอสนี่ต้องน่ากลัวเป็นอย่างมาก  ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเลเวลของมันต้องสูงสุดๆ
 ‘นี่ไม่ง่ายแน่นอน’
อย่างไรเขาก็ต้องเจอด้วยตัวเองก่อนถึงจะเข้าใจสถานะการณ์ได้ถูกต้องที่สุด มันไม่มีความจำเป็นต้องถอยหนีถ้าเรายังไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ
 ‘มันต้องมีซักทางสิ’
แม้ว่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขามรณะ แต่ก็ไม่มีหนทางที่จะได้ข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติมจากหมู่บ้านใกล้เคียง  ในพื้นที่ที่อยู่แยกออกจากกันอย่างนี้มันไม่มีทางเลยที่จะได้ข้อมูลอะไรนอกจากข้อมูลพื้นๆ
ในขณะที่วีดพาซอยุนและอัลเวรอนไปรอบๆหมู่บ้านโมราต้านี้ วีดก็เจอกับเด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง

พรีน่า!
เธอคือสาวน้อยที่กลายเป็นรูปปั้นด้วยฝีมือของแวมไพร์ลอร์ดโทริ
พรีน่า เด็กสาวตัวเล็กและน่ารักถือถุงเล็กๆใบหนึ่ง
 “คุณลุง  คุณคือคนที่ช่วยหนูไว้ใช่มั้ยคะ?”
คุณลุงเป็นชื่อที่เขาได้ยินบ่อยๆอย่างไม่มีทางเลือก
อย่างไรก็ตาม วีดยิ้มกว้างให้เธอ
 “ใช่แล้ว ข้าดีใจที่เห็นเจ้าลุกขึ้นได้อีกครั้ง”
 “ขอบคุณค่ะ  หนูคิดว่าการกลายเป็นหินเป็นเรื่องเศร้ามาก  หัวใจไม่เต้น เลือดไม่ไหลเวียน ร่างกายแข็งกระด้างและกลายเป็นนักโทษในร่างกายของเราเอง… โอ้! คุณสนใจในดอกไม้มั้ยคะ?”
" ดอกไม้? "
แน่ล่ะ วีดไม่สนใจอะไรกับดอกไม้  แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีวันจะตอบเช่นนั้นออกไป
 “ดอกไม้มีกลิ่นหอม ข้ารักความสงบสุขของผีเสื้อและผึ้งน้ำหวานที่บินดมเหล่ามวลดอกไม้ที่ผลิบานงดงาม  มันไม่มีความสุขไหนจะเป็นเช่นการได้นอนลงกลางทุ่งหญ้าและสูดอากาศบริสุทธิ์ ”
นี่คือวีด  ผู้ที่หมกมุ่นกับการล่ามอนในความมืดขณะที่มีแค่คบไฟในมือ
คุกใต้ดินกับอากาศเหม็นอับ กลิ่นเหม็นน่ารังเกียจ และสิ่งที่ไม่รู้ว่าคืออะไรปรากฏขึ้นระหว่างการเดินทาง  วีดมีความสุขในการล่าเหมือนคนบ้าในสถานที่เช่นนั้น
มันตรงข้ามกับความละเอียดอ่อน!
อย่างงั้นก็เถอะ  เขามักจะแสดงความห่วงใยเมื่อต้องติดต่อกับพรีน่า  มันเป็นเพราะว่าเขายังไม่ต้องการจะทำลายความฝันของสาวน้อย
พรีน่าแสดงสีหน้ามีความสุขและตบมือเข้าด้วยกัน
 “อย่างนั้นเหรอคะ? เยี่ยมไปเลย  ถ้าอย่างนั้นโปรดรับฟังคำขอเล็กๆของหนูได้มั้ยคะ?”
 “พูดมาเถอะ”
 “หนูได้ยินว่าคุณกำลังมุ่งหน้าไปยังหุบเขามรณะ คุณคิดว่าคุณจะหว่านเมล็ดพันธุ์ที่นั่นได้มั้ยคะ ดอกไม้แห่งความหวังจะได้เบ่งบานในสถานที่ที่มีกลิ่นอายของความชั่วร้ายและความตายอยู่รวมกัน การช่วยดูและเมล็ดเล็ก ๆ เหล่านี้จนเบ่งบานเป็นดอกไม้ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก ถ้าพวกมันเบ่งบาน หนูและเพื่อนใหม่คงมีความสุขมาก”
*ตริ้ง!*

ดอกไม้ของพรีน่า
สาวน้อยผู้รักการปลูก หว่านเมล็ด และดูพวกเขางอกจากพื้น อยากเป็นเกษตรกรในอนาคต
ถ้าคุณหว่านเมล็ดของเด็กสาว และดูแลเอาใจใส่ต้นไม้เหล่านี้จะช่วยเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของหุบเขาเซนเดียม สาวน้อยจะมีความสุขไปตลอดกาล และแนะนำเพื่อนของเธอให้คุณรู้จัก
ความยาก : ระดับ A
รางวัล :
ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนของพรีน่า
ต้นไม้ที่งอกจากการหว่านเมล็ด
ข้อจำกัดเควส :
ต้องมีความเอาใจใส่และระมัดระวังระวังเป็นอันมากเพื่อปกป้องดอกไม้จากมอนสเตอร์และให้มันเติบโตอย่างปลอดภัย

วีดมองเมล็ดพืชในมือพรีน่าด้วยความรู้สึกถึงพลังทำลายล้างอย่างใหญ่หลวง
ถุงกระสอบที่สาวน้อยลากออกมา! มันมีเมล็ดพืชเต็มมาถึงปากกระสอบ
จำนวนของมันเกินจะนับได้
มันเป็นคำขอร้องให้สร้างทุ่งดอกไม้ในหุบเขาแห่งความตาย
ความปรารถนาของสาวน้อยที่อยากจะปกคลุมทั้งโลกด้วยดอกไม้!
 ‘นี่มันเป็นเควสที่ยากโคดๆ’
มันเป็นงานอดิเรกที่จะปลูกดอกไม้ซักจำนวนหนึ่ง
ถ้าเควสเป็นเพียงการปลูกดอกไม้ซักร้อยเมล็ดและรอให้มันงอก มันก็จะเป็นเควสที่ยาก แต่เป็นไปได้
แต่ถ้าจำนวนของมันเป็นหมื่นเป็นแสน  มันก็ไม่ใช่แค่งานพื้นๆอีกแล้ว  มันรวมเข้าไปกับการต้องปกป้องดอกไม้จากมอนสเตอร์ระหว่างที่มันโต ทำให้เควสนี้เป็นงานที่น่าสะพรึง
 ‘ถ้าต้องหว่านเมล็ดพวกนี้ในหุบเขามรณะ  ก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมมันถึงมีความยากระดับ “A”’

วีดกำลังจะส่ายหน้าปฏิเสธ นอกจากว่ามันจะเป็นเควสที่ยากแล้ว  มันยังดูเป็นงานที่น่าเบื่อเอาการ ตอนนั้นเอง ซอยุนที่ตามมาเงียบๆก็คว้าถุงกระสอบที่บรรจุเมล็ดพืชมา
 “ขอบคุณค่ะพี่สาว!”
เพื่อนในปาร์ตี้ ซอยุน ได้ตอบรับเควส

ซอยุนเป็นอย่างนี้เสมอ เธอไม่เคยจะออกปากรับเพื่อเควสซักครั้งแต่เธอไม่เคยปฏิเสธคำขอของใคร
สุดท้ายแล้ว วีดก็ไม่มีทางเลือกนอกจากจะยอมรับเควส
 “ข้ารักการปลูกและเพาะพันธุ์ต้นไม้ลงบนผืนดินอยู่แล้ว ขอบคุณมากที่ขอร้องในสิ่งที่น่าสนุกขนาดนี้”

ท่านได้ยอมรับเควส

ใบหน้าของเขากำลังร้องไห้แต่เขากลับบังคับริมฝีปากให้ฉีกยิ้ม!
มันเป็นยิ้มที่แย่ที่สุดที่เคยมีมา

*******************************

ลี ฮายัน สมัครเข้ารอยัลโรดด้วยความคาดหวังอันเต็มเปี่ยม
เธอเลือกคาแรคเตอร์ ชื่อว่า ยูริน (Yurin)
มันเป็นชื่อที่น่ารัก อ่อนเยาว์ และมีความเป็นผู้หญิง  ที่จริงแล้วมันไม่ได้เป็นชื่อที่ดูเด็กหรืออะไร
ยูรินเป็นชื่อที่ย่อมาจาก Human Rights Violation! (การละเมิดสิทธิมนุษยชน!)    
 “มอนสเตอร์! ฉันจะปราบมันให้หมดเลย”
ยูรินอยากหาเงินให้ได้เยอะๆ เธอชอบรวบรวมไอเทมให้มากที่สุดด้วย  เนื่องจากเธอมีเวลาว่างมากจนกว่าจะเข้ามหาลัย  เธอตั้งใจจะทำงานหนักและเพิ่มเลเวลของเธอให้สูงขึ้น
ยูรินเลือกโรเดียมเป็นเมืองเริ่มต้น  นั่นเป็นเพราะเธอหวังว่าถ้าเธอโชคดีพอเธอจะได้เจอกับวีด
“มีใครอยากจะไปล่ามอนกับพวกเราหน้าหมู่บ้านบ้าง?”
 “พวกเรามองหาผู้สนับสนุนอยู่”
 “ผมเป็นประติมากรมองหาปาร์ตี้อยู่คร้าบบ ผมมีมีดแกะสลักที่แตกหักทั้ง 7”
 “ผมเป็นบาร์ดเลเวล 35 มี “บทเพลงแห่งการรักษา” อยากเข้าร่วมปาร์ตี้คร้าบ  จะดีมากถ้าเป็นปาร์ตี้ที่จะออกล่าประมาณหนึ่งอาทิตย์คร้าบบ”
คนมากมายแออัดกันในจตุรัสกลางของโรเดียมเช่นปกติ
มันมีขอทานอยู่เป็นจำนวนมากในฟากหนึ่ง แต่ก็มีคนที่มองหาปาร์ตี้อยู่เป็นจุดๆ
ในทางกลับกัน  มันมีคนเป็นพันที่ออกันอยู่ในลานที่มีรูปสลักอันงดงามในเสื้อผ้าแบบต่างๆอยู่
มันมีนักเรียนไฮสคูลปีสุดท้ายที่ผ่านการสอบเข้ามหาลัยแล้วมากมาย  สวมใส่เสื้อผ้าผู้เล่นเริ่มต้น  ดวกตาเบิกกว้างสิ่งต่างๆด้วยความสนใจ
แต่โชคร้ายที่วีดออกจากโรเดียมไปแล้ว
ยูรินคิดว่านี่มันเยี่ยมที่สุดเลย
 “เยี่ยม ไม่เป็นไรหรอก  ฉันไม่อยากเริ่มเล่นเกมส์โดยพึ่งพาใครอยู่แล้ว”
ยูรินพับแขนเสื้อขึ้นและเริ่มมองหางานเพื่อหาเงิน  เมื่อเริ่มเล่นเกมส์รอยัลโรดจะไม่สามารถออกนอกเมืองได้เป็นเวลา 4 สัปดาห์
เธออยากหาเงินในช่วงเวลานี้

 “พวกเรากำลังมองหาคนช่วยงานในภัตตาคารที่สนใจในการทำอาหารอย่างจริงจัง”
 “ลูกของฉันรักหนังสือมาก  มีใครที่อยากจะอ่านหนังสือเกี่ยวกับวีรบุรุษสุดเท่ให้เขาฟังบ้าง?”
 “อืม ช่วงนี้มันมีแมลงวันจำนวนมากในร้านของข้า  มีใครคิดว่าจะจับแมลงวันนานซัก 5 ชม.ให้ข้าได้มั้ย  ข้ามีค่าตอบแทนให้เจ้าได้ 20 เหรียญทองแดงเลย”
นี่เป็นงานระดับที่ยูรินสามารถทำได้
เช่นเดียวกับวีด  เธอตีหุ่นไล่กาอยู่อย่างเงียบๆเพื่อฝึกฝน  แต่อย่างไรก็ตาม ค่าสแตทที่เพิ่มขึ้นของเธอเป็นผลจากการฝึกฝนร่างกาย
 ‘ฉันน่าจะกลายเป็นเมจสาวน้อยน่ารัก’
นักเวทย์ที่ยูรินอยากเป็นนั้นคือการเป็นเมจที่เชี่ยวชาญทุกอย่าง
พวกเขาใช้เวทย์ขนาดใหญ่ ส่งผลในวงกว้างในเพื่อเปลี่ยนมอนสเตอร์นับร้อยให้กลายเป็นฝุ่น  เมจที่สามารถเรียกฝนให้พื้นที่แห้งแล้ว  ทำลายภูเขา และศึกษาเวทย์ร้ายแรงระดับสูง!


เล่มที่ 8 ตอนที่ 9 : จบ

โน้ตท้ายบท : หุบเขามรณะมีชื่อว่า “หุบเขาเซนเดียม”




*****************************



<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

2 ความคิดเห็น: