วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เล่มที่ 9 ตอนที่ 4 กำราบ (Conquest)

เล่มที่ 9 ตอนที่ 4 กำราบ (Conquest)

หลังจากที่ได้พักผ่อนมาหนึ่งวัน  วีดก็เริ่มมุ่งเป้าไปยังการโจมตีหุบเขามรณะ (Valley of Death) ในทันทีที่ดวงตะวันเริ่มฉายแสงในยามเช้า
เนื่องด้วยเขาไม่มีเวลามากพอที่จะพักเพื่อฟื้นฟูสภาพให้ฟื้นคืนเต็มที่ทำให้สภาพร่างกายของเขาแย่ลงไปอีก 20% จากอากาศที่หนาวเย็นนั่น
“การเป็นไข้นี่มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว  การหลีกเลี่ยงการเป็นไข้ในภาคเหนือนี่มันเป็นเรื่องฟุ่มเฟือย  อัลเวรอน!”
อัลเวรอนนั่งอยู่ที่นั่นตอนที่วีดหันกลับมา
เขาเป็นเพื่อนร่วมทางที่พึ่งพาและไว้วางใจได้เสมอ!
เป็นไปตามที่คาดเอาไว้  ชายที่เป็นถึงผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้านักบวชคนนี้เปี่ยมล้นไปด้วยพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์
แถมอัลเวรอนยังไม่เหมือนตัวละครที่แข็งแกร่งคนอื่นๆตรงที่เขาเป็นคนที่ดีและอยู่ในโอวาทเป็นอย่างดี
“ครับ”
“พวกเรากำลังจะเผชิญกับการต่อสู้ที่มีความหมายเป็นอย่างมาก  นายจงให้พรกับ ไววัน, ไวทู, ไวทรี, ไวไฟว์, ไวซิกส์, ไวเซเว่น, โกลด์มินิ แล้วก็ ปิงหลงซะ
“ตกลงตามนั้น”
วีดเอ่ยนามของรูปสลักของเขาออกมาทุกรูป ทีละชื่อ ทีละชื่อ อย่างตั้งอกตั้งใจและเคร่งครัด!
แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกมันอารมณ์บูดบึ้งง่ายมากเพราะพวกมันถือกำเนิดขึ้นมาจากความอิจฉาริษยาและความเห็นแก่ตัว
‘นี่เราสร้างตัวอะไรออกมากันเนี่ย’
วีดทำได้แค่ถอนหายใจในยามที่เขามองไปยังรูปสลักพวกนั้นของเขาโดยไม่สามารถทำอย่างอื่นได้
ความฉลาดที่เตี้ยติดดิน!
ตะกละเป็นที่หนึ่ง!
โลภต่อเงินตราและไอเท็ม!
พวกมันเป็นข้ารับใช้ที่เขาไม่สามารถไว้วางใจได้
แต่ในฐานะประติมากรเขาไม่สามารถทำอะไรได้  ก็เหมือนกับที่เด็กได้รับการสืบทอดพันธุกรรมมาจากพ่อแม่ฉันใดก็ฉันนั้น  พวกรูปสลักพวกนั้นมีเลเวลที่สูงอันเป็นผลมาจากค่าสถานะทางศิลปะที่สูงของวีด  แต่ค่าความฉลาดและปัญญาของวีดเองก็ต่ำอย่างน่าสมเพชเหมือนกัน
ก็เพราะอย่างนี่แหละ จึงได้มีแต่พวกงี่เง่าอย่างพวกนี้ถือกำเนิดขึ้น

อัลเวรอนทำการร่ายมนต์ศักดิ์สิทธิ์
“พลังอำนาจมืดที่เข้ามาทำร้ายจงผุกร่อนไป, เกราะศักดิ์สิทธิ์ จงช่วยเพิ่มพลังแก่เขาในการต่อสู้กับปีศาจร้าย, อำนวยพร!”
แสงสีขาวพุ่งออกมาจากอัลเวรอนไปคลุมร่างของไวเวิร์น, โกลด์มินิและปิงหลง
มันเป็นทักษะพิเศษของพรีสที่ช่วยเพิ่มพลังป้องกันและพลังกาย
แถมมันยังช่วยเพิ่มความต้านทานธาตุให้อีกด้วย
อัลเวรอนร่ายเวทศักดิ์สิทธิ์บทต่อไป
“จงปกปักรักษามิให้ชีวิตพรากไปจากเขา  หัตถ์แห่งการรักษา”
ทักษะที่ช่วยเพิ่มปริมาณพลังชีวิตให้สูงขึ้น!
ระหว่างที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันกับวีด  อัลเวรอนได้เติบโตและแข็งแกร่งขึ้น
‘ใช่แล้ว  อัลเวรอนนี่มีประโยชน์จริงๆ’
วีดแสดงอาการของความผิดหวังออกมา
เทียบกับตอนที่พวกเขามาเยือนโมราต้าครั้งแรกนั้น  เวลาได้ผ่านมาแล้วระยะหนึ่ง และอัลเวรอนก็แข็งแกร่งขึ้นมาก
แต่อัลเวลรอนเป็นเพื่อนร่วมทางก็แต่กับภารกิจเฉพาะเท่านั้น
เนื่องจากเขาจะไม่สามารถใช้งานอัลเวรอนได้หลังจากจบภารกิจ  ช่างเป็นเรื่องเสียเปล่าจริงๆ

“เจ้านาย  ข้าจะโจมตีละนะ”
ไววัน กระพือปีกของมัน
หลังจากได้รับมนต์ศักดิ์สิทธิ์ไปหลายบท  มันก็ได้รับความแข็งแกร่งอย่างเต็มเปี่ยมและแสดงสัญชาตญาณอันดุร้ายที่ชื่นชอบการต่อสู้ออกมา
วีดไม่เห็นความจำเป็นที่จะไปห้ามมัน
“ก็ได้ ระวังตัวด้วยล่ะ,  โกลด์มินิ”
“เจ้านาย เรียกข้าทำไม? โกล โกล โกล”
“จงขี่ไววัน ไปต่อสู้”
“มันหนาวอ่ะ  ให้ข้าพักตรงใกล้ๆกองไฟนี่ได้มั๊ย? โกล โกล โกล”
โกลด์มินิ ถูกสร้างมาจากทองคำ
มันขี้เกียจเป็นอย่างมากพอๆกับร่างกายอันแสนล้ำค่าของมัน
วีดตอบกลับไปอย่างตรงๆ ไม่อ้อมค้อมเลยว่า
“ถ้าเจ้าไม่สู้ ข้าจะเป็นคนหลอมเจ้าด้วยมือของข้าเอง”
“ข้าจะปฏิบัติตามคำสั่งของนายท่านขอรับ  โกล โกล โกล”
“เอาธนูนี่ไป”
วีดให้ธนูที่เขาใช้อยู่กับโกลด์มินิ
ฟึบ ฟึบ! (เสียงกระพือปีก)
ไวเวิร์นทั้ง 6 บินขึ้นไปสู่ท้องฟ้าพร้อมกับการทำเสียงเหลาะๆแหละๆ
พวกมันเป็นไวเวิร์นที่มีความสามารถและสามารถรอดชีวิตจากสงครามกับกองทัพอมตะมาได้
เหล่าไวเวิร์นบินวนบนท้องฟ้าอย่างสง่างาม
ดูราวกับพญาอินทรีย์กำลังล่าเหยื่อ  พวกมันกำลังมองหาโอกาสในการเปิดศึก!
ทว่าเหล่าไวเวิร์นกลับเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว
“บรื๋อ  จะหนาวตายอยู่แล้ว  ลุยๆมันไปเลยละกัน”
ถึงแม้ว่าจะเป็นยามเช้าแล้วก็ตาม  แต่เนื่องด้วยบรรยากาศที่หนาวเย็น ทำให้ไวเวิร์นขาดการอดกลั้นต่อสภาวะทางกายภาพ
นั่นทำให้พวกมันตัดสินใจที่จะไม่บินเป็นวงกว้างโดยไม่จำเป็น
พวกมันบินขึ้นไปบนฟ้าตามการนำของไววัน
หลังจากทำอย่างนั้นอยู่พักหนึ่ง พวกมันก็พุ่งดิ่งเข้าไปหามอนสเตอร์บนยอดหุบเขามรณะ
เหล่าไวเวิร์นต่อสู้ไปด้วยในขณะที่พุ่งโฉบลงไปด้วยความเร็วปานสายฟ้าแล่บ
พวกมันใช้กรงเล็บเหล็กกล้าเข้าข่วน ไอซ์โทรล (Ice Troll) และ ลาเมีย (Lamia)

“ตายซะ!”
“นี่คือแผ่นดินของเรา!”
“สู้มัน!”
ไอซโทรลแผดเสียงกู้ร้องเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจและความสามัคคีพร้อมทั้งเข้าโจมตีด้วย สามง่าม  ในขณะที่ลาเมียใช้เวทมนต์โดยตวัดลิ้นไปมาราวกับงู
“ดวงเนตรยั่วยวน (Eye of Temptation)!”
เวทมนต์ของลาเมียส่งผลให้ความแข็งแกร่งของเพศชายทุกคนลดลง ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ใดก็ตาม

ที่เบื้องล่างของหุบเขา วีดเองก็ได้ทำข้อผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน
“นี่ลาเมียมีความสามารถอย่างนี้ด้วยหรือเนี่ย?”
ลาเมียจัดได้ว่าเป็นแรร์มอนสเตอร์ (มอนสเตอร์หายาก) ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ข้อมูลความสามารถของมันมากนัก
รู้กันแค่เพียงว่ามันมีเลเวลประมาณ 200 ปลายๆ  แต่ไม่มีข้อมูลอะไรเลยว่ามันต่อสู้อย่างไร
เวทมนต์ที่ลาเมียใช้เป็นคำสาปประเภทหนึ่งซึ่งไม่สามารถลบล้างได้ด้วยมนต์ศักดิ์สิทธิ์  พวกมันเป็นคู่ต่อสู้ที่เล่นด้วยยากจริงๆ
นี่คือความพิเศษของลาเมียที่ไม่เป็นที่ล่วงรู้ต่อสาธารณะชน
แต่กลับไม่มีพวกไวเวิร์นซักตัวที่ได้รับผลกระทบนี้
“ทำไมพวกเราไม่เป็นอะไรเลยล่ะ?”
“นี่มันอะไรกัน”
“หรือจะเป็นเพราะความยอดเยี่ยมของพวกเรา?”
“ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ  เป็นเพราะพวกเราเจ๋งยังไงล่ะ พวกเราถึงไม่ตกไปในหลุมพรางของคำสาปชั่วๆนั่น”
“เดี๋ยวก่อน! ตกลงพวกเราเป็นตัวผู้หรือตัวเมียกันแน่?”
ไม่มีไวเวิร์นตัวไหนตอบคำถามที่ผุดขึ้นมาของไวทรี ได้
และก็เป็นวีดที่ ถึงบางอ้อ
‘ไม่มีตัวผู้อยู่ในกลุ่มพวกมันเลยนี่หว่า!’
ตอนที่ไวเวิร์นถูกแกะสลักขึ้นมา วีดกำลังยุ่งอยู่กับสงครามกับกองทัพอมตะ
ในตอนนั้นเขาไม่มีเวลามากนัก เขาต้องแกะสลักอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องคุณภาพมากนัก
ท้องที่โป่งนูนและหน้าที่เป็นเหลี่ยมมุม!
เนื่องจากเป็นการแกะสลักที่แข่งกับเวลา ทำให้เขาไม่ได้สร้างผลงานที่มีอะไรเป็นตัวระบุเพศที่ชัดเจน
ต้องขอบคุณในเรื่องนี้ที่ทำให้พวกไวเวิร์นมีร่างกายที่ไม่สามารถระบุเพศได้
แล้วโกลด์มินิล่ะ?
สำหรับกรณีของโกลด์มินินั้น  ถ้าเริ่มจากใบหน้าก่อน  มันชัดเจนที่โกลด์มินิมีใบหน้าที่ดูเป็นผู้ชาย
แต่โกลด์มินิเองก็ไม่ได้ถูกยั่วยวนโดยลาเมีย เหมือนกัน
ใบบางเวลาและบางโอกาส  โกลด์มินิเองก็ยุ่งไปกับการส่องกระจกมองดูตนเอง
“รัศมีระยิบระยับนี่  ใบหน้าทองคำนี่  ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะสวยงามไปกว่าเราอีกแล้ว”
โดยการพร่ำบอกกับตัวเองว่าตนเองงดงามขนาดไหน  โกลด์มินิก็ได้ตกหลุมรักตัวเองเข้าให้!
และท้ายที่สุดก็ไม่มีใครหลงไปกับการยั่วยวนของลาเมีย
“พิษของยูคลา (Eucla)!”
จากการที่มนต์ของพวกมันใช้ไม่ได้ผล พวกลาเมียจึงได้เริ่มพ่นพิษที่ทำให้ถึงตายได้ออกมาทั่วบริเวณ
เป็นเข็มพิษบางอย่าง
ควันพิษสีน้ำเงินแพร่กระจายไปพร้อมกับสายลม, ไอซ์โทรลก็กวัดแกว่งหอกไปทั่วทุกแห่ง
ไวเวิร์นบินอยู่บนท้องฟ้าและพุ่งตัวลงมาเป็นครั้งคราวเพื่อทำการโจมตีโดยการจิกและข่วนต่อพวกลาเมียและไอซ์โทรล
ต้องขอบคุณคุณสมบัติเสริมอย่างไม่น่าเชื่อของมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยยืดขยายขีดความสามารถทางกายภาพของไวเวิร์นออกไปจากปกติเป็นอย่างมาก
พวกมันสามารถต่อสู้ได้อย่างสูสีกับไอซ์โทรล 1-2 ตัว!
แต่พวกไอซ์โทรลมีกันเป็นสิบ

“ไอ้นกโสโครก! ตายซะ!”
“ทางนั้น!”
เมื่อไหร่ก็ตามที่ฝูงไวเวิร์นโฉบลงมายังพื้นดินเพื่อโจมตี  พวกไอซ์โทรลก็จะรวมกลุ่มกันเข้ามา
และเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนั้น  พวกไวเวิร์นก็บินกลับขึ้นไปอีกเพื่อหลีกเลี่ยงการจู่โจมที่ตกเป็นเป้าแบบนั้น
“ไอ้นกขี้ขลาด!”
“ลงมานี่สิฟระ มาสู้กันนี่!”
ไอซ์โทรลตะโกนท้าสู้ก้องไปทั่ว
ถ้าพวกไวเวิร์นเป็นออร์คล่ะก็ พวกมันคงจะลงมาสู้ด้วยอย่างยุติธรรมไปแล้ว
แต่พวกไวเวิร์นนั้นมีบุคลิกที่ขี้ขลาดและเลวร้ายอยู่ในกมลสันดาน
“พวกชั้นต่ำที่ไม่รู้กระทั่งวิธีการบินเอ๊ย”
“แน่จริงก็ขึ้นมาสู้กันบนท้องฟ้านี่สิ?”
ไวเวิร์นใช้การต่อสู้โดยใช้การข่วนด้วยกรงเล็บอย่างชาญฉลาด!
นั่นไม่ได้สร้างความเสียหายที่รุนแรงอะไรให้กับไอซ์โทรล
พวกโทรลมีความสามารถในการฟื้นฟูทางกายภาพที่ยอดเยี่ยม
รอยแผลหายเป็นปลิดทิ้งในชั่วพริบตา
และเนื่องด้วยการที่พวกโทรลมีความสามารถในการฟื้นตัวที่สูงชนิดที่ว่าพวกมันสามารถงอกแขนและขาที่ถูกตัดทิ้งใหม่ได้  ทำให้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เหล่าไวเวิร์นจะฆ่าไอซ์โทรล
“พวกมันไปทางนั้นแล้ว!”
“เร็วๆเข้า ฆ่าพวกมันให้ได้!”
เมื่อไวเวิร์นบินต่ำลงมา  ไอซ์โทรลก็วิ่งเข้าไปหาพวกมันโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
พวกโทรลนั้นรูปร่างสูงกว่าออร์คมาก
ร่างที่สูงนั้นวิ่งด้วยความเร็วเต็มสปีดบนทางน้ำแข็งและสะดุดล้มไปหลายครั้ง
เมื่อไอซ์โทรล 10 ตัวล้มลง พวกมันพัวพันกันอีรุงตุงนัง จนกว่าจะลุกขึ้นมาได้ก็ต้องกินเวลาไปอีกพักหนึ่ง
และไวเวิร์นก็ฉวยโอกาสนี้ในการเข้าข่วนและจิกอย่างดุร้าย
แม้ไอซ์โทรลจะฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว  แต่ว่าค่าความความอึดกลับถูกผลาญไปเร็วยิ่งกว่า
ดังนั้น  นอกเหนือจากการโจมตีตรงๆแล้ว  นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ไอซ์โทรลอ่อนแอลง
ส่วนโกลด์มินิก็ทำหน้าที่ยิงโทรลที่ล้มอยู่บนพื้นด้วยความแม่นยำอย่างยิ่งลมที่เกิดจากปีกที่กระพือของไวเวิร์นร่างยักษ์ส่งผลให้หิมะที่กองทับกันถล่มลงมา

อีกด้านหนึ่งของหุบเขา ก็มีกองทัพลิซาร์ดแมนที่ถูกนำโดยลิซาร์ดคิง และมีโกสต์โซลเยอร์ (วิญญาณทหาร), เซอร์แวนท์ (ข้ารับใช้) และโกสต์ฟอลโลวเออร์ (วิญญาณติดตาม) รอคอยคำสั่งอยู่
“พวกเราต้องรับศึกทีละด้าน”
วีดตั้งใจส่งไวเวิร์นไปยังที่ๆไอซ์โทรลและลาเมียอยู่
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กับพวกฝูงมอนสเตอร์บนยอดของหุบเขา
แต่ต้องขอบคุณปัจจัยด้านสภาพภูมิศาสตร์ของหุบเขามรณะที่ทำให้พวกเขาไม่ต้องเผชิญหน้าพวกมันในเวลาเดียวกัน
พวกเขาเพียงแค่ต้องเผชิญกับพวกศัตรูในด้านใดด้านหนึ่งของหุบเขา
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ แบ่งมันออกเป็นสองส่วนแล้วเก็บมันซะ
“นายท่าน พวกเราไม่สามารถเอาชนะด้วยตัวเราเองได้”
ตอนนั้นเองที่ ไววัน ได้ร้องขอความช่วยเหลือมา
ในฐานะที่เป็นไวเวิร์นที่บินได้  พวกมันไม่ค่อยจะได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเท่าใดนัก
เพราะตราบใดที่ปีกของพวกมันยังดีอยู่  พวกมันจะบินจากไปเมื่อไหร่ก็ได้!
แต่ด้วยมอนสเตอร์จำนวนมหาศาลบนพื้นดินนี้ ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะโจมตีได้รุนแรง  ไวเวิร์นหนึ่งตัวเผชิญกับไอซ์โทรล 5-6 ตัวตอนที่พุ่งตัวเข้าไปโจมตี มีไวเวิร์น 2-3 ตัวที่ประสบปัญหาในการสลัดหลุดจากพวกมัน

“ปิงหลง, ได้เวลาแสดงฝีมือของนายแล้ว”
“ได้เลย นายท่าน”
ในที่สุด  ด้วยคำสั่งจากวีด ปิงหลงที่รออยู่ก็ได้กางปีกออกกว้างและออกบินไป
“คว๊ากสส์!”
ด้วยเงาร่างของมังกรที่น่าเกรงขามนั้นเอง ทำให้ทั้งไอซ์โทรลและลาเมียกลัวจนตัวลีบ
ปิงหลงที่กำลังบินอยู่ส่งเสียงคำรามพร้อมทั้งทิ้งตัวลงไปยังไอซ์โทรล
แพร่ด แพร่ด!
น้ำหนักตัวของปิงหลงเป็นอาวุธอย่างหนึ่งของมันอยู่แล้ว  ปิงหลงบดขยี้โทรลลงได้เพียงแค่ย่ำเท้าลงบนพวกมันเท่านั้น!

แม้ปิงหลงจะถูกค่อนขอดว่าไร้ประโยชน์และไร้ซึ่งความแข็งแกร่ง  แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ปิงหลงขยับปีกและเตะขา ก็จะปรากฎไอซ์โทรลและลาเมียกระเด็นออกไป  นั่นก็เป็นเพราะว่าปิงหลงหนักมากเท่านั้นเอง!

ต่อหน้าเหล่าศัตรูตัวกระจ้อย  ศักยภาพของมันช่างยิ่งใหญ่นัก
ยามเมื่อปิงหลงขยับปีกหรือขา  พวกไอซ์โทรลก็ทำได้แค่กระเด็นไปเท่านั้น
“คว้ากกกกกก!”
ตอนที่ปิงหลงคำรามเป็นครั้งคราวก็ทำให้รอบด้านสั่นสะเทือน
ปิงหลงผู้ซึ่งได้รับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นจากมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของอัลเวรอนกำลังออกโรง
“ฆ่ามัน”
“ทำลายไอ้ก้อนน้ำแข็งนั่น!”
ไอซ์โทรลพุ่งเข้าหา
แม้จะมีไอซ์โทรลหลายตัวที่ลื่นล้มและสะดุดพวกเดียวกันไปบ้าง  แต่ก็ยังมีมากกว่าห้าตัวที่ไปถึงปิงหลงพร้อมทั้งเหวี่ยงหอกและขวานเข้าใส่
แถมในส่วนลึกของหุบเขามรณะ ยังมีไอซ์โทรลจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฎออกมา
จำนวนที่เห็นมีมากกว่า 100!
ไอซ์โทรลจำนวนมากกว่าที่พวกเขามองเห็นได้ปรากฎตัวขึ้น
มันมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังว่าทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงถูกเรียกว่าหุบเขามรณะ
ตอนนั้นเอง ปิงหลงได้กางปีกของมันออกและบินขึ้นไปบนฟ้า
พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ
“ซู้ดดดด!” (เสียงสูดลมหายใจ)
อากาศถูดดูดเข้าไปในรูจมูกอันกว้างใหญ่ของมัน
พุงที่ป่องอยู่แล้วของมันก็ยิ่งโป่งพองขึ้นไปอีก
จากนั้นร่างกายที่ทำมาจากน้ำแข็งก็ยิ่งขาวยิ่งขึ้นไปอีก
และปากของปิงหลงก็ได้อ้ากว้างออกมา
“ฮูมมมม!”
ลมหายใจยะเยือก (Ice Breath)!
ปิงหลงใช้อัลติเมทสกิล (Ulitmate skill = ทักษะขั้นสุดยอด) ของมันซึ่งสามารถใช้ได้แค่วันละครั้งเท่านั้น
พวกไอซ์โทรลที่พุ่งชาร์จเข้ามาต่างโดนแช่แข็ง
พวกมันตัวแข็งไปหมด ไม่สามารถขยับไปไหนมาไหนได้
“วิ่ง”
“วิ่งไป!”
ไอซ์โทรลและลาเมียต่างกำลังสับสนอยู่
พวกมอนสเตอร์ที่ได้รับการโจมตีโดยตรงจากลมหายใจของปิงหลงต่างก็ใกล้จะไปปรโลกแล้ว  ส่วนพวกที่อยู่รอบๆข้างก็มีบางส่วนที่แข็งและเคลื่อนไหวอย่างยากลำบาก
รังสีอำมหิตถูกเปล่งออกมาจากมังกรที่สง่างามตัวนั้น
น่าเศร้าที่ทักษะนี้ใช้ได้แค่วันละครั้ง
แต่ถึงแม้ว่าทักษะนี้จะแช่แข็งมอนสเตอร์ไปจำนวนไม่น้อย  ทว่าไอซ์โทรลกลับทยอยปรากฎตัวออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

ปิงหลงกำลังยุ่งอยู่กับการป้องกันตัวเอง
“ปิงหลง, ทิ้งพวกมันลงมาข้างล่างนี่”
ในที่สุด วีดก็ออกคำสั่ง
มันมีมอนสเตอร์ที่แออัดอยู่ในหุบเขามรณะเป็นจำนวนมาก  เขาไม่อาจยอมให้พวกมันปรากฎกายเข้าจู่โจมใส่ไวเวิร์นหรือปิงหลงได้เรื่อยๆ
“ข้าจะทำตามที่ท่านสั่ง  นายท่าน”
พอปิงหลงขยับกวัดแกว่งบนพื้นที่อันคับแคบบนยอดเขาก็ทำให้มีไอซ์โทรลโดนเบียดและล้มกลิ้งลงมาจากยอดเขา
“แกว๊ก แว๊ก!”
พวกไอซ์โทรลที่ตกจากหน้าผามานั้นจะตกเป็นหน้าที่ของวีด หรือ ซอยูน ที่จะเป็นผู้เก็บกวาดมัน
“ฮัดชิ้ว!”
แม้อากาศที่หนาวเย็นจะทำให้เขาแทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว แต่วีดก็ยังคงเป็นผู้นำ
“โอย มันกำลังจะฆ่าเราให้ตาย”
ตัวของเขาร้อนจากอาการเป็นไข้
แท้จริงแล้ว หุบเขามรณะต่างหากที่หนาวจนเกินไป  ไม่ใช่แค่จากมอนสเตอร์เท่านั้น  แต่อุณหภูมิทั่วไปก็ยังต่ำเกินไปด้วย
แถมยังมีสายลมยะเยือกที่เย็นพอจะแช่แข็งสิ่งมีชีวิตโบกพัดอยู่อีก
สายลมที่พัดมาจากใจกลางของหุบเขายิ่งทำให้อาการไข้ของวีดและอัลเวรอนเลวร้ายลงไปอีกในทุกๆวินาทีเลยทีเดียว
เพื่อต่อต้านกับอาการขาสั่น  วีดหยิบดาบของเขาออกมา
“เราทำได้แค่พยายามให้ดีที่สุด เคล็ดมีดสลักแสงจันทร์!”
วีดเรียกใช้ทักษะดาบที่ทำให้เกิดแสงศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้มดาบเอาไว้
เมื่อไหร่ก็ตามที่วีดกวัดแกว่งดาบของเขา  ก็จะเห็นวิถีของแสงจากดาบคงค้างอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
นี่ไม่ใช่การกวัดแกว่งหรือทิ่มแทงศัตรูอย่างทื่อๆ  แต่มันเป็นดาบที่หลอมรวมอิริยาบถของร่างกายและดาบให้กวัดแกว่งได้อย่างเสรี!
ทักษะดาบที่วีดฝึกฝนมาอย่างยาวนานได้เผยให้เห็นและประจักษ์ในรูปของประกายแสงที่คงค้างอยู่ในอากาศ
โยกไปโยกมา!
เมื่อไหร่ก็ตามที่พละกำลังของมือและเท้าของเขาลดน้อยลง  พวกไอซ์โทรลก็จะโถมเข้ามาอย่างน่าสะพรึง
พร้อมๆกับเสียงทุบอกที่ดังกระหน่ำ  พวกไอซ์โทรลที่ได้รับบาดเจ็บพุ่งเข้ามาพร้อมกับเงื้อหอกและขวานขึ้นสูง

“ฮว่า!”
ไอซ์โทรล หายใจออกอย่างหนักหน่วงพร้อมกวัดแกว่งขวานในมือ
‘อันตรายเหมือนกันนะเนี่ย’
วีดหลบหลีกการโจมตีจากขวาน
จากนั้นเอง เขาก็พุ่งฝ่าเข้าไปด้านล่างเพื่อทำการโค่นเข่าของพวกไอซ์โทรลให้ทรุด
ปกติแล้วเขาจะไม่ใช้วิธีการเช่นนี้  แต่นี่มันแออัดเกินไป
ไอซ์โทรลมากกว่า 10 ตัวตกลงไปจากหน้าผาจากวิธีการนี้
แม้ความอึดของพวกมันจะลดลงมาพอสมควร  แต่นั่นไม่ได้แปลว่าพลังการโจมตีของพวกมันลดลงไปด้วย!
แถมพวกมันยังมีเลเวลที่สูงกว่าวีดอีกด้วย  ดังนั้นเขาจึงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง
“ถุย  ไอ้ขี้ขลาดเอ้ย”
“ถุย  แกต้องตายด้วยน้ำมือของพวกเรา”
ไอซ์โทรลคำรามออกมาด้วยความโกรธ
และทุกครั้งที่มันร่ำร้องก็จะเห็นเป็นไอเย็นสีขาวออกมาจากลมหายใจของมัน
‘พวกมันมีมากเกินไป’
ดวงตาของวีดมองต่ำลง
เมื่ออันตรายกรายใกล้เข้ามา  วีดจะสามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างมีเหตุผลด้วยการพิจารณาจากรอบด้าน(panoramic view)

และถ้าสภาพร่างกายของเขาอยู่ในสภาวะปกติล่ะก็  เขาก็จะสามารถผ่านพ้นมันไปได้  แต่ด้วยสถานการณ์อย่างตอนนี้ที่เขาเป็นไข้อยู่นั้น  ทั้งพละกำลัง, ความคล่องแคล่ง และ พลังชีวิต ต่างก็ลดลงไปจากปกติทั้งหมด
แถมความชำนาญด้านทักษะการต่อสู้ก็ลดลงไปอีกด้วย  เรียกได้ว่าจุดแข็งทั้งหมดของเขาไม่มีเหลือเลย
“เรายอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด  เราไม่ยอมถอยหรอก”
วีด คว้าดาบของเขาขึ้นมา
ถ้าเขากำจัดพวกมันได้ไม่เร็วพอล่ะก็  เขาก็ยังพอจะยื้อการต่อสู้ต่อไปได้อยู่ดี  แต่มันออกจะเสี่ยงไปหน่อย
และแม้เขาจะได้รับบาดเจ็บนิดๆหน่อยๆ  เขาก็จำเป็นต้องรอโอกาสเพื่อที่จะจัดการมันทีละตัวๆ
“แถมเราจะปล่อยให้อัลเวรอนตายไม่ได้ด้วย”
ข้างหลังวีดคือ อัลเวรอน ผู้ซึ่งวิ่งได้ช้าราวกับเต่า
นั่นทำให้ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาก็ต้องยึดพื้นที่นี้ไว้ให้มั่น
เฟี้ยว!
ตอนนั้นเอง ก็มีแสงวาปขึ้นในหมู่ของไอซ์โทรล
เป็นซอยูนที่จัดการพวกมอนสเตอร์ที่พุ่งเข้าไปหา
การจัดขบวนของไอซ์โทรลที่ล้อมรอบวีดอยู่ได้แตกกระจายออกไป
“ถุย!”
“มีนังมนุษย์ผู้หญิงคนนึงมันฆ่าพวกพ้องของเรา”
“ฆ่านังผู้หญิงคนนั้น”
ในขณะที่ไอซ์โทรลเข้าจู่โจมซอยูนนั้นเองที่ทำให้วีดสามารถพักผ่อนได้ชั่วครู่
‘การต่อสู้ที่แท้จริงได้เริ่มขึ้นแล้ว’
แม้สภาพร่างกายของวีดจะไม่สมบูรณ์ 100% เขาก็ยังคงมีส่วนร่วมในการรบอยู่อย่างสม่ำเสมอ
ลำแสงที่สวยงามและเฉียบคมพาดผ่านได้ก่อให้เกิดลางบอกเหตุอันงดงาม
นี่แหละ การใช้เทคนิคสลักแสงจันทร์ในการเข้ารุก!
เนื่องด้วยมีพื้นฐานมาจากอาชีพทางศิลป์ ทำให้ทักษะดาบนี้เปี่ยมไปด้วยความงดงามในยามใช้ออกมา
พอมาเทียบกันแล้ว  การโจมตีของซอยูนกลับใช้อะไรที่พื้นๆกว่ากันเยอะเลย
เธอหลบหลีกการจู่โจมของมอนสเตอร์ด้วยอย่างสละสลวย  เคลื่อนไหวร่างกายราวกับร่ายรำ
เมื่อเธอเห็นช่องโหว่  เธอก็จะพุ่งเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามในทันที
หากคู่ต่อสู้ไม่ตายเนื่องจากอัตราการฟื้นตัวที่โคตรมหาศาลของมัน เธอก็จะโจมตีเข้าไปที่คอของมันอีกครั้งหนึ่ง
มันดูเหมือนเป็นวิธีที่โหดร้ายทารุณ  แต่ในความเป็นจริงแล้วมันกลับเป็นการกรุณาเป็นอย่างมากแล้วหากนำไปเทียบกับวิธีของวีด

วีดรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในยามที่ไอซ์โทรลในถูกกำจัดไปในปริมาณหนึ่ง
วีด พูดกับพวกไอซ์โทรลว่า
“ลองมาโจมตีข้าให้โดนหน่อยสิ”
“กว๊ากกส์!”
พวกไอซ์โทรลที่อารมณ์เดือด ได้เข้ามาโจมตีวีด
และเมื่อไหร่ก็ตามที่มันทำอย่างนั้น วีดก็จะทำการปิดตาของเขาลง
ความเชี่ยวชาญในทักษะ หลับตาอดทน เพิ่มขึ้น
ความทนทานเพิ่มขึ้น 1

วีดกำลังใช้การโจมตีของไอซ์โทรลในการเพิ่มระดับทักษะของเขา!
จนกระทั่งพลังชีวิตของเขาถึงจุดต่ำที่สุดนั่นแหละ  เขาถึงจะทำการจัดการขั้นสุดท้ายกับไอซ์โทรลพวกนั้น
และตอนที่เขาสังหารไอซ์โทรลแต่ละตัว  เขาจะยื่นถ้วยที่แกะขึ้นจากไม้ไปวางไว้ใกล้ๆร่างของมัน
“เลือดที่แสนมีค่าเอ๋ย! จงไหลออกมาเรื่อยๆ”
เลือดของไอซ์โทรลเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตน้ำยาเพิ่มพลัง (healing potion)
ถ้าคิดเป็นเงินแล้วเลือดหนึ่งขวดมีค่าประมาณเกือบ 1 เหรียญทอง มันเป็นแรร์ไอเท็ม
แรร์ไอเท็มประเภทที่มีคนต้องการเป็นจำนวนมหาศาลแต่คนขายมีแค่หยิบมือ
เมื่อพวกเขาล่าโทรลได้ 3-4 ตัวพวกเขาก็จะได้ส่วนผสมที่แสนล้ำค่านี้มาขวดหนึ่ง
ไอเท็ม ‘เลือดของไอซ์โทรล’ นี้ถูกจัดให้อยู่ในรายการของที่เหล่าดาร์คเกมเมอร์ต้องการมากที่สุดอันหนึ่งเลยทีเดียว
นั่นทำให้วีดใช้กรรมวิธีการล่าแบบ รีดหมดจนเลือดหยดสุดท้าย เลยทีเดียว (จะเอาไปขาย)


***********************

(ผู้แปล : เอ้า สาวก ลี ฮายัน  ได้เวลาติดตามการผจญภัยของคุณน้องสาวแล้น)

ยูรินทำภารกิจเล็กๆหลายภารกิจเพื่อหาตังใช้
“ถ้าเธอล้างจานพวกนี้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมงล่ะก็  ชั้นจะให้เธอเพิ่มอีก 3 เหรียญทองแดง”
จานที่ใช้แล้วถูกวางกองซ้อนกันเป็นภูเขาอยู่ภายในร้านอาหารที่ยูรินทำงานอยู่
อาหารที่เหลือๆกองซ้อนกันดูน่าสะอิดสะเอียนและส่งกลิ่นตุๆชวนคลื่นเหียน
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีใครกล้าจะทำความสะอาดมัน
“เอาล่ะ ที่เราทำได้ก็แค่ลองพยายามทำดู”
ยูรินขัดทำความสะอาดจานอย่างยากลำบาก
เธอขัดมันให้สะอาดจนถึงระดับที่จานส่องเป็นประกายออกมา
‘เพื่อเงิน เพื่ออนาคต  เพื่อจะซื้อตำราทักษะ เราจะต้องค่อยๆเก็บเล็กผสมน้อย’
ยูรินต้องการเลือกหนทางที่ยิ่งใหญ่และยุติธรรมที่สุดให้แก่ตัวเธอเอง
เป้าหมายของเธอคือการเป็นนักเวทผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถจัดการสังหารมอนสเตอร์นับหมื่นได้ด้วยการควบคุมเวทมนต์ขั้นสูงสุด!
ปกคลุมท้องทุ่งด้วยเปลวอัคคี, เรียกกระแสวารีมากวาดล้างศัตรูให้เหี้ยน
มันดูเหมือนเป็นเรื่องราวของความฝัน  แต่มันก็ยังมีทางทำให้เกิดขึ้นได้
ในตอนเปิดตัวเกม รอยัลโรด นั้น มีการโฆษณาจากบริษัทยูนิคอร์น ถึงนักเวทผู้สามารถเผชิญกับมอนสเตอร์นับหมื่น
นั่นเป็นเหตุให้มีผู้เล่นจำนวนมากที่เลือกเล่นสายเวทมนต์
พวกเขามีสภาพทางกายภาพที่อ่อนแอกว่านักรบ
พวกเขาไม่ได้มีพลังชีวิตอันล้นเหลือที่จะพอให้อยู่รอดได้ถ้าโดนจู่โจมเข้าไปหลายๆครั้ง
และตอนที่มอนสเตอร์โผล่ออกมา  ก็พวกเขานี่แหละทิ่วิ่งวุ่นหนีตาย  และก็เป็นพวกนักเวทอีกนั่นแหละที่บางครั้งก็โชคร้ายไปเหยียบกับดักตาย
แถมความเป็นจริงยังแสนโหดร้ายไปกว่านั้นอีก  พวกเขาไม่สามารถแบกกระเป๋าเพื่อพกพาไอเทมให้เพียงพอต่อการใช้ได้
มันเป็นอาชีพที่ต้องสวมใส่ชุดคลุมบางๆ ถือไม้เท้าเดินไปรอบๆ และไม่สามารถแม้กระทั่งที่จะใส่ชุดเกราะสวยๆอย่างนักรบได้!
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ก็เป็นนักเวทนี่แหละที่มีพลังเวทโจมตีอันไร้ขอบเขตและสร้างการโจมตีที่รุนแรงที่สุดให้เกิดขึ้น

ตริ๊ง!

- ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 1 จากการล้างจานอย่างตั้งอกตั้งใจ – และเนื่องจากคุณประสบความสำเร็จในการทำงานบ้าน  ทำให้ตอนนี้คุณเป็นที่รู้จักของชาวบ้านในนาม หญิงสาวผู้ชำนาญการล้างจาน

เจ้าของร้านอาหารได้เข้ามาหายูริน
“ขอบใจสำหรับการทำงานอย่างหนักของเธอ  ชั้นจะให้เงิน 3 เหรียญทองแดงเพิ่มให้ตามที่สัญญากันไว้”
“ฟิ้ว ขอบคุณค่ะ”
ยูรินยิ้มพลางรับเงินของเธอมา
หลังจากนี้เธอก็จะสามารถหางานได้ง่ายขึ้นละ

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าให้ความสำคัญแก่เรื่องสุขภาพและอนามัยเป็นอย่างยิ่ง  ไอเท็มในร้านของเราถูกฝังอยู่ใต้กองฝุ่นที่หนา  เจ้าจะช่วยทำความสะอาดมันให้ข้าได้รึไม่?  ข้าต้องการให้เจ้าทำมันให้เสร็จภายใน 5 ชั่วโมง ข้าจะให้เจ้า 30 เหรียญทองแดงต่อชั่วโมง ”
“แน่นอน ไว้ใจชั้นเถอะ”
ยูรินย้ายสถานที่ทำงานของเธอไปยังร้านขายไอเท็ม
นี่มันงานทำความสะอาดไอเท็มที่ผู้คนไม่ค่อยสนใจกัน
ในระหว่างที่ยูรินทำความสะอาดสถานที่นั้น เธอก็ได้เรียนรู้ถึงไอเท็มหลายๆอย่างที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนหน้านี้
เธอสามารถที่จะทำเพียงแค่ทำความสะอาดฝุ่นบนไอเท็มพวกนั้นเฉยๆก็ได้  แต่เธอกลับทำความสะอาดไอเท็มแต่ละชิ้นอย่างบรรจงและตั้งอกตั้งใจ
เธอใช้เวลาทั้งคืนในการทำความสะอาดไอเท็มพวกนั้น  เธอต้องเปลี่ยนผ้าที่ใช้ทำความสะอาดไปถึง 10 ครั้งด้วยกัน
ติ๊ง!

คุณทำความสะอาดไอเท็มในร้านไอเท็มได้อย่างสมบูรณ์
ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 2

เจ้าของร้านขายไอเท็มมองดูไอเท็มที่ส่องประกายแวววาวไปด้วยความรู้สึกเบิกบานใจอย่างเหลือแสน
“เจ้าเป็นคนแรกที่รับผิดชอบงานชิ้นนี้อย่างพิถีพิถัน...  ข้าจะให้เจ้าเพิ่มขี่นอีก 20% เป็นพิเศษสำหรับกรณีนี้”
“ขอบคุณค่ะ”
“อ่ะ  งั้นข้าแนะนำงานให้เจ้าดีมั๊ย?  เจ้าเห็นร้านขายชุดเกราะตรงนั้นหรือไม่? ถึงแม้ร้านจะขายดี  แต่ก็มีไอเท็มบางอย่างที่พวกเขาไม่ค่อยได้ขายเท่าไหร่  แต่ใครรู้ล่ะ อาจจะมีใครมาซื้อมันไปก็ได้ถ้ามันได้รับการทำความสะอาดและวางโชว์ไว้ดีๆ  ข้าได้ยินมาว่าเจ้าของร้านกำลังมองหาลูกจ้างที่จะมาช่วยจัดการ  ถ้าเจ้าบอกเขาว่าข้าเป็นคนแนะนำเจ้ามาล่ะก็  เขาจะไม่ปฏิเสธเจ้าเป็นแน่”
“ได้ค่ะ  ขอบคุณนะคะ”
ยูรินกล่าวลาอย่างมีความสุขพร้อมทั้งมุ่งหน้าไปยังร้านขายชุดเกราะ

มันก็ไม่มีอะไรต่างไปจากก่อนหน้านี้
เหมือนเดิม แค่เปลี่ยนมาเป็นการขัดทำความสะอาดชุดเกราะเก่าๆ
ตอนนี้เธอกลายมาเป็นผู้ชำนาญด้านการทำความสะอาดไปซะแล้ว
(ตกลงเธออยากเป็น mage: ผู้ใช้เวท หรือ maid : สาวใช้ กันแน่เนี่ย)
“พวกมันเป็นชุดเกราะและโล่ที่ใช้ปกป้องชีวิตของคนๆนึงนะ  ต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษล่ะ”
“ค่ะ ชั้นจะระวังเป็นอย่างดี”
“ข้าก็ไม่ได้เชื่อใจอะไรเจ้าเท่าไหรล่ะนะ  แต่นี่เพื่อนที่แสนดีของข้าเป็นคนแนะนำเจ้ามา  งั้นข้าก็จะวางใจให้เจ้าทำงานชิ้นนี้ละกัน  จงระวังอย่าให้โลหะเปียกล่ะ  ข้าจะจ่ายให้เจ้า 50 เหรียญทองแดงต่อชั่วโมง  ถ้าเทียบกับงานที่เจ้าต้องทำล่ะก็ มันก็ไม่ถือว่าน้อยเกินไป ถูกมั๊ยล่ะ?  อ้อแล้วข้าก็มีของที่จะต้องขายอีกมาก  ดังนั้นถ้าเจ้าทำมันเสร็จในวันนี้ ข้าจะให้โบนัสพิเศษอีกเพื่อเป็นการตอบแทนที่เจ้าทำงานเป็นอย่างหนักละกัน”
เจ้าของร้านขายชุดเกราะเป็นชายร่างใหญ่ หนวดเคราดกครึ้มและมีบุคลิกเจ้าระเบียบ
และ ยูรินก็ทำงานได้ประสบความสำเร็จเช่นเคย
เธอทำความสะอาดชุดเกราะจนแม้กระทั่งเศษธุลีก็ยังไม่มีเหลือ

โรเดียมเต็มไปด้วยขอทาน
พวกนี้เป็นพวกที่ใช้ชีวิตไปวันๆโดยการขออะไรนิดๆหน่อยๆจากบรรดานักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมผลงานศิลปะและทิวทัศน์อันตระการตาที่สถานที่แห่งนี้!
มันก็ไม่ได้เป็นทางเลือกที่เลวร้ายอะไรนัก
เนื่องจากโรเดียมเป็นเมืองท่องเที่ยว ดังนั้นคุณจึงคาดหวังได้ว่าคุณจะได้รับการปฏิบัติด้วยดี
และแม้ว่าอาชีพศิลปินจะเป็นที่รับรู้ว่าเป็นอาชีพที่ไส้แห้ง  แต่คนๆหนึ่งก็ยังสามารถที่จะหารายได้ๆพอๆกับการทำงานที่น่าเบื่อหน่ายอย่างการเป็นขอทานก็ตามที
แต่คนๆนึงก็สามารถที่จะได้รับเงินที่จำกัดเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น
ยูรินรับงานทุกแบบในทุกๆสถานที่ที่จะทำให้เธอได้เงิน และนั่นทำให้เธอได้งานที่ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

‘เดี๋ยวพอซื้อตำราเวทมนต์  ชั้นน่าจะไปซื้อแหวนเพื่อเพิ่มพลังโจมตีด้านเวทมนต์  เสื้อคลุมก็อยากได้เหมือนกัน  แต่มันคงยากที่จะซื้อมันได้’
เพื่อที่จะเป็นเมจนั้นจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล
นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมยูรินถึงคลั่งทำงานขนาดนั้น
เธอพยายามทำงานทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมา
ถ้าเธอได้เป็นเสมียนในร้าน เธอคงจะหาเงินได้ง่ายกว่านี้มาก  แต่งานพวกนั้นมันไม่ได้ให้อะไรกับเธอมากเท่าไหร่
เพื่อความฝันที่จะเป็นเมจ ที่ยิ่งใหญ่  เธอจึงได้กระโดดเข้าสู่ถนนของการใช้แรงงานที่โหดร้ายนี้

จนกระทั่งวันหนึ่ง
ตอนนี้เธอได้เพิ่มค่าความเป็นเพื่อนกับเจ้าของร้านทุกๆคนพร้อมด้วยชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่เธอล้างจานกำลังล้างจานอยู่นั่นเอง  เจ้าของร้านอาหารก็ได้เรียกเธอ
“ยูริน ข้าอยากจะขอให้เจ้าช่วยอะไรหน่อย......”
ยูริน ตอบกลับไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“ได้ค่ะ ว่ามาเลยค่ะว่าจะให้ทำอะไร  มีจานให้ล้างมากกว่านี้เหรอคะ?”
“ไม่ ไม่ใช่เรื่องนั้น  ถ้าเจ้าได้ไปใกล้ๆแม่น้ำสายนั้นในตอนกลางคืน  เจ้าจะเจอชายชราคนนึงปรากฎตัวออกมาคนเดียวทุกๆคืนในตอนที่พระจันทร์ขึ้น  ข้าเคยยืมอะไรบางอย่างมาจากชายชราคนนั้น  เจ้าจะช่วยนำมันไปคืนแทนข้าทีได้ไหม?”
เจ้าของร้านอาหารแสดงหนังสือเล่มหนึ่งให้เธอดู
“นี่มันอะไรคะ?”
“นี่เป็นหนังสือเกี่ยวกับผลงานภาพและผลงานเขียนที่ได้รับความนิยมล่าสุดในราชอาณาจักร
ข้าได้ทำการขอยืมมาเมื่อ 2-3 วันก่อน  แต่ข้ายังไม่ได้เอาไปคืนเพราะงานที่ร้านอาหารยุ่งมาก  
ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยนำมันไปคืนแทนข้า”
ติ๊ง!
คำขอร้องของ กุ๊ก บาลอน (Cook Balon’s Request)
บาลอนเป็นกุ๊กที่ทะนงตน  เป็นที่รู้กันว่าไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะได้กินอาหารของเขา
จงไปที่แม่น้ำเฮสนีย์ (Hesny River) และนำหนังสือไปคืนให้แก่บุคคลที่บาลอนกล่าวถึง
ความยาก : ระดับ E
รางวัล: 30 เหรียญทองแดง
เงื่อนไขของภารกิจ: เป็นคนที่บาลอนให้ความไว้วางใจ


เล่มที่ 9 ตอนที่ 4 : จบ


*****************************


<a href='https://ads.dek-d.com/adserver/adclick.php?n=a6753880' target='_blank'><img src='https://ads.dek-d.com/adserver/adview.php?what=zone:696&amp;n=a6753880' border='0' alt=''></a>

1 ความคิดเห็น: